เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 132
ตอนที่ 132 หอคัมภีร์วรยุทธชั้นสาม
“นี่ข้าทําบ้าอะไรลงไ!” หลงเฉินพิมพ์ออกมาด้วยความตกใจ ขณะที่กําลังระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
“ได้สติแล้วงั้นรึ?” ซุนปรากฏตัวขึ้นข้างกายหลงเฉิน พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยใบหน้า เปื้อนยิ้ม
“ข้าสูญเสียความเป็นตัวเองให้กับไฟปรารถนา!!” หลงเฉินเอ่ยตอบเสียงเบา
“เจ้าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นรึ?” ซุนเอ่ยถามพร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาสีทองของหลงเฉิน
“ไม่เลยแม้แต่น้อย!” หลงเฉินตอบกลับเสียงเบา พร้อมกับเหลือบมองไปทางร่างที่กําลังหลับไหลของหญิงสาวทั้งสองครู่หนึ่ง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แผนการเดินทางไปยังเมืองสายฟ้าคงต้องล้มเลิกแล้วสินะ?” ซุนเอ่ยถามยิ้มๆ
“มิล้มเลิกแน่! ข้าเพียงแค่สูญเสียความเป็นตัวเองให้กับไฟปรารถนาไปชั่วครู่ แต่ก็มิได้นึกเสียใจในสิ่งที่ทําลงไปเพียงแต่คิดไม่ถึงว่าในยามที่สูญเสียความเป็นตัวเองให้กับอารมณ์เหล่านั้น จักทําให้ข้าทําเรื่องโง่เขลาได้ถึงเพียงนี้ ข้ายังมีครอบครัวอยู่ที่นี่ ข้ามต้องการให้พวกเขาต้องเจ็บปวด หรือได้พบเห็นด้านมืดของข้า”
หลงเฉินลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินตรงไปยังห้องอาบน้ําพร้อมกับเอ่ยตอบซุนเสียงเบา..
“ยังมิได้เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงอันใดนัก ข้ามิคิดว่าเรื่องนี้จักทําให้พวกเขาเจ็บปวด!” ซุนเอ่ยตอบยิ้มๆ
“น่าจะเป็นการดีกว่าหากข้าจะอยู่ในที่ที่ปลอดภัยกว่านี้” หลงเฉินพึมพําขณะที่ยังคงเดินไปยังห้องอาบน้ํา
“ในเมื่อเจ้าเองก็ให้หญิงสาวทั้งสองตอบสนองไฟปรารถนาในตัวอยู่ตลอดทั้งคืนแล้ว เหตุใด กระบี่ของเจ้ายังคงตั้งตระหง่านอยู่เช่นนั้นเล่า? หรือพวกนางทั้งสองยังมิอาจดับไฟปรารถนาในตัวของเจ้าลงได้”
ซุนหัวเราะคิกคักในระหว่างที่เอ่ยหยอกเย้าหลงเฉินเล่น เพื่อให้อารมณ์ของเขาผ่อนคลายลงในขณะเดียวกันสายตาของนางก็จับจ้องอยู่ที่กระบี่ของหลงเฉิน
“ข้าจักพอใจได้อย่างไรกันเล่า ในเมื่อข้ายังมิได้ครอบครองกายเจ้า” หลงเฉินหัวเราะพร้อมกับจ้องมองซุนในขณะเอ่ยตอบ
“เฮอะ….เจ้าฝันไปเถิด! หญิงสาวเช่นข้ามชื่นชอบในตัวเด็กน้อยเช่นเจ้า!” ซุนเอ่ยตอบด้วยใบหน้าแดงก่ําก่อนจะหายตัวไปในทันที
“หึ…แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!” หลงเฉินหัวเราะคิกคักและเดินเข้าไปในห้องอาบน้ํา
หลังจากอาบน้ําเสร็จแล้ว หลงเฉินก็ได้เดินกลับไปยังห้องนอนของตน และพบว่าซวี่กับเม่ยยังคงนอนหลับไหลอยู่ เขาจึงเดินไปที่เตียง แล้วก้มลงจุมพิตริมฝีปากของพวกนางบางเบา ก่อนจะเดินกลับไปสวมใส่อาภรณ์ให้เรียบร้อย และในระหว่างนั้นซี่ก็ตื่นขึ้นมาพอดี
“พวกเราตื่นสายไปรึ?!!”
ซวี่ร้องอุทานออกมาทันทีเมื่อเห็นหลงเฉินตื่นขึ้นก่อนตนเอง เม่ยที่ได้ยินเสียงร้องของซวี่ก็ตื่นขึ้นตามทันที
“สายอะไรกันเล่า?” หลงเฉินเอ่ยยิ้มๆ
“พวกเรายังมิได้นําอาหารเช้ามาให้นายน้อยรับประทาน…”
ซวี่เอ่ยตอบพร้อมกับรีบลุกขึ้นจากเตียงแต่งเนื้อแต่งตัว ในขณะที่เม่ยยังคงนั่งอยู่ขอบเตียง และนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนพร้อมกับยิ้มกว้าง
“ซวี่ เหตุใดเจ้าจึงมิไปหาอาภรณ์ชุดใหม่มาให้เม่ยเล่า? ชุดเก่าของนางนั้น…” หลงเฉินเอ่ยบอกเสียงเบา พร้อมกับเหลือบมองไปยังอาภรณ์ฉีกขาดที่กองอยู่กับพื้น เขาเข้าใจในรอยยิ้มของเมียได้เป็นอย่างดี
ซวี่รีบร้อนออกไปจากห้องของหลงเฉิน และนําอาภรณ์ชุดใหม่มาให้เม่ย..
“พวกเราจะรีบไปนําอาหารมาให้นายน้อย..” ซวี่เอ่ยบอกแล้วรีบเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเม่ย
“พวกเจ้าเองก็ยังมิได้ทานอะไรเช่นกัน อย่าลืมนําอาหารของพวกเจ้ามาด้วยล่ะ” หลงเฉินเอ่ยบอกก่อนที่สาวใช้ทั้งสองจะเดินออกจากห้องนอนไป
เม่ยและซวี่กลับมาอีกครั้งพร้อมกับถาดอาหารในมือ และรีบจัดเรียงอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะ
“พวกเจ้าสองคนมานั่งทานด้วยกันสิ..” หลงเฉินเอ่ยบอกหลังจากที่นั่งลงบนเก้าอี้แล้ว
หญิงสาวทั้งสองมีท่าที่ลังเลเล็กน้อย แต่แล้วในที่สุดก็ยินยอมนั่งลงร่วมรับประทานอาหารพร้อมกับหลงเฉิน..
“ข้ามีบางเรื่องที่จะต้องบอกกับพวกเจ้าทั้งสอง” หลงเฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน หลังจากที่รับประทานอาหารจนอิ่มหนําแล้ว
“มีเรื่องอันใดหรือนายน้อย?” ซวี่เอ่ยถามด้วยน้ําเสียงอ่อนโยนในขณะที่สายตาจ้องลี กลงไปในดวงตาของหลงเฉิน
“เรื่องแรก…จากนี้ต่อไปพวกเจ้าทั้งสองมิต้องเรียกข้าว่านายน้อยอีก ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้ากับข้า มันเกินเลยไปมากกว่านั้นแล้ว”
“เรื่องที่สอง… ข้าจักต้องออกนอกเมืองไปชั่วเวลาหนึ่ง ห้ามพวกเจ้าบอกเรื่องนี้กับท่านแม่โดยเด็ดขาด ข้าจักออกเดินทางไปเพื่อหาประสบการณ์และฝึกวรยุทธบ่มเพาะของตนให้แข็งแกร่งไม่นานข้าก็จักกลับมา ข้าคงมิอาจพบเจอกับพวกเจ้าสักช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จักกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน! ข้ามิอาจบอกเรื่องนี้แก่ผู้อื่นได้ เพราะพวกเขาย่อมต้องขัดขวางมิให้ ข้าไปเป็นแน่ ข้าจึงบอกเรื่องนี้กับพวกเจ้าเพียงสองคนเท่านั้น ฉะนั้นอย่าได้บอกเรื่องนี้กับผู้ใด ก่อนที่ข้าจะไป..”
หลงเฉินเอ่ยบอกหญิงสาวทั้งสองด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน พร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาของ พวกนางหญิงสาวทั้งสองเองก็จ้องมองหลงเฉินด้วยสีหน้าตกอกตกใจเช่นกัน แต่ก็เพียงแค่พยักหน้าอย่างเงียบๆเท่านั้น แม้สีหน้าของพวกนางจักเต็มไปด้วยความโศกเศร้าก็ตาม
“พวกเจ้าช่วยไปจัดเตรียมอาหารสําหรับการเดินทางไกลให้แก่ข้าด้วย และอย่าให้ผู้อื่นล่วงรู้ได้ พวกเจ้านําสิ่งของที่พอจะเตรียมได้มาให้ข้าที่ห้อง ส่วนข้าจะจัดเตรียมสิ่งของจําเป็นอื่นๆเอง” หลงเฉินเอ่ยบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน และก้าวเดินจากไป
หลงเฉินเดินออกจากห้องของตนเอง มุ่งหน้าไปยังหอคัมภีร์วรยุทธ…
“ในเมื่อข้าสามารถเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณได้แล้ว ข้าย่อมมีสิทธิ์ที่จะเลือกคัมภีร์วรยุทธระดับวิญญาณจากหอคัมภีร์วรยุทธได้ แต่น่าเสียดายที่ผ่านมาข้ากลับมิมีเวลาหรือมีโอกาสที่จะได้ทําเช่นนั้น ข้าควรต้องใช้เวลาที่ยังพอมีอยู่นี้จัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้น” หลงเฉินพึมพํากับตัวเองในขณะที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าหอคัมภีร์วรยุทธ
หลงเฉินก้าวเดินเข้าไปด้านใน และพบว่ามีเด็กหนุ่มหลายคนกําลังอยู่ในหอคัมภีร์วรยุทธ และ กําลังนั่งอ่านคัมภีร์อยู่บนพื้น หลงเฉินพบว่าทั้งหมดล้วนเป็นเด็กหนุ่มที่เข้าสู่ในอาณาจักรปรับกายาแล้วทั้งสิ้น ส่วนอาวุโสผู้ดูแลหอคัมภีร์วรยุทธนั้น ก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ห่างจากประตูทางเข้าไปเล็กน้อย
“คุณชาย…ท่านมาที่นี่แล้ว!”
อาวุโสผู้ดูแลหอคัมภีร์วรยุทธลุกขึ้นยืนทักทายทันทีที่เห็นหลงเฉินเดินเข้ามา เขามิเคยสนทนา กับหลงเฉินด้วยวาจาเช่นนี้มาก่อน แต่หลังจากที่หลงเฉินฟื้นขึ้นมาพร้อมกับพิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะของตนอีกครั้งอาวุโสผู้นี้จึงต้องแสดงความเคารพนบนอบต่อเขา
“อาวุโสก้าน ข้ามาที่นี่เพื่อเลือกวรยุทธให้กับตนเอง” หลงเฉินเอ่ยบอกยิ้มๆเมื่อเผชิญหน้ากับอาวุโส
“ย่อมได้! ข้าเองก็กําลังรอท่านอยู่เช่นกัน ท่านมิมาเลือกคัมภีร์วรยุทธระดับวิญญาณเสียที ทั้งที่เข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณได้ตั้งนานแล้ว นับเป็นเรื่องดีที่ท่านมายังหอคัมภีร์วรยุทธเสียทีมิทราบว่าท่านต้องการให้ข้าช่วยเลือกคัมภีร์วรยุทธระดับวิญญาณให้ หรือท่านต้องการเลือกสรรด้วยตนเอง?” อาวุโสก้านเอ่ยตอบอย่างเอาอกเอาใจพร้อมกับยิ้มกว้าง
“มิเป็นไรอาวุโสก้าน ข้าจะเลือกด้วยตนเองได้!” หลงเฉินเอ่ยตอบอาวุโสก้านเสียงเบา
“ที่นี่มิมีด่านทดสอบวรยุทธก่อนเลือก ซึ่งต่างกับหอสมบัติ ข้าจักค่อยๆอ่านและเลือกวรยุทธด้วยตนเอง” หลงเฉินเอ่ยต่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เช่นนั้นก็เชิญนายน้อยเลือกได้ตามสบาย แต่ละชั้นจักมีปราการขวางกั้นทางขึ้น ท่านจักสามารถผ่านปราการสองชั้นแรกได้อย่างง่ายดาย ในชั้นที่สองจักมีวรยุทธระดับวิญญาณให้ท่านเลือกสรร ท่านก็ค่อยๆเลือกวรยุทธที่เหมากับท่านเถิด” อาวุโสก้านเอ่ยตอบยิ้มๆ และยกมือขึ้นชี้ไปที่ปรากการชั้นล่างสุดที่อยู่อีกด้านของหอคัมภีร์ และบันไดสําหรับขึ้นไปด้านบนก็อยู่ดานหลังปราการนั้น
หลงเฉินเดินตรงไปยังปราการนั้นทันที
“แม้ข้าจะมั่นใจว่าท่านรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้ว แต่อยากจะเตือนท่านไว้อีกครั้ง อย่าได้สัมผัสเข้ากับปราการที่จะขึ้นสู่ชั้นที่สามโดยเด็ดขาด หาไม่ท่านจะต้องได้รับบาดเจ็บเป็นแน่ มีเพียงผู้ที่เข้าสู่อาณาจักรแก่นปราณทองคําแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถผ่านปราการนั้นขึ้นไปได้”
อาวุโสก้านร้องบอกหลงเฉินที่กําลังเดินตรงไปยังปราการชั้นแรก ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ ของตนดังเดิม..
“คิดไม่ถึงว่าจักมีคัมภีร์มากมายถึงเพียงนี้!” หลงเฉินร้องอุทานออกมาระหว่างที่เดินดูคัมภีร์ ทั้งหมดภายในชั้นสอง
แต่หลงเฉินกลับมิใส่ใจกับคัมภีร์ในชั้นที่สอง เขาเดินตรงไปยังปราการสําหรับขึ้นไปยังชั้นที่ สาม..