เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 80 หลอกถามคุณไง
แต่เขาก็ไม่รู้อะไรมากนัก เขารู้เพียงว่ามีคนให้เขาวางยา แต่หลังจากนั้น ก็มีคนมาตามฆ่าเขา ทำให้เขาตกใจมากๆจึงวิ่งหนีไป หลังจากนั้นเขาได้ข่าวว่า คนที่เข้าคุกเสียชีวิตแล้ว เขาก็หลบซ่อนตัวตลอดและไม่กล้าแสดงตัวออกมาอีกเลย
พวกเราใช้เทคโนโลยีและหาหมายเลขโทรศัพท์ที่เขาเคยใช้จนเจอ หนึ่งในนั้นเป็นเบอร์ของอิ่นป่าย แต่คนๆนั้นจำไม่ได้ว่าอิ่นป่ายโทรหาเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงให้เขาไปสืบหาเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้น เขาใช้เวลาหลายวันกว่าจะหาข้อมูลเหล่านี้ได้ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว เบาะแสจำนวนมากได้หายไปแล้ว
อิ่นป่าย?
ฉินเฟิงเอนตัวนอนอยู่บนเก้าอี้ในห้องทำงานและส่ายหัว: เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับอิ่นป่ายอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่ฝีมือของอิ่นป่ายแน่นอน เขาไม่มีความกล้าที่จะทำเรื่องนี้ เพราะเขาไม่กล้าฆ่าคน
เรื่องที่เกิดขึ้นปีนั้น มันซับซ้อนและยากที่จะแยกแยะชัดเจน ถึงแม้ตำราจจะสามารถสืบได้ว่าใครเป็นคนวางยา แต่คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กลับหาตัวไม่เจอ
และไม่รู้เหมือนกันว่าเขาต้องการอะไรกันแน่
และไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องใส่ร้ายอิ่นซินด้วย
บริษัทซานหยวนกรุ๊ปในตอนนั้น มูลค่าทางตลาดลดลงหมื่นล้านหยวน เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น บริษัทไหนได้รับผลประโยชน์บ้าง? ฉินเฟิงถาม
บริษัทได้รับผลประโยชน์มีเยอะมาก บริษัทซานหยวนกรุ๊ปในตอนนั้นก็ถือได้ว่าเป็นบริษัทหนึ่งในท็อปยี่สิบของเมืองเจียงเฉิง บริษัทเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและนวัตกรรมใหม่ๆภายในบริษัทมากมาย ถ้าทำให้บริษัทเติบโตและพัฒนาต่อไป อาจจะขึ้นอันดับท็อปห้าก็ได้ มันส่งผลกระทบอย่างมาก
สำหรับบริษัทที่ได้ผลประโยชน์จากเรื่องนั้น บริษัทท็อปยี่สิบของเมืองเจียงเฉิงล้วนได้รับผลประโยชน์ และบริษัทเหอเหิงก็ได้ผลประโยชน์เหมือนกัน และกลายเป็นบริษัทท็อปสิบของเมืองเจียงเฉิง เดิมทีบริษัทของพวกเขาอยู่ในอันดับที่สามสิบกว่าๆ
ฉีหยุนพูดออกมาทีละเรื่องๆ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ได้อยู่ว่างๆเลย เขาพยายามสืบหาข้อมูลมาโดยตลอด
เรื่องนี้ คุณก็สืบต่อไปเรื่อยๆ โดยค้นหาจากบริษัทที่ได้ผลประโยชน์ สืบหาข้อมูลทีละบริษัท อย่างไรก็ตาม คุณต้องจำไว้ให้ดี ห้ามเปิดเผยฐานะและตัวตนของฉันเด็ดขาด และอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น
ถ้าใส่ร้ายอิ่นซินก็จะได้รับผลประโยชน์
นี่คือความคิดของคนธรรมดาทั่วไป ลองตรวจสอบเรื่องนี้จากคนที่ได้รับผลประโยชน์ มันจะได้ข้อมูลอย่างรวดเร็ว บางทีอาจจะค้นพบอะไรบางอย่างก็ได้
และตอนนี้พวกเราอยู่ในที่ลับ ส่วนศัตรูอยู่ในที่แจ้ง นี่เป็นยุทธวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในสนามรบ ถ้าไม่ระมัดระวังตัว และเปิดเผยตัวตนออกมา อาจจะทำให้ศัตรูรับรู้ ถ้าไม่ตาย ศัตรูคงกลัวจนหัวหดและหนีไป
มันจะกลายเป็นความผิดพลาด
ได้ครับ
ฉีหยุนพยักหน้าและพูด
ว่าแต่ เรื่องของบริษัทฟางซื่อกรุ๊ปเป็นยังไงบ้าง?
ฉินเฟิงถามอีกครั้ง เขาให้ฉีหยุนจัดการเรื่องที่เหลือของบริษัทฟางซื่อกรุ๊ป
ฉันได้จัดการเรียบร้อยแล้ว และทำตามที่คุณสั่ง ฟางเย้นได้เสียชีวิตเหมือนพ่อของเขา แต่ฉันพบว่ามีคนๆหนึ่งกำลังตรวจสอบพวกเรา และตรวจสอบนายพลเป็นพิเศษ
ฉีหยุนนึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งทันที
ผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม?
ฉินเฟิงหันหลังและเดินไปที่กระจก และชี้ไปที่เก้าอี้ด้านล่างที่อยู่หน้าป้ายรถเมล์ ดูเหมือนเธอเป็นผู้หญิงที่กำลังรอรถเมล์และอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่พลุกพล่าน และเธอก็ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นๆ
ผู้หญิงคนนี้สวมหมวดสีขาว ตอนที่ฉันมาถึงบริษัท เธอก็อยู่ที่นั่นแล้ว ตอนนี้ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว รถเมล์ทุกสายเคยผ่านมาแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ยอมขึ้นรถเมล์ และเธอก็ยังก้มหน้าตลอดเวลา และใช้หมวดปิดใบหน้า นี่คือเทคนิคของสายลับ แต่เธอระแวดระวังตัวน้อยเกินไป
ฉินเฟิงส่ายหัวเพราะเธอมีพิรุธมากเกินไป
คือเธอจริงๆด้วย
ฉีหยุนจำผู้หญิงคนนี้ได้ทันที เพราะเขาเป็นทหารที่มีความสามารถมากๆในกองทัพ จู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาว่า: ผู้หญิงคนนั้นชื่อหลิวหลิน เป็นตำรวจหญิงในกรมตำรวจเมืองเจียงเฉิง เธอเป็นคนอารมณ์ร้อน เธอได้อันดับหนึ่งด้านศิลปะป้องกันตัวในเมืองเจียงเฉิง ซ้อมรบในกรมทหารก็ได้ที่หนึ่ง การควบคุมอาวุธปืนก็ได้ที่หนึ่ง และทีมตำรวจของเขา ทำภารกิจก็ได้ที่หนึ่ง และเธอก็มีทีมตำรวจพิเศษที่ทำงานอิสระและไม่ขึ้นตรงกับสังกัดใดๆ
ทางเบื้องบนของเราได้คุยกับตำรวจหญิงคนนี้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอยังคงตามสืบข้อมูลของคุณอยู่ และจากข้อมูลของเธอ เธอเป็นคนที่มีลักษณะพิเศษที่ชัดเจน เป็นคนที่ยึดถือคุณธรรมมากๆ และเธอก็ได้สมญานามว่าเป็นตำรวจอันดับหนึ่งของเมืองเจียงเฉิง ฉีหยุนพูด
ถือได้ว่าเป็นคนที่มีความสามารถ แต่เธออ่อนหัดไปหน่อย
ฉินเฟิงมองเธอเพียงแค่ครั้งเดียว และก็ไม่มองเธออีกเลย
หลังจากนั้น เขาก็ลงไปที่ชั้นล่างของตึก และทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยทันที ก่อนที่จะเลิกงานสิบเอ็ดนาที เขาเดินไปที่ป้ายรถเมล์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และนั่งลงที่เก้าอี้ของป้ายรถเมล์
ผ่านไปหนึ่งนาที มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่กางเกงขาสั้นที่โชว์ขาอันเรียวยาว ด้านบนสวมเสื้อเชิ้ตสีเหลือง ดูแล้วมีชีวิตชีวา เธอเดินเข้ามาและนั่งลงข้างๆฉินเฟิง
แปลกจริงๆ
คนๆนี้ไม่เคยเลิกงานก่อนเวลาเลย ทำไมวันนี้ถึงเลิกงานก่อนเวลาตั้งสิบนาที
หลิวหลินชายตามองฉินเฟิงเพียงครั้งเดียว และเธอก็แสร้งทำตัวเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่เธอก็รู้สึกสงสัยมากๆในใจ เธอตรวจสอบข้อมูลของฉินเฟิงอย่างละเอียด แต่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าคนๆนี้ผิดปกติทันที
เขาอาจจะเป็นทายาทรุ่นสองที่พิเศษ
ถึงแม้เขาจะเป็นทายาทรุ่นสองที่พิเศษ แต่เธอก็ไม่ยอมให้ฉินเฟิงทำเรื่องชั่วๆที่นี่เด็ดขาด
ดังนั้นเธอก็เลยไปตรวจสอบข้อมูลของฉินเฟิง วันนี้เป็นวันหยุด เธอก็เลยมาเฝ้าจับตามองโดยเฉพาะ แต่ในรายงานของเขาบอกว่าฉินเฟิงไม่เคยเลิกงานก่อนเวลาเลย
เพราะเขาเป็นพนักงานดีเด่น
แต่ทำไมวันนี้เขาถึงเลิกงานก่อนเวลา
มันแปลกจริงๆ
ต้องมีอะไรแน่นอน
หลิวหลินเป็นตำรวจที่มีความสามารถยอดเยี่ยม เธอสังเกตเห็นปัญหาได้ในทันที แต่ในเวลานี้ ข้างๆของเธอก็มีเสียงดังขึ้น: ไม่มีปัญหา วันนี้ลูกสาวอยากกินไก่ต้ม ฉันจะอ้อมไปซื้อให้ ดังนั้นฉันก็เลยลางานและกลับมาบ้านก่อนเวลา คุณไม่ต้องดีใจขนาดนี้ก็ได้
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
มันก็สมเหตุสมผลนะ ลูกสาวอยากกินไก่ต้ม เขาต้องอ้อมไปซื้อ ดังนั้นเขาก็เลยลางาน
แต่ประเด็นคือ หลิวหลินรู้ตัวทันที ทำไมฉินเฟิงต้องพูดคำเหล่านี้ให้เธอได้ยินด้วย ฐานะของตัวเองถูกเปิดเผยแล้วใช่ไหม?
อืม ฐานะของเธอถูกเปิดเผยแล้วจริงๆ
ฉินเฟิงถอนหายใจ: ตอนเช้าวันนี้คุณใส่กางเกงขาวยาว และสวมหมวกสีขาว ตอนบ่ายวันนี้คุณใส่กางเกงขาสั้น ไม่ได้ใส่หมวกและเปลี่ยนทรงผมด้วย ถ้ามองครั้งแรก คุณก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่คุณมีจุดหนึ่งที่ปลอมตัวได้ไม่แนบเนียน บ่ายวันนี้คุณปลอมตัวเป็นนักศึกษาใช่ไหม
แต่คุณไม่มีเครื่องประดับใดๆเลยของเด็กนักศึกษา เช่นสร้อยข้อมือ สร้อยคอ และคุณควรรู้ว่านักศึกษาเป็นวัยที่คบหาดูใจสูงที่สุด อย่างน้อยนักศึกษาเหล่านี้ก็จะใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตัวเอง
ฉันคิดว่า ตอนที่คุณเรียนมหาลัย น่าจะเรียนมหาลัยของตำรวจ มหาลัยตำรวจไม่ได้แต่งตัวแบบนี้ ฉันคิดว่าคุณไม่เคยคบหาดูใจกับใครเลยตอนเรียนมหาลัย ดังนั้นคุณก็เลยไม่มีเครื่องประดับและไม่ได้สนใจเรื่องเครื่องประดับด้วย
ใช่ไหม คุณตำรวจ
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเฟิง ทำให้หลิวหลินตกใจจนหยุดหายใจไปชั่วครู่ เธอโดนเปิดเผยฐานะเพราะเรื่องนี้เหรอ?
หลายปีมานี้ เธอได้อันดับหนึ่งมาโดยตลอดจากการแข่งขันของกรมตำรวจ เธอเป็นคนที่ชอบเอาชนะ แต่กลับมาโดนเปิดเผยแบบนี้ ทำให้เธอรับไม่ได้ แต่ผ่านไปแค่หนึ่งวินาที เธอก็อึ้งไปเลย เธอคิดบางอย่างออกทันที
เดี๋ยวก่อน ถ้าตอนนี้ฉันเป็นนักศึกษาของมหาลัยตำรวจล่ะ? และพอดีฉันผ่านมาทางนี้ ข้อสมมุติฐานนี้ คุณได้ตัดออกไปหรือเปล่า หรือว่าคุณลืมไปแล้ว หลิวหลินรีบถามทันที
ฉินเฟิงยืนขึ้น มองไปที่เธอและพูด: ข้อสมมุติฐานนี้ฉันไม่ได้ตัดออก ดังนั้น ตอนนี้ฉันกำลังหลอกถามคุณไง