เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 58 เขยเต่าทองคำ
ฮ่าฮ่า พระเอกตัวจริงมาแล้ว
อิ่นเสี้ยงสวี่เอามือกอดอก มองไปที่ฉินเฟิงด้วยสายตาล้อเลียน หยุดเขาไว้ ถ้าเขาตอบตกลง บริษัทซานหยวนกรุ๊ปของเราจะอยู่รอดได้อีกครั้ง ทุกคนจึงจะมีตำแหน่งหน้าที่
แกร่ก แกร่ก แกร่ก
คนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าฉินเฟิงและอิ่นซิน แต่ละคนเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า พวกคุณออกไปไม่ได้ โดยเฉพาะคุณ ฉินเฟิง คุณต้องมีคำอธิบายให้เราในวันนี้
พวกคุณเป็นคนสร้างปัญหาขึ้น ตอนนี้ยังคิดจะหลบหนีอยู่อีกเหรอ?
คุณ คุณจำเป็นต้องให้คำตอบที่แน่นอนวันนี้ มิฉะนั้นพวกคุณสองคน อย่าคิดจะออกไปในวันนี้เลย
พนักงานชายร่างกำยำยืนขวางอยู่หน้าประตู ดูท่าทางไม่ยอมปล่อยฉินเฟิงไป
ในเวลานี้ ฉินเฟิงประคองอิ่นซินเดินไปที่ประตู เขาเชยตามองขึ้น ดวงตามืดดำราวกับน้ำหมึก กวาดสายตามองทุกคนแล้วพูดออกมาคำหนึ่ง
หลีกไป!
ทันใดนั้น หัวใจของทุกคนก็สั่นระรัวอย่างอธิบายไม่ถูก สีหน้าเปลี่ยนไป พากันถอยกลับ ราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายในยุคดึกดำบรรพ์
จนกระทั่ง ฉินเฟิงช่วยประคองอิ่นซินเดินออกจากประตูบริษัท พวกเขาถึงเริ่มหอบหายใจฟอดใหญ่ สถานการณ์เมื่อครู่ทำให้พวกเขาไม่กล้าหายใจ แม้แต่หายใจยังไม่กล้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องสกัดกั้นเลย
เอ่อ แล้วพวกเราจะยังตามไปอยู่ไหม?
มีคนถามอิ่นเสี้ยงสวี่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ถามไปทำบ้าอะไร เศษสวะ พวกเศษสวะ คนเยอะขนาดนี้ ยังปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้
อิ่นเสี้ยงสวี่ตำหนิพวกเขาประโยคหนึ่ง แต่ที่จริงแล้ว ในหัวใจของเธอ ยังคงรู้สึกใจสั่นอยู่บ้าง เมื่อครู่สายตาของ ฉินเฟิงทำให้เธอรู้สึกราวกับว่ามีมีดจ่ออยู่บนลำคอของเธอ
ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ถ้าฉินเฟิงต้องการ ก็สามารถฆ่าเธอด้วยสายตาได้เลย
จนกระทั่งตอนนี้ เธอก็ยังไม่ฟื้นคืนสภาพเดิม
แต่ทว่า อิ่นเสี้ยงสวี่ได้สูดหายใจฟอดใหญ่ แล้วมองไปที่ฉินเฟิงและอิ่นซินที่กำลังจะจากไป ยิ้มมุมปากพูดว่า พวกคุณไปแล้วยังไง ฆาตกรก็ไม่ใช่พวกเรา
ระหว่างทาง ฉินเฟิงใช้กระดาษทิชชูเช็ดไข่เหล่านั้นให้ตัวเอง แล้วพูดขอโทษ
ไม่ต้องขอโทษหรอก
อิ่นซินมองฉินเฟิงชายร่างใหญ่ผู้อ่อนโยน เขาเช็ดน้ำตาให้เธออย่างระมัดระวัง ยังมีความรู้สึกปลอดภัยที่เธอเคยมีตอนที่กอดเธอไว้ในอ้อมแขนที่บริษัท
ทำให้เธอใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก
แต่แล้วเธอก็ส่ายหัวพร้อมแววตาผิดหวัง พลางกล่าวว่า ฉันไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะเป็นแบบนี้ ฉันก่อตั้งบริษัทซานหยวนกรุ๊ปขึ้นมากับมือ พนักงานส่วนใหญ่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากฉัน แต่ตอนนี้ทั้งหมดกลับพุ่งเป้ามาที่ฉัน ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิดไป ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าฉันผิดพลาดตรงไหน
คุณไม่ผิด
ฉินเฟิงเอื้อมมือข้างหนึ่งไปแตะแก้มของอิ่นซิน ที่ผิดคือโลกใบนี้ ถ้าวันหนึ่งคุณต้องการ ผมยินดีที่จะเปลี่ยนโลกทั้งใบเพื่อคุณ
พูดจาอ่อนหวานเหลอืเกิน ไม่รู้ว่าไปเรียนมาจากไหน
หัวใจของอิ่นซินเต็มไปด้วยความสุขเล็กๆ แต่แล้วต่อมา ในใจก็ยังคงผิดหวัง เพราะเธอรู้ว่าสิ่งที่ฉินเฟิงพูดคือการปลอบโยนเธอ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเล็กๆ คนหนึ่ง จะเปลี่ยนโลกได้อย่างไร
เอาล่ะ กลับบ้าน กลับบ้านไปอาบน้ำกันเถอะ
อิ่นซินทำหน้าขรึม พยายามไม่ให้ความสุขของตัวเองแสดงออกมาภายนอก เธอเป็นหญิงสาวที่เย่อหยิ่งและเผด็จการ ไม่ใช่ เป็นหญิงสาวแต่งงานแล้วที่เย่อหยิ่งและเผด็จการ
แต่ทว่า หลังจากที่กลับมาถึงบ้านตระกูลอิ่น ก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ประตูใหญ่ถูกล็อกแน่นหนา
อิ่นหยวนและจางลี่ยืนขวางอยู่หน้าประตู อิ่นหยวนเอามือไพล่หลัง สีหน้าซับซ้อน อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พูดไม่ออก แต่จางลี่เอามือเท้าเอวแล้วพูดอย่างกล้าหาญ ตระกูลของเราได้ส่งจดหมายเวียนให้พวกเราแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้ หุ้นของบริษัทซานหยวนกรุ๊ปของพวกเราตกลงมาสามจุด สามจุดมีความหมายอย่างไร นั่นก็คือเงินหลายล้าน
พอถึงตอนนั้นเมื่อราคาหุ้นตกลงจนถึงสภาวะซบเซา หุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ก็จะไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย หายนะนี้ มันเกิดจากฉินเฟิงเพียงคนเดียว ถ้าอย่างนั้น คุณต้องรับผิดชอบในการแก้ปัญหา
เหลืออีกไม่เกินสองหรือสามวัน ภายใต้การกดดันของบริษัทฟางซื่อกรุ๊ป บริษัทซานหยวนกรุ๊ปของเราจะล้มละลาย นี่เป็นเรื่องความอยู่รอดของตระกูล แม้ว่าเราจะไม่ได้ดูแลจัดการบ้านใหญ่แล้ว แต่อิ่นซิน ในฐานะคนของตระกูลอิ่น เธอไม่รู้จักเกลี้ยกล่อมฉินเฟิงเหรอ?
จางลี่ ได้รับโทรศัพท์จากอิ่นหยวน เธอได้รับรู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้แล้ว ถ้าฉินเฟิงไม่ยอมทำตาม บริษัทซานหยวนกรุ๊ปล้มละลายล่ะก็ ส่วนแบ่ง 10% ของครอบครัวพวกเขาจะไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย
เมื่อหุ้น 10% ไม่มีประโยชน์แล้ว ถ้าอย่างนั้นครอบครัวของพวกเขาก็จะใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ได้อีก เธอก็ไม่สามารถซื้อของฟุ่มเฟือยเหล่านั้นได้ นับประสาอะไรกับการเล่นไพ่นกกระจอกทั้งวันทั้งคืน
เธออยู่ห่างจากของฟุ่มเฟือยไม่ได้
ดังนั้น วันนี้จึงจำเป็นต้องทำให้ฉินเฟิงตอบตกลงให้ได้
แม่
อิ่นซินมองไปที่จางลี่ เธอไม่เต็มใจจะทำเช่นนี้ จึงหันไปหาอิ่นหยวน ต้องการให้พ่อของเธออ้อนวอน พ่อคะ พ่อ…
แต่ทว่า ยังพูดไม่ทันจบ อิ่นหยวนก็โบกไม้โบกมือ ก็ได้
พ่อ พ่อยืนอยู่ข้างฉันดีกว่า
อิ่นซินนึกว่าพ่อของเธอต้องการให้แม่ของเธอหยุดพูด แต่แล้วอิ่นหยวนก็ทอดสายตามาที่เธอ แล้วพูดอย่างซับซ้อน พ่อกำลังพูดถึงเธอ บ้านใหญ่ได้โทรมาบอกพ่อว่า ขอเพียงเธอทำให้ฉินเฟิงคุกเข่าลงโขกศีรษะคำนับให้คุณชายฟางพรุ่งนี้ คุณท่านก็จะให้พวกเรากลับไปที่บ้านใหญ่
เดิมทีพวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่ แต่เหตุกาณ์เมื่อเจ็ดปีที่แล้วทำให้พวกเขาถูกไล่ออกจากบ้านใหญ่ สำหรับอิ่นหยวนแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจตราบจนทุกวันนี้
ตอนนี้มีโอกาสแล้ว จะปล่อยมันไปไม่ได้
พ่อ พวกคุณ!
อิ่นซินมองไปที่สองคนนี้ ทั้งคู่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามพวกเขา ต่างต้องการให้เธอเลิกกับฉินเฟิง แต่เธอไม่เต็มใจ เพราะเธอเคยยอมทิ้งฉินเฟิงไปแล้วครั้งหนึ่ง
ครั้งนั้น เธอได้สาบานในใจว่า ขอเพียงฉินเฟิงไม่ทำผิดต่อเธอ เธอก็จะไม่มีวันทอดทิ้งฉินเฟิงอีก
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
ไป เราไปโรงแรมกันเถอะ
อิ่นซินดึงฉินเฟิง หันหลังเดินจากไป ทำให้ฉินเฟิงตกตะลึง แต่ในวินาทีถัดมา ความอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ภรรยาแบบนี้หาได้ยากบนโลกใบนี้ ชาตินี้มีคนแบบนี้อยู่ก็เพียงพอแล้ว
หลังจากที่ทั้งสองจากไป อิ่นหยวนก็มองดูภาพนี้แล้วหน้านิ่วคิ้วขมวด พวกเรา มันเกินไปหน่อยหรือเปล่า
มีอะไรเกินไป พรุ่งนี้จำเป็นต้องทำให้ฉินเฟิงคุกเข่าลงให้ได้ ฉินเฟิงนั่นเป็นใครกัน แค่คนไม่เอาถ่าน แล้วคุณชายฟางล่ะเป็นใคร เขาเป็นทายาทของตระกูล มีสถานะที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
เมื่อจางลี่เปรียบเทียบทั้งสองคน ก็พบว่าฟางเย้นดีเลิศกว่าฉินเฟิงมากไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ปัญหาเล็กน้อยในตอนแรกนั้น มันไม่ใช่ปัญหาเลย
เธอไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้ตั้งแต่แรก
แค่สร้อยคองานฝีมือเล็กๆ เส้นหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ให้พวกเขาใส่ แต่ให้ฉินกั่วกั่วลูกนอกสมรสเท่านั้น แค่ลูกนอกสมรสคนหนึ่ง จะมีเกียรติยศแบบคุณชายฟางได้อย่างไร
สมควรเตะฉินเฟิงสักครั้ง แล้วค่อยรับคุณชายฟางเข้ามา นี่ต่างหากที่เป็นวิธีการที่สมเหตุสมผลที่สุด
ท้ายที่สุด เธอก็ต้องการเขยเต่าทองคำสักคนมาโดยตลอด