เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 51 สับเปลี่ยนตัว
บอสหลี่ เมื่อกี้คุณอารมณ์เสียมากใช่หรือเปล่า ลูกหนี้คือพระเจ้า ใช่ไหม?
ฉินเฟิงเดินเข้าไปหาบอสหลี่ เงาร่างนั้นเหมือนปีศาจ ทำให้บอสหลี่ตัวสั่นด้วยความกลัว เขารีบถอยหลังออกไปสองก้าว คุณอย่าเข้ามานะ ผมเป็นเจ้าของบริษัทหยวนฟาง ถ้าคุณกล้าแตะต้องผม ผมก็กล้าทำให้คุณต้องแบกรับผลที่ตามมา
แบกรับผลที่ตามมายังไงเหรอ?
ฉินเฟิงบิดคอ
ผม…ผม…ผมจะทำให้บริษัทซานหยวนกรุ๊ปล้มละลาย ล้มละลายทันที บริษัทของผมมีความสามารถในด้านนี้ พอถึงเวลานั้นพวกคุณต้องแบกรับภาระหนี้
หลี่หย่วนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดข่มขู่ออกมา
พอเขาพูดข่มขู่ออกมา ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถึงอย่างไรเขาก็เชื่อว่าไม่ว่าฉินเฟิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็ต้องเป็นห่วงบริษัทซานหยวนกรุ๊ป
ถ้าคุณคุกเข่าลงขอความเมตตาจากผมในตอนนี้ ผมอาจจะยกโทษให้คุณก็ได้
ร่างกายของหลี่หย่วนหยุดสั่น ความจองหองปรากฏขึ้นในแววตา ตอนนี้เขาควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว เพียงประโยคเดียวของเขาก็สามารถทำให้บริษัทซานหยวนกรุ๊ปล้มละลายได้ เขาไม่จำเป็นต้องกลัวฉินเฟิงผู้นี้
เขาเป็นบุคคลระดับสูง
ส่วนฉินเฟิงผู้นี้ เป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านคนอื่นที่เกาะเมียกิน
สถานะของทั้งสองมีความแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
งั้นเหรอ?
ฉินเฟิงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วโทรออกไป ฉีหยุน…
ฮ่าฮ่า คุณโทรศัพท์เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาเหรอ? ผมจะบอกคุณให้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์หยวนฟางของพวกเรายิ่งใหญ่และมั่งคั่งมาก บริษัทซานหยวนกรุ๊ปของพวกคุณไม่มีทางทำได้อย่างนี้
หลี่หย่วนภาคภูมิใจแล้วพูดต่อ ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง ถ้าคุณคุกเข่าลง ผมจะลองพิจารณา…
ติ๊งติ๊งติ๊ง!
โทรศัพท์มือในมือของเขาดังขึ้นทันที หลี่หย่วนหน้านิ่วคิ้วขมวด ใครวะ โทรมาในเวลานี้
หลี่หย่วนหยิบออกมาดู พบว่าเป็นเลขาของเขา จึงรับสายทันที เลขา เกิดอะไรขึ้น? นี่มันเวลานอกเวลางานของผม ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าอยู่นอกเวลางาน ไม่ต้องติดต่อผมยกเว้นว่าเกิดเรื่องใหญ่?
…
เลขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างไม่เร่งรีบ เถ้าแก่ บริษัทกำลังจะล้มละลาย ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่า
อะไรนะ? จะล้มละลายเหรอ?
หลี่หย่วนอึ้งไปทันที ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขาเพิ่งบอกฉินเฟิงว่าบริษัทของพวกเขามีความมั่งคั่ง แต่ตอนนี้มีโทรศัพท์โทรมาบอกว่ากำลังจะล้มละลายแล้ว มันจะเป็นไปได้อย่างไร!
ก่อนหน้านี้ยังดีๆ อยู่เลย
เกิดอะไรขึ้น?
หลี่หย่วนรีบถาม
เถ้าแก่ บริษัทใหญ่หลายแห่งที่ร่วมมือกับบริษัทเราเพิ่งโทรมาขอยุติความร่วมมือ เรามีโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่สองแห่งที่กำลังจะเจ๊งอยู่ในมือ ครั้งนี้เราต้องชดเชยเงินหลายร้อยล้าน ในบัญชีของบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนอยู่ไม่มาก หาแก้ปัญหาไม่ได้ก็ต้องล้มละลายแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น คนของบริษัทได้สอบถามทางธนาคารแล้ว ทางธนาคารบอกว่าไม่มีทางให้บริษัทของเรากู้ยืม
คำพูดของเลขาทำให้หลี่หย่วนถึงกับอึ้งไป ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้!
เบื้องบนบอกว่า พวกเราไปยั่วยุคนที่ไม่ควรยั่วยุ
จากนั้น เลขาก็พูดออกมาอีกประโยคหนึ่ง
คนที่ไม่ควรยั่วยุ คนที่ไม่ควรยั่วยุ!
หลี่หย่วนเกาหัวแล้วเอาแต่นึก ผม…สองวันนี้ผมไม่ได้เจอใครเลย…เดี๋ยวนะคุณ… โทรศัพท์เมื่อกี้นี้… เป็นฝีมือของคุณหรือเปล่า?
กระจ่างในทันที
หลี่หย่วนเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่ฉินเฟิงอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อครู่ฉินเฟิงโทรออกไป ถึงมีการตอบสนองเป็นชุดเช่นนี้ แต่แค่โทรศัพท์สายเดียว บริษัทของเขาถึงกับล้มละลายเลยหรือ
เหมือนนิทานแฟนตาซี
ชัดเจนมาก เป็นฝีมือของผมเอง ตอนนี้ถึงตาคุณแล้ว คุณบอกว่าจะทำให้บริษัทซานหยวนกรุ๊ปล้มละลาย คนเราต้องรักษาคำพูด ไม่ควรผิดสัญญา เชิญคุณตามสบาย
ฉินเฟิงมองมาที่หลี่หย่วน
และในเวลานี้
พรึ่บ
หลี่หย่วนคุกเข่าลงบนพื้น โขกศีรษะคำนับให้ฉินเฟิงพลางตบหน้าตัวเอง พี่ใหญ่ ผมผิดไปแล้ว ผมมีตาหามีแววไม่ ผมมองคนอื่นต้อยต่ำ…
ผัวะ ผัวะ!
เสียงตบดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ใบหน้าของหลี่หย่วน
ในขณะนี้ หลี่หย่วนรู้สึกเสียใจมาก เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเศษสวะเกาะผู้หญิงกินธรรมดาๆ จะทำให้บริษัทมูลค่าหลายร้อยล้านของเขาล้มละลายได้ด้วยโทรศัพท์เพียงสายเดียว!
แค่โทรศัพท์เพียงสายเดียวเท่านั้น
ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าตัวตนของฉินเฟิงนั้นน่ากลัวขนาดไหน!
เขาไม่อยากรู้ว่าทำไมฉินเฟิงถึงต้องอำพรางตัวภายใต้สถานะเช่นนี้ แต่เขารู้ว่า ถ้าตอนนี้ยังไม่ขอร้องให้ฉินเฟิงให้อภัย เขาต้องระเหเร่ร่อนอยู่บนท้องถนนแน่
ก็ได้
ฉินเฟิงโบกมือ ต่อไป คุณน่าจะรู้ว่าต้องทำยังไงใช่ไหม?
ใช่ครับ ใช่ครับ
หลี่หย่วนรีบพยักหน้า ไม่กล้าปฏิเสธเลย
และในห้องน้ำเวลานี้ อิ่นซินเอากระดาษทิชชูเช็ดดวงตาของตัวเอง เพื่อไม่ให้ร้องไห้ออกมา เป็นเพราะบริษัทฟางซื่อกรุ๊ปรังแกเธอมากเกินไป
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อิ่นซิน ปรับอารมณ์เสีย ครั้งนี้ไม่ได้ก็ยังมีครั้งหน้า
อิ่นซินส่องกระจกให้กำลังใจตัวเอง เธอรู้อยู่แล้วว่าครั้งนี้จะไม่ได้อะไรกลับไปอย่างแน่นอน บริษัทซานหยวนกรุ๊ปเทียบบริษัทอสังหาริมทรัพย์หยวนฟางไม่ติด มันด้อยกว่ามาก
หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว อิ่นซินก็เดินออกจากห้องน้ำ แต่เมื่อเธอออกไปก็ตกใจมาก เพราะในร้านกาแฟที่มีลูกค้าอยู่สิบกว่าคน เหลือเพียงโต๊ะของพวกเขาโต๊ะเดียวเท่านั้น
คนอื่นๆ หนีไปหมดแล้ว
เกิดอะไรขึ้น?
อิ่นซินรู้สึกงุนงงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร เธอเดินไปยังที่นั่งของตนเองแล้วพูดกับหลี่หย่วนว่า บอสหลี่ นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ถ้าครั้งหน้าฉันมาอีกแล้วไม่ได้เงิน ฉันต้องฟ้องร้องดำเนินคดี
หากดำเนินคดีต้องใช้เวลาเดือนสองเดือน
เช่นนั้นทั้งสองบริษัทจะขาดทุนอย่างแน่นอน และบริษัทของพวกเขามีขนาดเล็ก เสียเปรียบง่ายกว่า
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกแล้ว
เพียงแต่ว่า ในเวลานี้หลี่หย่วนได้เดินเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม คุณอิ่นครับ คุณพูดอะไรกัน ติดหนี้ก็ต้องจ่ายคืน เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เราทั้งสองบริษัทมีความร่วมมือกันมามากมาย ทำไมต้องทำให้กระทบความสัมพันธ์เพราะเรื่องนี้ด้วยล่ะ เอาอย่างนี้ ผมติดหนี้คุณสิบสองล้านใช่ไหม ผมจะเพิ่มให้อีกสามล้าน ถือว่าเป็นดอกเบี้ยของพวกคุณแล้วกัน
ดอกเบี้ยสามล้าน!
อิ่นซินถึงกับอึ้งไป!
เขาคือคนคนเดียวกันหรือเปล่า เมื่อครู่ยังจองหอง ให้ตายก็ไม่ยอมให้ แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แถมยังเสนอดอกเบี้ยให้อีกสามล้าน นั่นมันเงินสามล้านนะ ไม่ใช่เศษกระดาษ!
บอสหลี่ เรื่องนี้ คุณคิดทบทวนดีแล้วใช่ไหม? เรายอมรับเงินต้นได้ แต่ดอกเบี้ยสามล้านนั้น?
อิ่นซินยังคงรู้สึกว่าดอกเบี้ยสามล้านนี้ มีอะไรไม่ชอบมาพากล
เพื่อความร่วมมือในอนาคตของบริษัทของพวกเราทั้งสอง แค่สามล้าน ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ สัญญาผมก็เซ็นเรียบร้อยแล้ว ส่วนเงินสิบห้าล้านนั้น ผมจะให้ทางบริษัทโอนให้ทันที คุณสบายใจได้
หลี่หย่วนมีสีหน้าจริงใจ แตกต่างจากเมื่อก่อนเป็นคนละคน
อ้อ…ตกลงค่ะ
ในที่สุด อิ่นซินก็จัดการค่าใช้จ่ายก้อนนี้เสร็จสิ้นอย่างงงๆ เธอรับประกันได้ว่า ตั้งแต่เกิดมา นี่คือความกล้าหาญในการลงนามที่อัศจรรย์ที่สุดที่เธอเคยเจอ
ระหว่างทางกลับ อิ่นซินเอนตัวพิงฉินเฟิงพลางพึมพำกับตัวเองว่า คุณว่า หลี่หย่วนนั่นประสาทหรือเปล่า รู้สึกว่าฉันแค่ไปเข้าห้องน้ำแล้วออกมา เขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน