เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 79 ตรวจสอบพบบางสิ่งบางอย่าง
ใช่
อิ่นซินไม่อยากกลับไปจริงๆ เธออดทนมามากพอแล้ว ตระกูลที่กลั่นแกล้งเธอตั้งแต่เล็กจนโต ทำให้เธอรู้สึกว่าตระกูลอิ่นนั้นเย็นชามากๆ และคนในตระกูลก็แล้งน้ำใจต่อเธอมากๆเหมือนกัน
ตระกูลแบบนี้ ไม่กลับไปดีกว่า
เสี่ยวซิน
แต่อิ่นหยวนที่อยู่ข้างๆรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที ถ้าไม่ได้กลับไป ก็ไม่สามารถกลับเข้าตระกูลอิ่นอีก สำหรับผู้ชายหัวโบราณอย่างเขา ความรู้สึกเหมือนตัวเองหมดคนสืบสกุลไปแล้ว
คุณพ่อ คุณลืมวันนั้นไปแล้วเหรอ ตอนที่ฉันอยู่ในบริษัท พวกเขาทำอะไรกับฉันบ้าง?
อิ่นซินหันหน้ากลับมาและมองอิ่นหยวน
คือ……
อิ่นหยวนลังเลอยู่ชั่วครู่ วันนั้นเขาก็อยู่ในเหตุการณ์ คนส่วนมากของตระกูลอิ่น ไม่มีใครสุภาพหรือเกรงใจกับอิ่นซินเลย พวกเขาทุกคนมองเธอด้วยสายตาเย็นชาและดุด่า
เธอคือลูกสาวของฉันนะ
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกสับสนในใจมากๆ
เอาอย่างนี้ละกัน ลูกคนต่อไปของฉันกับฉินเฟิง จะให้ใช้นามสกุลอิ่น ไม่ใช้นามสกุลฉิน โอเคไหม ให้เขาสืบสกุลอิ่นต่อไป อิ่นซินครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่และพูด
ก็ได้
อิ่นหยวนถูกบังคับให้ตอบตกลง
ตอนนี้ก็มีทางเลือกนี้เพียงทางเดียว อิ่นซินทรยศออกจากตระกูลอิ่นแล้ว มันก็ทำได้เพียงแค่นี้
เดี๋ยวฉันค่อยอธิบายให้คุณฟัง
สำหรับฉินเฟิง เธอเอื้อมมือออกไปและดึงเขาไว้
ได้
ฉินเฟิงไม่ได้ปฏิเสธ
หลังจากนั้นอิ่นซินก็พูดกับอิ่นเสี้ยงสวี่กับอิ่นป่ายว่า: พวกคุณสองคนเชิญกลับไปเถอะ ฉันเคยพูดแล้ว ถ้าอยากให้ฉันกลับไป ก็ให้คุณปู่มาเชิญเอง
ไปกันเถอะ
สีหน้าของอิ่นป่ายดูโหดเหี้ยมเล็กน้อย แต่เมื่ออิ่นซินพูดถึงขนาดนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้อีก ดังนั้นเขากับอิ่นเสี้ยงสวี่ก็จากไปทันที
ที่รัก ฉันขอโทษ เรื่องนี้ฉันยังไม่เคยปรึกษากับคุณเลย และตัดสินใจเอง เพราะคุณพ่อของฉันให้ความสำคัญกับเรื่องสืบสกุลมากๆ ฉันกับหนิงหยู่ต่างก็เป็นผู้หญิง ถ้าหนิงหยู่แต่งเข้าตระกูลตู้ ด้วยฐานะที่ร่ำรวยของตระกูลตู้ พวกเขาไม่ยอมให้ลูกใช้นามสกุลฝั่งแม่อย่างแน่นอน
อิ่นซินดึงมือของฉินเฟิงไว้และพูดอ้อนวอน
เธอรู้ตัวดี สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง ถ้ามีลูกแล้วลูกไม่สามารถใช้นามสกุลของเขาได้ มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากๆ เรื่องนี้ เธอก็ไม่มีทางเลือก
เจ้าเด็กโง่ ลูกจะใช้นามสกุลของคุณ มันเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
ฉินเฟิงลูบศีรษะของอิ่นซินเบาๆ
สำหรับเขา เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นหนี้บุญคุณต่ออิ่นซินมากๆ ถ้าให้ลูกคนหนึ่งใช้นามสกุลของอิ่นซิน มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว และการที่ฉินกั่วกั่วสามารถใช้นามสกุลฉิน มันเป็นเรื่องที่ฉินเฟิงไม่เคยคาดคิดมาก่อน
คนที่พึ่งแต่งงานแล้วหายตัวไปเลย
และหายตัวไปเป็นเวลาเจ็ดปี มีลูกเพียงคนเดียวก็ยังใช้นามสกุลของพ่อด้วย มันเป็นเรื่องที่ดีมากๆแล้ว
ในเวลานี้ ฉินเฟิงมองไปทางทิศเหนือ มีเมืองหนึ่งทางตอนเหนือที่ชื่อว่าจิงตู เป็นเมืองหลวงของประเทศต้าหัว ถ้าให้ตระกูลฉินที่มีชื่อเสียงมากๆในเมืองจิงตูรู้ว่าทายาทของพวกเขาใช้นามสกุลของภรรยา พวกเขาคงโกรธมากๆอย่างแน่นอน
ตระกูลใหญ่ ให้ความสำคัญกับเรื่องสืบสกุลมากๆ
โดยเฉพาะคนของตระกูลฉินที่เป็นตระกูลชั้นแนวหน้าแบบนี้
ถึงแม้จะพูดอย่างนี้ แต่ฉินเฟิง ฉันเคยพูดแล้ว ในเวลาครึ่งปี ถ้าคุณหาเงินสองล้านหยวนไม่ได้ คุณก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ นี่คือเงื่อนไขของฉัน ลูกสาวของฉันไม่ควรอยู่กับคนไร้ประโยชน์อย่างนั้น
ถึงแม้อิ่นหยวนจะรู้สึกว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณฉินเฟิง แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นพ่อตา มีบางเรื่อง จำเป็นต้องพูดออกมา ถึงแม้จะเป็นอย่างนี้ เขาก็มีเงื่อนไขเหมือนกัน
เดี๋ยวนะ ที่รัก คุณรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาจะมาที่นี่? หรือว่า?
อิ่นซินมองหน้าฉินเฟิงด้วยความสงสัย เธอเป็นประธานหญิงที่เย็นชา และเธอก็รู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ชอบมาพากล ช่วงนี้พวกเขาทำอะไรก็ราบรื่นไปหมด
เหมือนมีเทวดาค่อยคุ้มครอง
มันไม่สมเหตุสมผลเลย
คุณลืมไปแล้วเหรอ ประธานบริษัทคนนั้นกลับมาจากการเป็นทหารที่อีสเตอร์แลนด์ ทหารของอีสเตอร์แลนด์มีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่ง ให้ความสัมพันธ์กับมิตรภาพมากๆ ในเมื่อเขาชอบเหล้าขาวของหนิวหลันซานที่คุณมอบให้เขา ถ้างั้นเขาก็ไม่ลืมคุณอย่างแน่นอน
ฉินเฟิงอธิบายทันที
เป็นอย่างนี้นี่เอง
อิ่นซินคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว ครั้งที่แล้วก็เป็นอย่างนี้ พวกเขาเป็นทหารของอีสเตอร์แลนด์เหมือนกัน เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะเข้าใจกัน พอได้ยินแบบนี้ เธอก็หายสงสัยทันที
คงเป็นเพราะเธอ ไร้เดียงสาและโชคดีมากๆ
เดี๋ยวนะ คุณแม่……
จู่ๆอิ่นซินมองไปที่จางลี่ เธอมีบางเรื่องที่อยากจะถาม
แต่จางลี่สองมือจับเอว และพูดด้วยความโกรธ: ฉันไม่สน ฉันไม่ยอมกินไม้กวาดอย่างแน่นอน พวกคุณจะใจดำจริงๆและให้ฉันกินไม้กวาดเหรอ? เพราะผู้ชายคนนั้น ดวงดีมากกว่า เขาไม่ดวงดีทุกครั้งแน่นอน
เมื่อพูดจบ สีหน้าของจางลี่บูดบึ้งและเดินจากไปทันที
ก่อนหน้านี้เธอพูดจาโอหัง บอกว่าคนอย่างอิ่นป่าย ไม่มีทางมาขอโทษด้วยตัวเองอย่างแน่นอน ยังพูดว่าถ้าพวกเขามาจริงๆ เธอก็จะยอมกินไม้กวาด แต่ผ่านไปเพียงแค่วินาทีเดียว พวกเขาก็มาจริงๆ และทำให้เธอขายหน้าต่อหน้าฉินเฟิงมากๆ
ครั้งที่แล้วก็ให้โดดลงจากชั้นสอง
ครั้งนี้ให้กินไม้กวาด
เธอไม่รู้ทำไมตัวเองถึงดวงซวยขนาดนี้ ทุกครั้งที่ฉินเฟิงพูดอะไรออกมาก็พูดถูกตลอด แต่เธอพูดอะไรก็ผิดไปหมด ต้องรู้ไว้นะว่าเธอดูถูกฉินเฟิงมาโดยตลอด
เพราะเขาเป็นลูกเขยที่ฐานะยากจนมากๆ
ดังนั้นเพื่อไม่ให้ฉินเฟิงพูดให้เธอทำตามคำพูดที่เธอเคยพูดไว้ เธอก็เลยรีบออกไปเล่นไพ่นกกระจอกทันที
เห้อ
อิ่นซินมองจางลี่แล้วส่ายหัว
และวันรุ่งขึ้น ฉินเฟิงก็ไปที่บริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ป เมื่อขึ้นไปชั้นบนสุดของตึก หลังจากเปิดประตู ก็เห็นเฝิงกางกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ เมื่อเขาเห็นฉินเฟิงเข้ามา เขาก็รีบวางถ้วยน้ำชาทันที
เขายืนขึ้นและพูดกับฉินเฟิง: ท่านประธาน
ในห้องทำงานยังมีผู้หญิงอีกหนึ่งคน เธอใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและกระโปรงสั้น นิสัยโอบอ้อมอารี เธอคือหลี่เชี่ยนที่เคยเจอเมื่อครั้งที่แล้ว เธอเป็นเลขาส่วนตัวของเฝิงกาง เป็นคนที่มีความสามารถมากๆ
ท่านประธาน
หลี่เชี่ยนกล่าวคำทักทาย เพราะเธอรู้จักฉินเฟิง
มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจ ถึงแม้ฉินเฟิงจะเป็นประธานบริษัท ทำไมเฝิงกางถึงกลัวฉินเฟิงมากขนาดนี้ เธอมีความรู้สึกเหมือนฉินเฟิงกำลังจะฆ่าเขาเลย
มันแปลกมากๆ
อืม
ฉินเฟิงนั่งลงบนเก้าอี้ของประธานบริษัท เขาใส่เสื้อธรรมดามากๆ ดูไม่เข้ากับสถานที่แห่งนี้เลย
ท่านประธาน สำหรับเรื่องของหลิวลานเมิ่ง ฉันได้ทำโทษเธอแล้ว ได้หักเงินโบนัสประจำปีและหักเงินรางวัลบางส่วน เธอยังมาถามฉันด้วย แต่ฉันไม่ได้ตอบคำถามของเธอ
เฝิงกางยืนอยู่ข้างๆรีบรายงานเรื่องนี้ทันที
ทำแค่นี้ก็พอแล้ว ยังไงซะเธอก็เป็นเพื่อนสนิทของภรรยาฉัน
ฉินเฟิงโบกมือ และไม่สนใจเรื่องนี้อีก ปล่อยให้หลิวลานเมิ่งสับสนไปเรื่อยๆ บางทีจนถึงตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่าตัวเองล่วงเกินผิดใจกับใครกันแน่
หลี่เชี่ยนที่อยู่ข้างๆรู้สึกงุนงง พวกเขาไม่ได้เป็นแฟนกัน แล้วทำไมถึงต้องกลั่นแกล้งหลิวลานเมิ่งด้วย แต่เธอก็ทำตามคำสั่งทุกอย่างของเฝิงกาง เธอเข้าใจดี เรื่องที่ควรพูดก็พูด เรื่องที่ไม่ควรพูดก็ห้ามพูดเด็ดขาด
ในเวลานี้ ฉีหยุนเดินเข้ามาในห้อง ในมือมีเอกสารฉบับหนึ่ง: คุณครับ ฉันตรวจสอบเจอแล้วครับ
ออกไปกันเถอะ
เฝิงกางเป็นคนฉลาด รู้ว่าฉีหยุนจะพูดคุยกับฉินเฟิง เขาก็เลยรีบเดินออกจากห้องพร้อมกับเลขา
อ่านออกมาเลย
ฉินเฟิงให้สัญญาณ
เมื่อเจ็ดปีก่อน คู่แข่งของบริษัทซานหยวนกรุ๊ปคือบริษัทเหอเหิง ในนั้นมีผู้จัดการสองคนที่รับผิดชอบเจรจากับอิ่นซิน หนึ่งในนั้นถูกตรวจพบว่าวางยาในวันนั้น และเข้าคุกไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเสียชีวิตในคุก ส่วนอีกคนหนีไปและหลบซ่อนตัวมาโดยตลอด พวกเราพยายามอย่างมากกว่าจะหาตัวเขาจนเจอ