เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 123
ตอนที่ 123 ประลองกับองค์ชาย
“คุณชายหนานหลี่ หัดเป็นผู้ที่มีมารยาทบ้าง! นี่ข้าแค่สั่งสอนให้เจ้ารู้จักพูดจาให้เหมะกับกาละเทศะ!” หลงเฉินร้องตะโกนบอกกับกู่หนานหลี่ และทุกคนในโถงฝึกยุทธต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน
แม้กระทั่งองค์จักรพรรดิเย่วหาน ยังถึงกับหันไปจ้องมองหลงเฉินด้วยดวงเนตรที่เบิกกว้าง
“น่าแปลก.. นี่พละกําลังของเขาแข็งแกร่งกว่าเด็กหนุ่มจากตระกูลอีกงั้นรึ?! ข้ายังมีเห็นพวกเขาใช้พลังปราณเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเพียงการต่อสู้ด้วยพละกําลังแต่อย่างเดียว และดูเหมือนหลานชายของท่านจักเป็นฝ่ายได้เปรียบเสียด้วย” องค์จักรพรรดิเย่วหานหันไปมองหลงเหรินพร้อมกับออกความเห็น
“ข้าชื่นชอบหลานชายผู้นี้ของท่านยิ่งนัก เขาดูไม่เลวที่เดียว! นี่เขาใช้วิธีใดฝึกความแข็งแกร่งของร่างกายกัน?” ฉินเหวินเอ่ยถามหลงเหรินด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลงเฉิน
“เอ่อ..”
หลงเหรินได้แต่อึ้ง และตัดสินใจมิถูกว่าจะบอกกับคนทั้งคู่ดีหรือไม่ว่า แม้แต่ตัวเขาเองยังนึกประหลาดใจกับศักยภาพของหลงเฉินเวลานี้ เขารู้เพียงแค่ว่าหลงเฉินเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นห้าแล้วเท่านั้น แต่มิเคยรู้มาก่อนว่าเขาได้ใช้วิธีใดฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งเช่นนี้ จึงสามารถเอาชนะผู้ที่ฝึกวรยุทธบ่มเพาะที่อยู่ในอาณาจักรที่เหนือกว่าได้ โดยใช้เพียงแค่พละกําลังของร่างกายเพียงอย่างเดียว เขามิรู้ว่าหลงเฉินได้ฝึกบ่มเพาะกายเนื้อด้วยหรือไม่ หรือเป็นเพราะหลงเฉินอยู่ในอาณาจักรบ่มเพาะพลังที่เหนือกว่ากู่หนานหลี่จึงทําให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าเช่น
“เจ้า เจ้าเด็กชั่วช้า!”
กู่หนานหลี่ร้องตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธแค้น พร้อมกับลุกขึ้นยืนหลังจากที่ล้มก้นกระแทกพื้น เวลานี้ตามร่างกายของเขามีบาดแผลเล็กๆน้อยอยู่เต็มไปหมด อาภรณ์ที่สวมใส่ก็เปื้อนไปด้วยฝุ่น แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาผู้คนในโลงฝึกยุทธกลับเป็นฝ่ามือที่ปรากฏอยู่บนแก้มของเขา
“ข้าพยายามจักทําความเข้าใจเรื่องมารยาทกับเจ้า โดยมิจําเป็นต้องใช้ความรุนแรงแล้ว แต่ดูเหมือนเจ้าเองจะมพยายามที่จะเข้าใจเลย…”
หลงเฉินแสร้งทําสีหน้าเคร่งเครียดในขณะที่เอ่ยบอกกู่หนานหลี่ และหลายคนในโถงฝึกยุทธที่ได้ยินคําพูดของเขา ก็ถึงกับกรอกตาไปมา และได้แต่คิดในใจว่า หลงเฉินกล้าเอ่ยว่ามิต้องการใช้ความรุนแรง หากเขาใช้ความรุนแรงขึ้นมาจริงๆ กู่หนานหลี่จะมีสภาพเช่นใดกัน?
“ข้าจะบดขยี้เจ้าให้เละเลยทีเดียว!”
กู่หนานหลี่กัดฟันกรอดก่อนจะร้องคํารามออกมาเสียงดัง เขารวบรวมพลังปราณในอาณาจักรผสานวิญญาณขั้นแปด แล้วแสงสว่างสีเขียวก็ปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือของเขาทั้งสองข้าง กู่หนานหลี่ไขว้แขนทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน พร้อมกับชัดลําแสงสีเขียวนี้ให้พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลงเฉินทันที
“ก้าวพริบตา!” หลงเฉินใช้วรยุทธเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นการใช้ฝ่าเท้าที่รวดเร็วหลบหลีกการจู่โจมของกู่หนานหลีได้อย่างง่ายดาย
“อืมม.. ดูเหมือนเขาจะใช้วรยุทธเคลื่อนไหวเช่นเดียวกับที่หลานชายของเจ้าคนก่อนหน้านี้ใช้แต่หลงเทียนกลับสามารถทําได้ดีกว่ามาก เขาใช้วรยุทธเคลื่อนไหวระดับต่ำ แต่กลับสามารถเคลื่อนไหวได้ใกล้เคียงกับวรยุทธเคลื่อนไหวในระดับที่สูงกว่า ดูเหมือนว่าที่ผ่านมา ผู้คนพากันเรียกขานหลานชายของท่านคนนี้ว่าอัจฉริยะ คงจักมิมีเป็นคํากล่าวที่เกินจริงเลยสินะ…”
จักรพรรดิเย่วหานเอ่ยขึ้นด้วยความพอใจ ในขณะที่หลงเหรินได้แต่เอ่ยขอบคุณด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มและปลื้มปิติ
“ข้าคงต้องจบการประลองครั้งนี้โดยเร็ว และจักต้องหาวิธีสังหารคนผู้นี้ให้ตายภายในหนึ่งกระบวนท่าเท่านั้น ดูเหมือนการใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายเพียงอย่างเดียวเพื่อบดขยี้ และสังหารคนผู้นี้ คงจะเป็นเรื่องที่ยากลําบากจนเกินไป” หลงเฉินได้แต่ครุ่นคิดในขณะที่จ้องมองกู่หนานหลี่ ก่อนจะเหลือบมองไปทางผู้ชมภายในโถงฝึกยุทธ
“อย่าได้เอาแต่หลบหนีสิ เจ้าคนขี้ขลาด!” กู่หนานหลี่ร้องคํารามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว เมื่อหลงเฉินสามารถหลบการจู่โจมของตนเองได้
“ช่ว.. อย่าเสียงดังไป! ข้าหาได้หลบเพราะหวาดกลัวเจ้าไม่คุณชายหนานหลี่ ข้าเพียงแต่กําลังคิดหาหนทางที่จะสังหารเจ้า ด้วยการจู่โจมในกระบวนท่าเดียวต่างหากเล่า” หลงเฉินตอบกลับด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“นี่เจ้า.. เจ้า”
กู่หนานหลี่ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความโกรธเมื่อได้ฟังคําพูดเย้ยหยันของหลงเฉิน เขาหยุดการจู่โจมจากระยะไกล และใช้วรยุทธเคลื่อนไหวของตนเร่งความเร็ว แล้วเคลื่อนที่เข้าใกล้ร่างของหลงเฉินเพื่อหวังจู่โจมในระยะใกล้แทน
“ หมัดสะท้านปฐพี!”
กําปั้นของกู่หนานหลี่พุ่งออกไป ครั้งนี้เขาหาได้ใช้เพียงแค่พละกําลังของร่างกายถ่ายเดียวเท่านั้น แต่ยังใช้วรยุทธต่อสู้ที่อาศัยการรวบรวมพลังปราณทั่วร่าง เพื่อช่วยเสริมสร้างการจู่โจมคู่ต่อสู้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พลังจู่โจมที่แข็งแกร่งนั้นได้แผ่กระจายออกไปทั่วทั้งโถงฝึกยุทธ จนผู้ที่อ่อนแอกว่าถึงกับเซถอยหลังออกไปในทันที
กําปั้นของกู่หนานหลี่พุ่งเข้าใส่ร่างของหลงเฉินอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า แต่ก่อนที่กู่หนานหลี่จะทันได้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร เขาก็พบว่าร่างของหลงเฉินได้หายไปจากจุดที่ยืนอยู่ การจู่โจมของเขาพลาดเป้า กู่หนานหลี่จึงรีบหันกลับไปด้านหลังทันที แต่กลับพบว่ามือข้างหนึ่งได้พุ่งตรงเข้าบีบลําคอของเขาไว้แน่น ก่อนจะยกร่างของเขาขึ้นไปกลางอากาศ แล้วเหวี่ยงลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง ทุกขั้นตอนเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น
“เจ้าพอได้แล้ว!”
ขณะที่หลงเฉินกําลังจะพุ่งตรงเข้าจู่โจมกู่หนานหลี่อีกครา เสียงร้องตะโกนของคนผู้หนึ่งก็ดังลั่นขึ้นทั่วทั้งโถงฝึกยุทธ หลงเฉินหันมองไปยังต้นเสียง และพบว่าเป็นเสียงของกู่หลินผู้เป็นพ่อของกู่หนานหลี่
“นี่เป็นเพียงแค่การประลองกระชับมิตรเท่านั้น และลูกชายของข้าก็ได้พ่ายแพ้ให้แก่เจ้าแล้ว เจ้าจึงควรหยุดทําร้ายเขาอย่างเหี้ยมโหดได้!”
กู่หลินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดันในระหว่างที่เดินตรงเข้าไปหาหลงเฉิน หลงเฉินเองก็อยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะรับการจู่โจมหาก’หลินคิดจะลงมือกับเขา
แต่หลงเฉินกลับต้องประหลาดใจ ที่กู่หลินกลับมิได้กระทําการใดๆ เขาเพียงแค่เดินเข้ามาพยุงร่างของบุตรชายให้ลุกขึ้น และพาเดินกลับไปเท่านั้น แต่ก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไปนั้น เขาได้พึมพํากับหลงเฉินเสียงเบา แต่หลงเฉินกลับสามารถได้ยินอย่างชัดเจน
“เจ้าหนู อย่าได้สร้างศัตรูให้มันมากนัก!” กู่หลิงนขู่คํารามเสียงเบาใส่หลงเฉิน
“ยอดเยี่ยมมาก!! เจ้าช่างมีพรสวรรค์ยิ่งนัก! เจ้าสมกับเป็นอัจฉริยะจริงๆ! เหริน เจ้าแอบซ่อนหลานชายที่แข็งแกร่งผู้นี้ไว้มิให้พวกเราพบเห็นเชียวรึ?”
จักรพรรดิเย่วหานเอ่ยปากชมหลงเฉิน ก่อนจะหันไปกล่าวกับหลงเหรินต่อ..
“ฝ่าบาทเอ่ยชมกระหม่อมเกินไปแล้ว!” หลงเฉินยิ้มออกมาในขณะที่เอ่ยตอบจักรพรรดิเย่วหาน
“หืมม?!”
หลงเฉินพึมพําออกมาในระหว่างที่จ้องมององค์ชายสาม ซึ่งกําลังเดินตรงเข้ามาหาตนเอง และหยุดยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความฉงน
“ความจริงข้าเองก็มิได้ต้องการที่จะประลองกับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า แต่ฝีมือของเจ้าทําให้ข้าตื่นเต้น และต้องการที่จะประมือด้วยยิ่งนัก! หวังว่าเจ้าจะมปฏิเสธคําเชิญของข้าหรอกนะ!” องค์ชายสามเย่วติงเอ่ยกับหลงเฉินเสียงเบา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความุ่งมั่นที่จะประลองกับหลงเฉินให้ได้
“ข้ามิรู้ว่าเจ้าอยู่อาณาจักรบ่มเพาะขั้นใดกันแน่ แต่เท่าที่ขาเห็นเมื่อครู่ ร่างกายที่แข็งแกร่งและทักษะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเจ้า ทําให้ข้านึกสนุกและอยากจะประลองกับเจ้า หากเจ้าตกลงรับคําท้าของข้า ข้ารับปากว่าจะหยุดทันทีหากเจ้าพ่ายแพ้ และจะมิทําให้เจ้าต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่” องค์ชายสามเอ่ยบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
“กระหม่อมหาได้เกรงว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บไม่.. แต่กระหม่อมรู้สึกกังวลเรื่องนี้แทนองค์ชายสามต่างหากเล่า พระองค์ดูเป็นห่วงเป็นใยข้าเช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าพระองค์เป็นคนดีคนหนึ่ง อีกทั้งกระหม่อมและพระองค์ก็มิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน กระหม่อมจึงเกรงว่าจักทําให้องค์ชายสามได้รับบาดเจ็บโดยมิได้เจตนา” หลงเฉินตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน
องค์ชายสองได้ฟังคําพูดของหลงเฉิน ถึงกับอดไม่ได้จนต้องหัวเราะคิกคักออกมา ทันทีที่องค์ชายสามได้ยินเสียงหัวเราะขององค์ชายสอง ใบหน้าของเขาถึงกับเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันที
“เจ้าไม่ต้องห่วงข้า ข้าดูแลตนเองได้!” องค์ชายสามเอ่ยตอบด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
“ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมจะพยายามออมมือให้ก็แล้วกัน..” หลงเฉินกระซิบบอกเสียงเบา