เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 146 คุณดูผิดแล้วล่ะ ฉันไม่ได้ขวางกั้นเขา
- Home
- เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน
- บทที่ 146 คุณดูผิดแล้วล่ะ ฉันไม่ได้ขวางกั้นเขา
หลิวหลิน
ฉินเฟิงอึ้งไป เขาคิดไม่ถึงเลย ว่าจู่ๆ จะมีหลิวหลินโผล่ออกมาท่ามกลางผู้คน แถมยังมีในหน้าอาฆาต พลางมองเขาราวกับว่าอยากจะกินเขาเข้าไปสดๆ เลยล่ะ
ไปขัดใจผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
ฉินเฟิง ฉันก็คิดว่าคุณเป็นนักบุญจริงๆ เสียอีก ไม่มีช่องโหว่อะไรเลย แต่ตอนนี้ถูกฉันจับได้แล้ว คุณชนคนเข้า ยังไม่เตรียมไปพยุงอีก นี่มันเลวถึงขีดสุดจริงๆ หลิวหลินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
อันที่จริง เธอตั้งใจมาข้ามถนนตรงนี้
เพราะเธอไม่ยอมเลย และก็คิดมาตลอดว่าฉินเฟิงนั้นเป็นรุ่นที่สองที่ทำแต่เรื่องเลวร้าย ตอนนี้ซ่อนตัวเอาไว้ ก็เพื่อทำเรื่องเลวร้ายอะไร ดังนั้นเธอเลยอยากจะจับฉินเฟิงเข้าไปให้ได้
เพียงแค่จับเข้าไปได้แล้ว ก็จะทำเรื่องชั่วไม่ได้อีก
ดังนั้น เธอเลยตั้งใจเปลี่ยนทางกลับบ้าน โดยการมาอ้อมที่นี่ ทุกครั้งที่กลับบ้าน ก็จะกลับไปด้วยเส้นทางเดียวกับฉินเฟิง และจะได้สังเกตฉินเฟิงระหว่างทางไปด้วย
แต่ขนาดเธอเองก็คิดไม่ถึง ว่าจะหาช่องโหว่เจอจริงๆ
เลยหาฉินเฟิงเจอแล้ว!
ในที่สุดก็จับรุ่นที่สองนี้เจอแล้ว
ใช่ๆ คนคนนี้ไม่เคารพผู้เฒ่าผู้แก่ ฉันข้ามถนนอยู่ดีๆ เขาเห็นแต่ก็ไม่หลบให้ แถมยังปรี่เข้ามาทันที โอ๊ย ขาฉัน เจ็บจังเลย กระดูกแก่ๆ ของฉัน คงจะเดินไม่ไหวแล้ว
คนแก่ที่อยู่ที่พื้นนั้น ร้องห่มร้องไห้โวยวายอีกครั้ง
มันทำให้คนรอบๆ ยิ่งเห็นใจเข้าไปใหญ่
โดยเฉพาะหลิวหลิน แววตาที่มองไปทางฉินเฟิง มันดูไม่มีความเมตตายิ่งกว่าเดิม คุณนั่นน่ะ คุณกล้ามากลั่นแกล้งคนแก่ เมืองเจียงเฉิงของพวกเรามีคนเลวแบบคุณได้อย่างไร
ในตอนนั้น ฉินเฟิงลงมาจากจักรยานคันเล็ก ก่อนจะเดินมาอยู่ต่อหน้าคนชราคนนั้น แล้วชี้ไปที่หลิวหลิน พลางพูดเสียงต่ำ รู้ไหมว่าคนคนนี้เป็นใคร?
คนดี ไม่ได้เลวเหมือนคุณหรอก คนชราคนนั้นพูดด้วยความน่าสงสาร
ก่อนจะผลักฉินเฟิง ไปทางกลุ่มคนที่อยู่ตรงข้าม
นั่นสิ พวกเราเป็นคนดีที่ออกมาช่วย ไม่เหมือนคุณ เห็นคนแก่ก็ไม่หลบให้ แถมยังมาชนอีก คุณไม่ดูหน่อยเหรอว่าเขาอายุเท่าไหร่แล้ว
คนหนุ่มสาวเดี๋ยวนี้ ไม่มีความอดทนเลย รอนิดหน่อยก็ไม่ได้
เห้อ ไร้คุณธรรม โลกก็ตกต่ำ คนยุคนี้ เป็นยุคแห่งการล่มสลายจริงๆ
มีคนมากมายด่าฉินเฟิง
แต่ฉินเฟิงไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา แต่กลับมองคนชราคนนั้น พลางพูดหลอกล้อ ผู้หญิงคนนี้ ชื่อหลิวหลิน เป็นหัวหน้าทีมของตำรวจอันดับหนึ่งของเมืองเจียงเฉิง
ฉินเฟิง คุณจะบอกว่าตัวตนของฉันมันทำไม……
หลิวหลินสงสัย เพราะไม่รู้ว่า ทำไมฉินเฟิงต้องบอกตัวตนของเธอ เพราะเธอจะมาเพื่อจับฉินเฟิง
แต่ยังไม่ทันรอให้เธอพูดจบ ก็ต้องอึ้งไป เพราะเธอเห็นคนแก่คนนั้นลุกขึ้นมาจากพื้น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากนั้น ก็หนีไป
หนีไป……เร็วเหมือนโบยบิน
จากนั้น ในกลุ่มคนนั้น ก็มีคนวิ่งไป ขนาดหมอคนนั้นยังหนีไปเลย
……
กลุ่มคนในนั้นก็เงียบอย่างประหลาด พลางสบตากันก่อนจะพากันงงเป็นไก่ตาแตก ไม่ได้บาดเจ็บ จนกระดูกแตกเป็นเสี่ยงๆ เลยเหรอ
นี่ มีธุระหรือไง?
วิ่งเร็วกว่าพวกวัยรุ่นอีก
ตอนนี้คุณน่าจะเข้าใจแล้วนะ แต่ก็ต้องขอบคุณมาก ชื่อเสียงความเป็นตำรวจของคุณ มันทำให้คนที่ตั้งในให้รถชนเพื่อเอาเงินของเมืองเจียงเฉิง ได้ฟังก็ต้องกลัว
ฉินเฟิงหยุดอยู่ข้างกายหลิวหลิน พลางส่ายหัว
คนธรรมดา พวกเขาสามารถพบเจอพวกคนที่จะเอาเงินเลยตั้งใจให้โดนรถชน แต่การได้เจอตำรวจนั้นไม่เหมือนกันแล้ว เพราะมันจะยุ่งยากกว่าเดิม แล้วถ้าได้เจอหลิวหลิน ก็ต้องวิ่งหนีไปแล้ว
คนคนนี้เป็นหญิงผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ
ครั้งก่อนฉินเฟิงได้ข่าวเกี่ยวกับหลิวหลิน บอกว่าคนร้ายกระดูกหักไปห้าท่อน เพราะการตามจับกุมของหลิวหลิน ตอนที่คนร้ายฟื้นขึ้นมาก็พูดว่า ฮือๆ ฉันยอมรับผิดแล้วๆ ให้หลิวหลินออกห่างไปจากฉันหน่อย
ดังนั้นคนเลวในเมืองเจียงเฉิง ยังกลัวหลิวหลินทั้งนั้น
แต่พูดจริงๆ ฉินเฟิงเองก็ไม่คิดว่าผลมันจะดีขนาดนี้
เอาล่ะ สำหรับคนมีคุณธรรมนั้น จะได้เจออีกในอนาคต
ฉินเฟิงโบกมือ จากนั้นก็ขึ้นรถจักรยานเล็กๆ ไป ก่อนจะออกไปอย่างช้าๆ
ส่วนคนกลุ่มนั้น ก็มองกันไปมา สุดท้ายก็จากไปอย่างเขินอาย พวกเขาเป็นคนที่เข้ามามุงดูข้างนอกสุด เลยไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เห็นคนอื่นพูดก็พูดตาม เลยคิดว่าฉินเฟิงทำผิดจริงๆ
แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าสุดท้ายจะเป็นการให้ร้ายฉินเฟิงเสียแล้ว
เลยจากไปอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย
แต่ว่า คนที่ทำเรื่องใหญ่โตแบบนี้ ก็คือหลิวหลิน ในตอนนั้นเอง เธอหน้าแดงทั้งหน้า มือทั้งสองก็กุมกันขึ้นมา ก่อนจะแน่นอกไปด้วยความโกรธ
ฉันแพ้อีกแล้ว
ครั้งนี้เข้าใจฉินเฟิงผิดแล้ว โอ๊ย ฉัน……ฉัน……ฉัน……กรี๊ด……
หลิวหลิน……คุณอยากจะจับฉินเฟิงตลอดเวลาเลยใช่ไหม……จนแทบจะไม่ปกติแล้ว……กลง่ายๆ แบบนี้ก็มองไม่ออก?เรียนการทำงานมาตั้งเก้าปี แล้วก็เรียนในโรงเรียนตำรวจอีกสี่ปี เสียเปล่าหมดแล้วหรอ?
หลิวหลินรู้สึกช้ำในใจ มันขมขื่นจริงๆ
ตอนแรกเธอเผชิญกับฉินเฟิง ก็แพ้หลายรอบแล้วแต่ก็ยังสู้ต่อ ไม่เคยชนะเลยแม้แต่น้อย การที่จะแพ้นั้น เธอยังรับได้ แต่ครั้งนี้เข้าใจฉินเฟิงผิดไป ตัวเองเลยกลายเป็นคนช่วยฆาตกรแทน
ถ้าไม่ใช่ว่าฉินเฟิงพูดตัวตนของเธอออกไป เธออาจจะช่วยคนเลวทำเรื่องร้ายๆ ก็ได้
ครั้งนี้ก็ถูกฉินเฟิงสั่งสอนให้อีกแล้ว
รู้สึกแย่จริงๆ เลย
โอ๊ย
หลิวหลินโกรธขึ้นมา ในใจก็อึดอัดเป็นอย่างมาก สุดท้ายเลยพูดเสียงดังออกมา ฉินเฟิง ครั้งนี้ฉันเข้าใจคุณผิดไป เป็นความผิดของฉันเอง ฉันคิดบุญคุณของคุณ ฉันจะต้องตอบแทนคุณให้ได้
น่าเสียดาย ที่ฉินเฟิงนั้นจากไปแล้ว
แต่ถนนเส้นนี้ เป็นเส้นที่พวกเขาไปนั้น เธอเองก็ต้องกลับไปจากทางนี้เหมือนกัน
ส่วนฉินเฟิงที่กำลังเดินอยู่บนถนน ก็เห็นว่าด้านในมีชายใส่ชุดคลุม แล้วก็ใส่หมวก ในมือมีกระเป๋าถือ กำลังวิ่งอย่างสุดกำลัง
ดูท่าทีเหมือนหัวขโมย
ไอ้กระจอก มองอะไร ไสหัวไป
เมื่อชายคนนั้นเห็นว่าฉินเฟิงอยู่ด้านหน้า ก็รีบหยิบมีดสั้นออกมา ก่อนจะแกว่งอยู่ด้านหน้า เพื่อจะให้ฉินเฟิงถอยไป ถ้าเกิดเป็นคนปกติ เมื่อได้เห็นแบบนี้ ก็ต้องถอยออกห่างด้วยความตกใจแล้ว
แต่ทว่า ฉินเฟิงนั้นเย็นชา ก่อนจะเตะออกไป
เพียงแรงเตะทีเดียว
ก็เตะโดนคางของหัวขโมยพอดี จากนั้นหัวขโมยก็กระเด็นไป มีดสั้นและกระเป๋าถือในมือก็ตกลงสู่พื้น สุดท้ายก็เกิดเสียงตุ้บขึ้น พลางตกลงมาฟาดกับพื้น
ฟันก็หลุดออกมาสองซี่
ครั้งหน้า อย่าไล่ให้คนไสหัวไปพร่ำเพรื่อ บางคน เขาก็สู้เป็นนะ
ฉินเฟิงเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะหยิบกระเป๋าใบนั้นขึ้น แล้วก็เตือนหัวขโมยคนนั้น
ครับๆ
หัวขโมยคนนั้นเอามือกุมฟันเอาไว้ ด้วยใบหน้าเจ็บปวด เขารู้ว่าเขาเจอกับคนจริงเข้าแล้ว
แต่ว่า ในตอนนั้นมีหญิงคนหนึ่งวิ่งตามมา หายใจหอบ ก่อนจะวิ่งพลางพูดว่า หัวขโมย รีบจับหัวขโมยคนนั้นเร็ว เธอเอากระเป๋าของฉันไป
เห้อ หยุดได้แล้ว ฉินเฟิง คุณเป็นคนขวางให้นี่เอง
เมื่อมาถึง หญิงคนนั้นก็พบว่าฉินเฟิงเป็นคนขวางให้ กระเป๋าของเธอยังอยู่ในมือของฉินเฟิง
หลิวลานเมิ่ง
ฉินเฟิงมองผู้หญิงคนนั้น ก็เห็นว่าเป็นหลิวลานเมิ่งพอดี มุมปากเลยกระตุกขึ้นก่อนจะเอากระเป๋านั้นคืนให้หัวขโมย เปล่า คุณดูผิดแล้วล่ะ ฉันไม่ได้ขวางไว้
หลังจากที่ยัดมันให้กับหัวขโมยแล้ว ฉินเฟิงก็เตือนขึ้น วิ่ง เร็ว วิ่งเร็วเข้า แล้วก็เลี้ยวไปทางด้านซ้ายของถนน มันมีซอยมากมาย หนีได้ง่ายมาก อย่าให้ถูกจับได้นะ