เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่31 แหวนราคาห้าสิบล้าน
บทที่31 แหวนราคาห้าสิบล้าน
ว่าไงนะ ห้าสิบล้าน!
ทันใดนั้นอิ่นเสี้ยงสวี่ก็ลุกขึ้นยืนทันที จากใบหน้าที่ยิ้มระรื่นในตอนแรก ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความแข็งทื่อกระทั่งเหลือเชื่อ เธอจึงรีบถามต่อไปว่า เธอประเมินยังไงกัน ทั้งๆที่มันเป็นของปลอมเนี่ยนะ
แหวนเพชรสีแดงวงนี้ มันมีมูลค่ามากถึงห้าสิบล้านเชียวนะคะ ราคาตามในท้องตลาดตอนนี้ อย่างต่ำๆก็สี่สิบล้านแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านี่คือขุมทรัพย์เฟียร์ซฮาร์ทของบริษัทLV อย่างน้อยๆมันก็มีมูลค่ากว่าห้าสิบล้านเลยนะ คนประเมินก็พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยคำพูดน้ำใสใจจริงน่าเชื่อถือ
ฉันไม่ได้ให้เธอประเมินว่ามันมีมูลค่ามากขนาดไหน ฉันแค่อยากจะให้เธอพิสูจน์ประเมินออกมาว่ามันเป็นของปลอม
อิ่นเสี้ยงสวี่รู้สึกโกรธจนหายใจไม่ออก
ห้าสิบล้าน ถ้ามีค่าห้าสิบล้านจริงๆ ถ้าอย่างงั้นแหวนเพชรสองกะรัตราคาสามแสนในมือของเธอจะไปนับประสาอะไร เมื่อกี้เธอยังอวดต่อหน้าอิ่นซินอยู่เลย ได้แต่อวดอยู่อย่างนั้น
ถ้ามันคือเรื่องจริง แบบนี้เธอก็เป็นแค่ตัวตลกโลดเต้นไปมาเมื่อกี้น่ะสิ
นี่คือของจริงค่ะ ดิฉันทำการประเมินมาตลอดทั้งชีวิต ไม่มีทางพลาดแน่ นี่เป็นของจริงค่ะ
คนประเมินยกมือขึ้นมา ทำท่าทำทางมั่นใจมาก
ช่างเถอะ เธอไปเถอะ
อิ่นเสี้ยงสวี่รีบไล่คนประเมินกลับไปทันที หลังจากนั้นก็โยนแหวนเพชรสีแดงคืนให้กับอิ่นซิน แล้วรีบพูดขึ้นมาว่า คนประเมินคนนั้นน่ะเป็นคนของภัตตาคาร ไม่มีความชำนาญมากหรอก ไม่ต้องไปสนใจ
ถ้าหากมันคือเรื่องจริง งั้นเธอก็ขายหน้าไปกันใหญ่น่ะสิ เหมือนเธอยื่นหน้าไปให้อิ่นซิน แล้วให้อิ่นซินตบหน้าเธอแรงๆ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือของปลอม ตอนนี้เธอไม่สามารถยอมรับมันได้
นั่นน่ะสินะ เขาเรียกคนแบบนี้ว่าคนประเมินมือสมัครเล่น
หลี่ห้าวเองก็ยืนพูดอยู่ข้างๆเช่นกัน
เพราะว่าก่อนหน้านี้คนประเมินราคาคนนั้น ประเมินแหวนเพชรของพวกคุณออกมา พวกคุณยังดูเชื่อถือมั่นใจเต็มอกอยู่เลย ทำไม ตอนนี้กลับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือได้ล่ะ?
ฉินเฟิงที่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ยักคิ้วพลางมองไปที่พวกเขาสองคน
……
ทันใดนั้นทั้งสองก็หน้าถอดสีทันที ขายหน้าไปถึงบ้านแล้วไหมล่ะตอนนี้
ช่างเถอะ คนประเมินน่าจะมีปัญหาจริงๆน่ะแหละ
อิ่นซินโบกมือไปมา พูดตัดบทขึ้นมา
ต่อมาทุกคนก็รับประทานอาหารกันต่อ เธอถามกับฉินเฟิงด้วยเสียงเบาไปว่า แหวนวงนี้คุณไปซื้อมาจากไหนกัน ถึงกับสามารถพิสูจน์จากของปลอมเป็นของจริงได้ ราคาต้องไม่ถูกใช่ไหม
อิ่นซินยังคงรู้สึกว่ามันเป็นของปลอม เนื่องจากแหวนวงละห้าสิบล้าน ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะซื้อก็ได้ ฉินเฟิงเป็นแค่คนธรรมดาเดินดิน จะไปมีเงินซื้อของมีค่าแบบนี้ได้ยังไงกัน
ไม่แพงหรอก
ฉินเฟิงพูดเออออไปกับอิ่นซินด้วย
ในความเป็นจริงนั้น สำหรับฉินเฟิงแล้ว ห้าสิบล้านมันไม่แพงหรอก เงินพวกนี้เป็นเงินเล็กน้อย เนื่องจากเขาเป็นเทพเจ้าแห่งอีสเตอร์แลนด์ มีคนมากกว่าหลายแสนคนที่อยู่ในการปกครองของเขา จำนวนเงินห้าสิบล้าน เป็นเงินเล็กน้อยมากจริงๆ
หลังจากมื้ออาหาร อิ่นเสี้ยงสวี่กับหลี่ห้าวต่างพากันกินไม่ค่อยลง พวกเขาตั้งใจมาหาเรื่อง เพื่ออวดทรัพย์สินเงินทอง แต่ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขากลับถูกกดดันอย่างหนัก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อิ่นซิน กินเสร็จแล้ว ตอนนี้ใกล้ได้เวลาเข้าไปเซ็นสัญญากับประธานเฝิงแล้ว พวกเธอจะไปกับพวกฉันไหม? อิ่นเสี้ยงสวี่ถามขึ้น
นี่เป็นเรื่องที่จะทำให้อิ่นซินเจ็บปวดที่สุด
เธอจะทำให้อิ่นซินเห็นว่า หนังสือสัญญาที่เธอเสียแรงทุ่มเทไปมากมายนั้น หายไปภายในพริบตา เปลี่ยนมาอยู่ในมือของเธออย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรง นี่สิถึงเรียกว่าเป็นท่าไม้ตายของเธอ วิธีนี้ ทำให้อิ่นซินได้รับความเจ็บปวด
แต่ครั้งนี้ อิ่นซินมองไปที่ฉินเฟิง คุณจะไปไหมคะ
ไปสิ
ฉินเฟิงพยักหน้า
ลูกพี่ลูกน้อง ผัวสวะของเธอมันไม่มีความสามารถอะไรเลย เธอไม่จำเป็นต้องไปปรึกษาเขาหรอก อย่างไรเสียคนที่หาเงิน ก็ต้องเป็นคนตัดสินใจ
อิ่นเสี้ยงสวี่หัวเราะเยาะ แล้วตอกหน้าว่าฉินเฟิงคือเศษสวะ ไม่มีการอ้อมค้อมแม้แต่น้อย
หลังจากนั้น พวกเขาก็พากันเดินออกไป
คุณไม่ต้องเก็บมาใส่ใจนะคะ
อิ่นซินปลอบใจฉินเฟิง แต่ยังคงพูดออกไปอย่างลังเลว่า คุณก็ต้องกระตือรือร้นหน่อยนะคะ ไม่ได้เพื่อตัวคุณเอง ก็ต้องเพื่อฉันกับกั่วกั่ว อย่างไรเสียในบางครั้งฉันก็ต้องทำพลาดล้มเหลวบ้าง ถึงเวลานั้นฉันอาจจะเลี้ยงคุณต่อไปไม่ไหวก็เป็นได้
ฉินเฟิงนวดคลึงขมับเบาๆ เขาผู้ซึ่งเป็นถึงเทพเจ้าสงครามที่หนึ่งในประเทศต้าหัว เป็นหนึ่งในไม่กี่คนของประเทศที่มีอำนาจใหญ่ที่สุด เป็นบุคคลที่เป็นตำนานที่กำจัดศัตรูฝ่ายตรงข้ามถึงสามแสนคนภายในสนามรบเดียว ต้องให้ใครเลี้ยงดูตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
แต่พอมองคนที่อยู่ด้านหน้าแล้ว ใบหน้าเต็มไปเธอด้วยความตั้งใจ เธอมีความอ่อนโยนดุจดั่งสายน้ำ มีความขี้เล่นซุกซนซ่อนอยู่ในนั้นด้วย ดวงตาคู่สวยของเธอ มันทำให้ฉินเฟิงยอมรับความเชื่ออย่างหนึ่ง นั่นก็คือการเกาะเมียกินของตัวเอง มันไม่น่าอายเลย
ยิ่งไปกว่านั้นมีเมียสวยขนาดนี้
หลังจากที่ออกจากร้านอาหารแล้ว ทุกคนก็มุ่งตรงไปยังบริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ป พอหลังจากที่มาถึงแล้ว พวกเขาก็ตรงเข้าไปพบเฝิงกางที่ยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว ยังมีท่าทางยำเกรงเคารพ ไม่มีอาการอิดออดแม้แต่น้อย
อิ่นเสี้ยงสวี่ที่ลงจากรถมา ก็ควงแขนของหลี่ห้าวทันที แล้วชูคอพูดกับอิ่นซินที่อยู่ด้านหลังว่า เห็นไหม ว่าขอแค่คู่หมั้นฉันโทรศัพท์แค่กริ๊งเดียว ประธานเฝิงกางนั่นก็รีบมาต้อนรับรอทำความเคารพทันที ดีกว่าเธอตั้งหลายเท่า
เฝิงกางที่รอมาสิบกว่านาทีแล้ว ได้แต่รออยู่อย่างนั้น วันนี้เขาก็ได้รับโทรศัพท์อยู่สายหนึ่ง ตอนแรกเขาไม่อยากจะรับ แต่หลังจากที่เห็นว่าเป็นบริษัทซานหยวนกรุ๊ปแล้ว เขาจึงรีบตื่นขึ้นมาทันที
เพราะว่าอิ่นซินก็คือคนของบริษัทซานหยวนกรุ๊ป นั่นเป็นเถ้าแก่เนี้ยของเขาเชียวนะ
หลังจากนั้นเนื้อหาในสายก็เป็นเรื่องการร่างหนังสือสัญญาใหม่ เขาคิดอิ่นซินไม่พอใจ จึงรีบตอบตกลงทันที แล้วเขาก็จัดการร่างหนังสือสัญญาฉบับใหม่ขึ้นมาอีกฉบับทันที หนังสือสัญญาในฉบับนั้นเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทซานหยวนกรุ๊ปทั้งหมด
ผลกำไรส่วนแบ่งของโปรเจ็คเอย ทั้งให้บริษัทซานหยวนกรุ๊ปเป็นผู้นำเอย เหมือนกับหนังสือสัญญาที่ไม่มีความเท่าเทียมกัน
พอเห็นคนของบริษัทซานหยวนกรุ๊ป เฝิงกางก็รีบเข้าไปต้อนรับทันที หลังจากที่เชิญเข้าไปแล้ว เขาก็พบว่า อิ่นซินกับฉินเฟิงทั้งสองที่เป็นเถ้าแก่ตัวจริงเสียงจริงกลับเดินอยู่ด้านหลัง
สองคนที่เขาไม่รู้จัก เดินนำอยู่ด้านหน้า
ทั้งสองท่านคือ?
เฝิงกางที่ถามไปยังอิ่นเสี้ยงสวี่กับหลี่ห้าว
ดิฉันชื่ออิ่นเสี้ยงสวี่ เป็นคนของตระกูลอิ่นค่ะ ส่วนคนนี้คือคู่หมั้นของฉันเองค่ะ ชื่อหลี่ห้าว ร้อยเอกแห่งเวสเตอร์แลนด์ค่ะ
พอพูดถึงตรงนี้ เสียงของอิ่นเสี้ยงสวี่ก็แหลมขึ้น อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงร้อยเอกตำแหน่งนี้ไม่ใช่ใครๆก็สามารถเป็นได้
พวกคุณเกี่ยวข้องอะไรกับคนที่ด้านหลังทั้งสองครับ?
เฝิงกางโน้มตัว แล้วถามกับทั้งสองคนอย่างระมัดระวัง ด้วยท่าทีประจบประแจงอย่างไม่รู้สึกละอาย
พวกหล่อนน่ะเหรอ?ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอกค่ะ แค่มาประสมโรงกับพวกเราเฉยๆน่ะค่ะ อินเสี้ยงสวี่เอ่ย
ที่เฝิงกางขึ้นมาสู่ตำแหน่งนี้ได้ ถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถมากเลยทีเดียว เขามองออก เวลาที่อิ่นเสี้ยงสวี่พูดนั้น ในแววตาเต็มไปด้วยความดูถูก นั่นเป็นการดูถูกอิ่นซินกับฉินเฟิง
พวกเราเข้าไปคุยกันด้านในเถอะค่ะ
หลี่ห้าวยืดตัวขึ้น ทำท่าทำทางใหญ่โต
ได้ครับ เชิญครับ
เฝิงกางเชิญพวกเขาเข้าไปด้านใน
ระหว่างทาง อิ่นเสี้ยงสวี่ก็พูดกระซิบกับอิ่นซินที่อยู่ข้างหลังว่า เห็นไหมล่ะ นี่ก็คือข้อดีของการมีหน้ามีตา ได้ยินมาว่าประธานเฝิงคนนี้เป็นคนที่หยิ่งผยองในเมืองเจียงเฉิงมาก เจ้าของธุรกิจส่วนมากไม่กล้าแหย็มกับเขา แต่ต่อหน้าพวกเรา ต่อหน้าคู่หมั้นของฉัน ยังคงประจบประแจงอย่างไม่รู้สึกละอายอยู่ดี
หลี่ห้าวที่ได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้สึกภาคภูมิใจมาก
แต่พอหลังจากที่เดินไปจนถึงห้องโถง หลี่ห้าวนั่งประจำที่ แล้วเอาขาขึ้นมาไขว่ห้าง ทำตัวอำนาจบาตรใหญ่ ยักคิ้วขึ้น แสดงให้เฝิงหางเห็น ถึงเวลาเซ็นสัญญาแล้วล่ะ
เขาคิดว่าเฝิงกางถูกเขาทำให้กลัวแล้ว เขาจึงใช้น้ำเสียงดุดันขึ้น อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เฝิงกางที่ได้ยินแบบนั้น ก็เผยยิ้มออกมา เซ็นสัญญา?หนังสือสัญญาอะไรครับ ผมเซ็นสัญญากับคุณอิ่นซินตัวแทนบริษัทของซานหยวนกรุ๊ปไปแล้วนะครับ คุณมาหาอะไรจากผมอีกครับ?