เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 133
ตอนที่ 133 คุณชายผู้ร่ํารวย
แต่หลงเฉินกลับมิใส่ใจกับคัมภีร์ในชั้นที่สอง เขาเดินตรงไปยังปราการสําหรับขึ้นไปยังชั้นที่สาม…
หลงเฉินผ่านปราการขึ้นไปชั้นที่สามได้อย่างง่ายดาย ไม่นานนักเขาก็ขึ้นไปยืนอยู่บนชั้นสามของหอคัมภีร์วรยุทธ และพบว่าภายในชั้นนี้ก็มีคัมภีร์วรยุทธอยู่เพียงแค่สองเล่มเท่านั้น
“มีคัมภีร์อยู่เพียงแค่สองเล่มเท่านั้นรึ?! ดูเหมือนคนอื่นๆจะนําคัมภีร์ออกไปก่อนหน้าข้ามากมายแล้วสินะ…” หลงเฉินบ่นพึมพํากับตัวเอง
“ค่ายกลกระบี่เทวะ!” หลงเฉินหยิบหนึ่งในสองคัมภีร์ขึ้นมา
“สร้างค่ายกลด้วยกระบี่บินห้าเล่มเพื่อจู่โจมคู่ต่อสู้ นับว่าเป็นวิชาที่ยอดเยี่ยมทีเดียว แต่จําเป็นต้องหากระบี่ให้ถึงห้าเล่มในการฝึกวิชานี้” หลงเฉินพึมพํากับตนเองหลังจากอ่านรายละเอียดด้านในคัมภีร์แล้ว
จากนั้น…เขาจึงได้เดินไปหยิบคัมภีร์อีกเล่มขึ้นมาอ่านจนจบเช่นกัน
“เอิ่ม…ความจริงข้าสามารถหยิบไปได้ทั้งสองเล่ม แต่ข้าควรต้องทําตามกฎของตระกูล หยิบไปเพียงแค่เล่มเดียว อีกอย่างข้าเองก็ชื่นชอบเพียงแค่เล่มเดียว” หลงเฉินบอกกับตัวเอง แล้วเลือกหยิบคัมภีร์เพียงแค่หนึ่งเล่มเข้าไปไว้ในแหวนบรรจุ
“ในเมื่อข้าแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธในอาณาจักรแก่นปราณทองคําด้วยกัน ไม่แน่ว่า…”
หลงเฉินพึมพําออกมาพร้อมกับเหลือบมองไปยังทางขึ้นชั้นสี่ด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะลองดู
หลงเฉินเดินตรงไปยังปราการที่กั้น และเอื้อมมือไปสัมผัสกับปราการนั้น แต่แล้วก็รู้สึกราวกับถูกของมีคมพุ่งเข้าสู่ร่างกาย เขาจึงรีบกระตุกมือกลับมาทันที และล้มเลิกความคิดที่จะขึ้นไปยังชั้นสี่ของหอคัมภีร์วรยุทธ แล้วเดินกลับไปยังชั้นสองตามเดิม
หลงเฉินเดินค้นหาคัมภีร์ทั่วทั้งชั้นสอง และในที่สุดก็เลือกคัมภีร์ที่ชื่นชอบมาได้หนึ่งเล่ม แล้วจึงเดินกลับลงมายังชั้นล่าง
อาวุโสผู้ดูแลหอคัมภีร์วรุยทธลุกขึ้นยืนอีกครั้งเมื่อเห็นหลงเฉินเดินลงมาจากชั้นสอง
“ขอข้าดูคัมภีร์ที่ท่านเลือกจะได้หรือไม่?” อาวุโสก้านเอ่ยถาม
หลงเฉินส่งคัมภีร์ในมือที่ตนเลือกจากชั้นสองให้อาวุโสก้านดูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลังจากที่อ่านชื่อคัมภีร์แล้ว อาวุโสก้านจึงคืนให้กลับหลงเฉินโดยมเอ่ยออกมาแม้แต่คําเดียว หลงเฉินเดินออกจากหอคัมภีร์วรยุทธไป ทิ้งให้อาวุโสก้านที่มีสีหน้าครุ่นคิดอยู่เพียงลําพัง
จากนั้นหลงเฉินจึงไปพบมารดาของตนที่ห้อง เขานั่งสนทนากับนางด้วยท่าทีเป็นปกติ โดยมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่กําลังจะจากที่นี่ไปแม้แต่น้อย
หลังจากนั่งคุยกับมารดาอยู่ครู่ใหญ่ หลงเฉินจึงเดินจากมา แต่ก็มิวายเหลือบมองนางเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะก้าวเดินออกจากห้องของนางไป ซือหม่าจอี้เองก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แปลกประหลาดนี้ แต่ก็มิเข้าใจว่าเหตุใดนางจึงได้รู้สึกเช่นนั้น
หลังจากนั้น หลงเฉินก็ได้เดินตรงไปยังบ้านของอาวุโสใหญ่หลงมู่ ผู้ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแล และจัดการทรัพย์สินเงินทองของเหล่าสมาชิกตระกูลหลงทั้งหมด..
“อาวุโสใหญ่” หลงเฉินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอาวุโสใหญ่เดินออกมาจากห้องพอดี และรีบเดินตรงเข้าไปหาโดยเร็ว
“เจ้าหนู…มาทําอะไรที่นึ่งั้นรึ?” อาวุโสใหญ่จ้องมองหลงเฉินที่กําลังยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า
“ข้ามาพบท่านเพราะต้องการความช่วยเหลือ” หลงเฉินเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เจ้าต้องการให้ข้าช่วยอะไรรึ?” อาวุโสใหญ่หลงมู่เอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงงสงสัย
“ท่านเป็นผู้ดูแลการเงินของตระกูลหลงใช่หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถาม
“เป็นเช่นนั้น…ข้าเป็นผู้ดูแลการเงินทั้งหมดของตระกูลหลง” อาวุโสใหญ่หลงมู่พยักหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบ
“เท่าที่ข้ารู้คุณชายทุกคนในตระกูลจักได้รับเงินประจําเดือนจากหอคลังตามฐานะของตนในตระกูลข้าในฐานะหลานชายของท่านประมุข จักได้รับเหรียญทองคําจํานวนยี่สิบเหรียญต่อเดือนใช่หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามยิ้มๆ
“ถูกต้อง!” อาวุโสใหญ่หลงมู่พยักหน้าอีกครั้ง
“ฉะนั้น…ข้าต้องการเหรียญทองคําในส่วนของข้า ท่านย่อมรู้ดีว่าตลอดระยะเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมานี้ ข้ายังมิได้รับเหรียญทองคําในส่วนของข้าเลย?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าหมายถึงเหรียญทองคําจํานวน 240 เหรียญต่อปี คิดรวมทั้งหมดเจ็ดปีก็คือ 1,680 เหรียญสินะ” อาวุโสหลงมู่เอ่ยตอบยิ้มๆ
“ใช่แล้ว!” หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับพยักหน้ายิ้มๆ
“แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่า โอสถที่ตระกูลหลงต้องซื้อหามาป้อนให้กับเจ้าในแต่ละปีนั้น มีราคาสูงกว่านั้นมากมายนัก..” อาวุโสหลงมู่เอ่ยตอบ
“นั่นเป็นคนละเรื่องมิใช่รึ? หากลูกพี่ลูกน้องของข้าคนใดเกิดปวยไข้ขึ้นมา เขาย่อมต้องได้รับโอสถและได้รับการดูแลรักษาจากตระกูลเช่นเดียวกัน โดยมิจําเป็นต้องใช้เงินประจําเดือนของตนเองมิใช่รึ? สองสิ่งนี้เป็นค่าใช้จ่ายคนละส่วนกัน หาได้เกี่ยวข้องกันไม่..” หลงเฉินยิ้มกว้างในขณะ เอ่ยโต้แย้ง
“เจ้าหนู…ที่เจ้ากล่าวมาก็มิผิดนัก! เอาล่ะ…ข้าจักมอบเหรียญทองคําในส่วนที่เป็นของเจ้า และเป็นส่วนที่เจ้าสมควรได้รับคืนให้ แม้จะเป็นเงินจํานวนมากมาย แต่ข้าก็ได้เก็บเหรียญทองคํา จํานวนยี่สิบเหรียญ ในส่วนที่เจ้าจะต้องได้รับทุกเดือนแยกไว้ต่างหาก เผื่อว่าเจ้าฟื้นขึ้นมาและต้องการใช้มัน” อาวุโสใหญ่หลงมู่จ้องมองหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยตอบ
“เอาล่ะ.. ตามข้ามา!”
อาวุโสใหญ่หลงมู่เอ่ยบอกพร้อมกับเดินนําหลงเฉินไป หลงเฉินเดินตามไปไม่นานนักก็ไปถึงเรือนใหญ่หลังหนึ่ง เขาจําได้ว่าที่นี่ก็คือหอคลัง อาวุโสใหญ่หลงมู่เดินหายเข้าไปด้านในครู่หนึ่งจึงเดินออกมาพร้อมกับห่อผ้าเล็กๆในมือ
“ภายในห่อผ้านี้มีเหรียญทองคําขาวอยู่สิบหกเหรียญ และเหรียญทองคําอีกแปดสิบเหรียญเจ้าย่อมรู้ว่าหนึ่งเหรียญทองคําขาวนี้มีค่าเท่ากับหนึ่งร้อยเหรียญทองคํา ฉะนั้นภายในห่อผ้านี้จึงมีเหรียญทองคําขาว และเหรียญทองคํามูลค่า1680 เหรียญอยู่” อาวุโสใหญ่หลงมู่เอ่ยยิ้มๆ พร้อมกับยื่นห่อเงินให้กับหลงเฉิน
หลงเฉินเปิดห่อเงินออกตรวจนับ หลังจากนั้นจึงเอ่ยขอบคุณอาวุโสใหญ่พร้อมกับยิ้มออกมาอย่าพึงพอใจ
“เอ่อ…ไม่ทราบว่าพี่เสี่ยววิ่งออกจากการเก็บตัวฝึกวรยุทธบ่มเพาะแล้วหรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามอาวุโสใหญ่
“ยังเลย…เจ้ามีธุระกับนางงั้นรึ?” อาวุโสใหญ่หลงมู่เอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงงสงสัย
“มิมี…ข้าเพียงแค่ถามด้วยความอยากรู้เท่านั้น” หลงเฉินเอ่ยตอบก่อนจะเดินจากไป
“เฮอะ…ดูเหมือนเวลานี้เจ้าเด็กนี่จะเป็นคุณชายที่ร่ํารวยที่สุดของตระกูลสินะ!” อาวุโสใหญ่หลงเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินจากไป
หลงเฉินเดินกลับไปที่ห้องของตน และพบว่าซวกับเม่ยได้นําอาหารที่จัดเตรียมไว้ มาให้เขาที่ห้องอย่างมากมาย
“พวกเจ้าทําได้ดีมาก” หลงเฉินเอ่ยยิ้มๆพร้อมกับจ้องมองพวกนาง
“นาย…นายน้อยจักออกเดินทางเมื่อใด?” เม่ยเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองหลงเฉินด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“พรุ่งนี้เช้าข้าก็จะไปจากที่นี่แล้ว” หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาของนาง
“พวกเจ้าอย่าได้เศร้าโศกไปเลย ไม่ช้าข้าก็กลับมาแล้ว และเมื่อนั้นข้าจะอยู่กับพวกเจ้าทั้งคืนเลยทีเดียว” หลงเฉินเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของหญิงสาวทั้งสอง จึงรีบเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับใช้มือทั้งสองโอบเอวของพวกนางสองคนไว้ ก่อนจะดึงร่างของพวกนางเข้ามาใกล้พร้อมกับเอ่ยตอบ
“พวกเจ้าสองคนเป็นหญิงของข้าแล้ว อีกทั้งท่านแม่ของข้าก็อยู่ที่นี่ ข้าจักต้องกลับมาที่นี่โดยเร็วแน่” หลงเฉินกระซิบข้างหูของพวกนางเบาๆ
ราตรีที่เปี่ยมไปด้วยความสุขผ่านไปอีกครา เข้าสู่รุ่งอรุณของวันใหม่ หลงเฉินลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกับจ้องมองหญิงสาวทั้งสองที่ยังคงนอนหลับไหล
หลังจากจ้องมองใบหน้างดงามที่กําลังหลับไหลของหญิงสาวทั้งคู่อยู่ครู่หนึ่ง หลงเฉินจึงลุกขึ้นจากเตียง และหยิบจดหมายออกมาจากแหวนบรรจุวางไว้บนโต๊ะใกล้ตัว เขาเดินออกจากห้องนอนจัดการนําอาหารทั้งหมดที่เตรียมไว้เข้าไปเก็บในแหวนบรรจุ จากนั้นจึงจัดการเก็บอาภรณ์ เงินทอง และของใช้อื่นๆ ที่ได้ตระเตรียมไว้เข้าไปด้วย หลังจากนั้นหลงเฉินจึงได้เดินเข้าไปในห้องอาบน้ํา และปิดประตูไว้
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด นัยน์ตาสีทองคู่นั้นพลันเปลี่ยนเป็นสีดําระยิบระยับใน ขณะที่หลงเฉินกําลังโบกมือข้างขวาไปมานั้น ก็ได้ปรากฏรอยแยกขึ้นในห้วงอากาศภายในห้องอาบน้ํา หลงเฉินยกมือทั้งสองข้างขึ้นแยกรอยกแตกนั้นออก ก่อนจะปืนเข้าไปด้านใน และหายออกจากจวนไป..