เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่43 บินขึ้นไปแล้ว
บทที่43 บินขึ้นไปแล้ว
นี้คือ!
เรื่องจริงเหรอ?
ทุกคนอ้าปากค้าง เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาเห็นรถหวู่หลิงฮงกวงเปลี่ยนทิศทาง บินออกจากรั้ว ซึ่งนี่เป็นทางโค้งขนาดใหญ่ รถหวู่หลิงฮงกวงอยู่ด้านบนทางโค้ง ส่วนนักแข่งเบอร์1อยู่ด้านล่างทางโค้ง
แต่ว่า มันบินขึ้นแล้ว!
บนท้องฟ้าเหมือนมีเงาสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น จากการเร่งความเร็วก่อนหน้านี้ แล้ววิ่งทะยานลงไป ทุกคนที่ได้เห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้ ต่างตระหนกตกใจ
ไม่อยากรอดหรือไง?
นี่คือระยะทางตั้งหกเมตรเลยนะ ถ้าสมมุติลงมาไม่ได้ ก็จะชนเข้ากับกำแพงภูเขา รถพังพินาศคนตายได้เลยนะ!
จากนั้น เสียงปังดังขึ้นหนึ่งครั้ง!
ลงพื้นแล้ว ลงพื้นแล้ว รถหวู่หลิงฮงกวงลงจอดที่พื้นแล้ว ปาฎิหาริย์!มันคือปาฏิหาริย์ชัดๆ ฉันเป็นพิธีกรของการแข่งรถใต้ดินมาแปดปี ไม่เคยเห็นทักษะการขับรถแบบนี้ โอ้พระเจ้า มันบินขึ้นแล้ว นี่คือ เทพแห่งเขาชิวหมิง นี่มัน นักขับระดับเทพเลยนะ……ผ่านเส้นชัยแล้ว เขาชนะแล้ว รถหวู่หลิงฮงกวงชนะแล้ว เขาคือนักขับระดับเทพแห่งเขาชิวหมิงคนใหม่
น้ำเสียงของพิธีกรเริ่มแหบด้วยความตื่นเต้น
ทักษะการขับแบบนี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ทำไมถึงเรียกเขาว่าเทพแห่งเขาชิวหมิง เพราะว่าพื้นที่ตรงนี้เรียกว่าเขาชิวหมิงไง เทพแห่งเขาชิวหมิงเป็นสมญานามของคนที่เก่งที่สุด เกรงว่าหลังจากนี้เป็นต้นไป รถหวู่หลิงฮงกวงจะกลายเป็นตำนานแห่งเขาชิวหมิง
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ?
เวลานี้ นักแข่งหมายเลข1ตู้ต้วนเทียนที่ตามหลังรถหวู่หลิงฮงกวงเพียงก้าวเดียวมีสีหน้าที่ตกตะลึง เขาหันหัวมองไปทางด้านหลังเพื่อดูระยะห่างของทั้งสองโค้ง นี่มันอย่างน้อยหกเมตรเลยนะ ไม่ใช่นักแข่งธรรมดาทั่วไปจะสามารถวิ่งผ่านได้
และมันยังเป็นรถหวู่หลิงฮงกวง
อยากตายจริงๆเหรอ
และเขาช่างใจกล้าจริงๆ?
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นจริงคือ เขาได้พ่ายแพ้แล้ว เขาที่เป็นนักขับระดับเทพและแชมป์หกสมัยได้แพ้ให้กับรถหวู่หลิงฮงกวง จากนี้สมญานามเทพแห่งนักขับก็ไม่ใช่ของเขาอีกแล้ว ยิ่งนึกถึงเรื่องนี้ ยิ่งทำให้ตู้ต้วนเทียนเสียอารมณ์ย์มากๆ
ตอนนี้ รถหวู่หลิงฮงกวงได้ลงมาแล้ว อิ่นหนิงหยู่พึ่งเดินลงจากรถ เธอไม่สามารถทรงตัวได้ เดินเซไปเซมา หน้าของเธอแดงก่ำ การแข่งรถครั้งนี้ ทำให้เธอกลัวสุดๆ
คนแซ่ฉิน พวกเราชนะแล้ว
หลังจากที่อิ่นหนิงหยู่ทรงตัวได้ เธอหายใจลึกๆหนึ่งครั้ง แล้วหันหัวมองไปที่ฉินเฟิง
เรียกข้าพี่เขย
เจ้ามีสิทธิ์อะไร
เมื่อกี้เจ้าเรียกอย่างสนุกปาก เรียกแต่พี่เขย ตอนนี้ลงจากรถแล้ว เจ้ากลับไม่ยอมรับ ใช่ไหม?
เมื่อกี้มันเป็นเรื่องของเมื่อกี้ ตอนนี้มันเป็นเรื่องของตอนนี้ ข้าไม่สนใจอยู่แล้ว ข้าคิดว่าเจ้าไม่คู่ควรกับพี่สาวข้า เจ้ามันไม่คู่ควรจริงๆ ถ้ามีครั้งหน้าที่ข้าเรียกเจ้าว่าพี่เขยอีก ข้าก็คงโง่เหมือนหมู
อิ่นหนิงหยู่มือจับที่เอว จ้องไปที่ฉินเฟิง เธอเป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้ใครมาก่อน แต่เวลาอยู่ต่อหน้าฉินเฟิง เรียกแต่พี่เขยครั้งแล้วครั้งเล่า เธอรู้สึกว่าตัวเองเสียศักดิ์ศรี
ฉินเฟิงไม่คู่ควรกับอิ่นซินจริงๆ
เธอจึงไม่อยากเรียกเขาพี่เขย
คนแซ่ฉิน แน่นอน ไม่มีครั้งหน้าแน่นอน
อิ่นหนิงหยู่เชิดหน้า เหมือนคนไม่ยอมแพ้
เมื่อฉินเฟิงต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง ด้านข้างมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา พยักหน้าแสดงความเคารพต่อฉินเฟิง : คุณครับ เจ้านายของผม ให้ผมมาเรียนเชิญคุณครับ
เจ้านายคุณคือ?
ตู้ต้วนเทียน
หลังจากฉินเฟิงขบคิดสักครู่ เขาได้หันไปพูดกับอิ่นหนิงหยู่ว่า: เธอไปรับรางวัลก่อน เดียวฉันตามไป
ได้
อิ่นหนิงหยู่ตื่นเต้นมากๆ เพราะอันดับหนึ่งได้เงินมากถึงสามแสน นี่เป็นเงินก้อนใหญ่มากๆ ในชีวิตเธอเคยจับเงินก้อนใหญ่ที่สุดก็คือเงินห้าแสนที่ครั้งก่อนเธอยืมพี่ต้าตาวมา
ทันใดนั้น เธอกระโดดโลดเต้นเพื่อไปรับรางวัล
เดินนำเลย
ฉินเฟิงส่งสัญญาณให้เขา แล้วชายคนนั้นก็เดินนำฉินเฟิงไป จนถึงสำนักงานที่อยู่ด้านบนของสนามแข่ง หลังจากที่เดินเข้าไป เขาพบว่าตู้ต้วนเทียนนั่งดื่มไวน์แดงอยู่บนโซฟา
ตู้ต้วนเทียน ชื่อสมคำร่ำลือ เป็นชายที่เย่อหยิ่งและอวดดี สูง180 มีรูปร่างหน้าตาได้มาตรฐานนายแบบ หน้าคม ในตาเย่อหยิ่ง ทั้งตัวมีแต่ของแบรนด์เนม แค่นาฬิกาโรเล็กซ์ที่ใส่อยู่ในมือเขา ราคาก็แสนกว่าแล้ว
เห็นได้ชัดเขาเป็นทายาทรุ่นที่สอง เป็นทายาทรุ่นสองที่เฉลียวฉลาดและเก่งมาก ต่างจากพวกทายาทโง่ๆที่รู้จักแต่ผลาญเงิน
ฉินเฟิง ใช่ไหม ? เชิญนั่ง
ตู้ต้วนเทียนผายมือขึ้น เพื่อเชิญเขานั่ง
ฉินเฟิงก็ไม่เกรงใจ นั่งลงอย่างสบายใจ และยังนั่งไขว่ห้างอีก
ทักษะการขับรถของคุณดีจริงๆ ดีมากๆ คุณเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกถึงแรงกดดันในรอบหลายปี ฉันเคยตรวจสอบข้อมูลของคุณมาแล้ว ตอนนี้คุณเป็นแค่พนักงานรักษาความปลอดภัย รายได้4,000ต่อเดือน เงินเดือนนี้มันน้อยมากเมื่อเทียบกับความสามารถของคุณ ฉันมีสัญญาหนึ่งฉบับ ถ้าคุณยอมเซ็นสัญญากับสโมสรของเรา ผมให้คุณเดือนละ40,000 เมื่อเทียบกับเงินเดือนเก่าของคุณ มันเพิ่มมากขึ้นถึงสิบเท่า ลองพิจารณาไหม?
ตู้ต้วนเทียนหยิบสัญญาออกมาหนึ่งฉบับ ส่งให้กับฉินเฟิง
ฉินเฟิงมองไปที่สัญญา เขาแน่ใจเลยว่าเอกสารฉบับนี้เป็นสัญญาของสโมสรจริงๆ แต่เขาสายหัวทันที: ฉันต้องขอโทษด้วย อันที่จริงฉันไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการแข่งรถเท่าไหร่ ฉันก็แค่มาแข่งเล่นๆเท่านั้น
……
ตู้ต้วนเทียนตะลึง
ไม่สนใจเหรอ?
ทักษะการขับรถแบบคุณฝึกกันได้ง่ายๆเลยเหรอ?
วิธีฝึกกันง่ายๆแบบนี้ แต่กลับสามารถเอาชนะฉันได้?
นี่ฉันต้องมีทักษะที่แย่ขนาดไหน!
เมื่อพูดแบบนี้ ใบหน้าของตู้ต้วนเทียนแสดงอาการไม่พอใจ เขาเป็นทายาทรุ่นสองที่มีความสามารถ เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงมีศักยภาพด้านนี้ เขาไม่ได้คิดที่จะเล่นงานฉินเฟิงก่อน แต่กลับเลือกที่จะเซ็นสัญญา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉินเฟิงจะเป็นคนที่ยิ่งยโส
ฮ่าๆ ฉินเฟิง จากคำพูดตลกของคุณ ตอนนี้มันกลับไม่ตลกแล้ว
ตู้ต้วนเทียนหัวเราะเย้ยหยัน จากนั้นกางสองมือออก ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา แล้วยักคิ้วพูดว่า: ฉินเฟิง เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร ข้าเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลตู้ และตระกูลตู้ก็เป็นตระกูลชั้นแนวหน้าของเมืองเจียงเฉิง และเป็นตระกูลอันดับต้นๆด้วย ยิ่งไปกว่านั้นสนามแข่งรถเป็นของตระกูลข้า ทุกปีมีกำไรมากกว่าหลายร้อยล้าน
ถ้าเจ้ายอมเซ็นสัญญาเข้าร่วมสโมสรฉบับนี้ ยอมมาเข้าร่วมกับข้า ข้าตู้ต้วนเทียนจะทำให้เจ้าอยู่ดีกินดีมีชีวิตที่สุขสบาย เรื่องนี้ ข้าขอรับรอง
โอกาสมีเพียงหนึ่งครั้ง ถ้าพลาดแล้วคือพลาดเลย
พอพูดจบ ตู้ต้วนเทียนมองไปที่ฉินเฟิง เพื่อรอคำตอบ
คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้จักชื่อเสียงของเขา แต่ในเมืองเจียงเฉิงเขาเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลที่ทรงอำนาจจริงๆ ตระกูลตู้ ตระกูลแนวหน้าของเมืองเจียงเฉิง มีตึกอาคารพาณิชย์สูงแปดสิบชั้น
ด้วยฐานะของเขา และสิ่งที่เข้าเสนอให้ ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงซาบซึ้งในบุญคุณและความกรุณาของเขา
แต่ว่า ฉินเฟิงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
ให้ข้าเข้าร่วมกับเจ้า แม้แต่พ่อของเจ้า ตู้หล้าง ก็ไม่กล้าพูดกับข้าแบบนี้
ฉินเฟิงส่ายหัว แล้วลุกขึ้น: เสี่ยวตู้ ฝากบอกพ่อของเจ้าด้วย ถ้ามีเวลา ข้าจะไปเยี่ยม แต่ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอย่ามารบกวนข้า
หลังจากนั้นเขาเดินออกไป
เหลือแต่ตู้ต้วนเทียนที่สีหน้าเหม่อลอย ชี้ไปที่ตัวเอง: เรียกข้าว่าเสี่ยวตู้?
ทันใดนั้น ความโกรธก็ได้จุดชนวนขึ้นในใจของตู้ต้วนเทียน เขาเป็นใคร เป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลตู้ อนาคตจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลแนวหน้าของเมืองเจียงเฉิง ใครเห็นเขาก็ต้องยอมก้มหัวให้เขา คอยประจบเขา
แต่กลับเรียกเขาว่าเสี่ยวตู้!
อย่างไรก็ตามท่าทีของฉินเฟิง ทำให้ตู้ต้วนเทียนคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วเขาก็โทรศัพท์หาตู้หล้างผู้เป็นพ่อ: คุณพ่อ ผมเจอผู้ชายคนหนึ่ง……เขาใช้คำพูดแบบนี้กับผม ผมไม่สามารถทนได้ พ่อครับ ผมอยาก……
อยากอะไร!
ทันใดนั้น เขาถูกผู้เป็นพ่อตู้หล้างขัดจังหวะ
ผมอยากสั่งสอนเขา
ตู้ต้วนเทียนในใจเต็มไปด้วยโกรธ ถึงแม้จะถูกตู้หล้างขัดจังหวะขณะพูด แต่เขาก็ยังพูดแบบนี้ออกมา
อยากสั่งสอนเขา? อย่างเจ้าเหรอ! เจ้ารู้ไหมว่าเขาเป็นใคร เขาคือหัวหน้าของพ่อในกองทัพ เขาสามารถล้มล้างตระกูลตู้ของเราได้อย่างง่ายดาย ไอ้ลูกสารเลว เจ้าทำให้ตระกูลเราต้องเดือดร้อน เจ้าต้องไปขอโทษเขาเดียวนี้ ถ้าสมมุติว่าเขาไม่ยกโทษให้ เจ้าก็ไม่คู่ควรเป็นทายาทสืบทอดต่อไป ข้าจะไล่เจ้าออกจากตระกูล
ในสายโทรศัพท์ มีแต่เสียงตะคอกด้วยความโกรธของตู้หล้าง