เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 143
ตอนที่ 143 ข้าเองก็มีบุตร
หลงเฉินเดินจากผู้อารักขามา แล้วจึงเดินตรงเข้าไปในโรงเตี้ยม ทันทีที่หลงเฉินก้าวเท้าเข้าไปภายในโรงแรม ร่างของเขาก็ดึงดูสายตาทุกคู่ที่อยู่ด้าน และทุกสายตาก็จับจ้องมายังร่างของเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“มีผู้ฝึกวรยุทธบ่มเพาะที่แข็งแกร่งอยู่หลายคนที่เดียว
หลงเฉินแอบครุ่นคิดอยู่ในใจ เมื่อสังเกตเห็นว่าภายในโรงเตี้ยมมียอดฝีมือในขั้นอาณาจักรแก่นปราณทองคําอยู่ด้วย และพวกเขาถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อเห็นชายสวมหน้ากากเดินเข้ามาด้านในโรงเตี้ยมเช่นนี้
จากข้อมูลที่หลงเฉินได้ฟังมานั้น โรงเตี้ยมแห่งนี้มีสองชั้น ด้านล่างเป็นภัตตาคารสําหรับดื่มกินส่วนชั้นสองเป็นห้องพักสําหรับรับรองแขกที่ต้องการหาที่พักค้างคืน
สายตาของหลงเฉินเหลือบมองไปเห็นใครบางคนซึ่งสวมใส่อาภรณ์สีแดงนั่นอยู่ที่โต๊ะมุมสุดและกําลังรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เขาสังเกตเห็นว่าภายในโต๊ะนั้นนั่งอยู่ด้วยกันสามคนหนึ่งในสามนั้นดูคล้ายเด็กหนุ่มในวัย 17-18 ปีเท่านั้น เด็กหนุ่มผู้นี้เข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นแปดแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเพิ่งจะทะลวงเข้าสู่ขั้นนี้ได้ไม่เกินสองสามวัน เพราะขั้นพลังของเขายังดูมิเสถียรมั่นคงนัก
คนที่สองเป็นหญิงสาวซึ่งอยู่ในวัยเดียวกันกับเด็กหนุ่ม แต่ดูเหมือนขั้นพลังบ่มเพาะจะเหนือกว่าเด็กหนุ่มเล็กน้อย นางอยู่ได้เข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นแปดชั้นยอดแล้ว
ส่วนคนที่สามนั้นเป็นชายวัยกลางคน และเป็นผู้ที่ทําให้เขานึกประหลาดใจไม่น้อย เพราะคนผู้นี้ได้เข้าสู่อาณาจักรแก่นปานทองคําขั้นสิบได้แล้ว
หลงเฉินเดินตรงไปหาพวกเขาทั้งสามท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่กําลังจับจ้องมา จากนั้นเขา จึงนั่งลงบนเก้าอี้ร่วมโต๊ะกับคนทั้งสาม..
“ผู้ใดอนุญาตให้เจ้านั่งร่วมโต๊ะกับพวกเรากัน?” หญิงสาวเอ่ยถามออกมาด้วยน้ําเสียงจองหองพร้อมกับจ้องมองหลงเฉินด้วยแววตาเย่อหยิ่ง
“ข้าอยากจะนั่งที่ใดก็ได้หากต้องการ มิมีผู้ใดสามารถห้ามข้าได้เ” หลงเฉินหัวเราะคิกคักพร้อมกับเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงที่ดัดให้ดูแก่
“งั้นรึ?! หรือว่าพวกเราต่างรู้จักกันมาก่อน? หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ถอดหน้ากากออกเสียก่อนดูว่าพวกเราจะรู้จักเจ้าหรือไม่? แล้วเหตุใดเจ้าจึงต้องสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเช่นนี้เล่า? เจ้าคงมีได้มีใบหน้าอัปลักษณ์น่าเกลียดหรอกนะ?”
ชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ข้างหญิงสาวหัวเราะคิกคักพร้อมกับเอ่ยบอกหลงเฉิน ในขณะที่ชายวัยกลางคนยังคงนิ่งเงียบมิเอ่ยกล่าวอันออกมา เขาเพียงแค่จ้องมองหลงเฉินแน่นิ่งเท่านั้น
“เอาล่ะพ่อหนุ่ม ข้ามิมีเวลามาล้อเล่นกับเจ้านัก จงตั้งใจฟังสิ่งที่ข้าจะเอ่ยกับเจ้าให้ดีล่ะข้าต้องการขอซื้อม้าซึ่งเป็นสัตว์อสูรวิญญาณขั้นสองจากเจ้า แม้มันจะเป็นสัตว์อสูรวิญญาณขั้นต่ําในสายตาของข้า แต่สําหรับหลานชายของข้าแล้ว ม้าตัวนี้นับเป็นของขวัญวันเกิดที่ใกล้จะมาถึงได้ดีทีเดียว ข้ายังมิต้องการมอบสัตว์อสูรวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่านี้ให้กับเขาในเวลานี้ม้าที่เหลืออีกสองตัวน่าจะเพียงพอที่จะลากรถม้าของเจ้าไปได้”
หลงเฉินเอ่ยบอกยิ้มๆในขณะที่ยังสวมหน้ากากปิดบังสีหน้าของตนไว้
“นี่เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดกัน? เจ้าคิดว่าพวกเราร้อนเงินงั้นรึ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นใคร?คนเช่นพวกเราสามารถซื้อคนเช่นเจ้าได้หลายคนโดยแทบมิต้องปรายตามองด้วยซ้ําไป..” ชายหนุ่มเอ่ยเย้ยหยันหลงเฉินพร้อมกับจ้องมองเขา
“องค์ชายสองไปหมิง! เจ้าควรให้เกียรติบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเจ้าด้วย ท่านผู้นี้คือผู้ฝีวรยุทธบ่มเพาะที่เข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพได้แล้ว!”
ชายวัยกลางคนร้องตะโกนสั่งเสียงดังพร้อมกับจ้องมองชายหนุ่ม และหญิงสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าตกใจ แม้แต่คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ยังถึงกับพากันตกตะลึง
“ข้ามิได้ปลดปล่อยรัศมีพลังบ่มเพาะออกมา เจ้าคงจะคาดเดาเอามากกว่าจะมองเห็นขั้นพลังที่แท้จริงของข้าสินะ?” หลงเฉินเอ่ยถามยิ้มๆ
“ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ในเมื่อท่านซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าแข็งแกร่งกว่าข้า ย่อมมีข้อสันนิษฐานเดียวเท่านั้นคือ ท่านได้เข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพแล้วนั่นเอง..”
“ที่เจ้ากล่าวก็มิผิดนัก แต่เจ้าอย่าลืมว่าข้าอาจใช้ยันต์ปกปิดขั้นพลังบ่มเพาะที่แท้จริงของตนเองไว้ก็ได้เช่นกัน” หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆ
“ข้ามั่นใจยิ่งนัก จากน้ําเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของท่าน” ชายวัยกลางคน เอ่ยตอบยิ้มๆ
“เจ้าคาดเดาได้ถูกต้องแล้ว!”
หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงนุ่มนวล ก่อนจะทําการปลดปล่อยรัศมีพลังในขั้นอาณาจักรจุติพิภพออกมา ทุกคนที่อยู่ภายในโรงเตี้ยมต่างพากันขนลุกชันด้วยความหวาดกลัวกับรัศมีพลังที่แข็งแกร่งนี้ บางคนถึงกับผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ส่วนสีหน้าของชายวัยกลางคนถึงกับเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดมากขึ้นเมื่อสัมผัสเข้ากับรัศมีพลังของหลงเฉิน
“คนที่อยู่ต่อหน้าข้าเวลานี้ แข็งแกร่งกว่าที่ข้าคาดคิดไว้มากนัก! รัศมีพลังที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นแข็งแกร่งกว่าฝ่าบาทเสียอีกข้าเชื่อว่าคนผู้นี้ต้องอยู่เหนืออาณาจักรจุติพิภพขั้นเจ็ดแล้วเป็นแน่! เช่นนี้แล้วคนผู้นี้มเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดินี้หรอกหรือ? จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิซุย เองยังอยู่ในขั้นอาณาจักรเดียวกันกับฝ่าบาท ทั้งสองพระองค์ล้วนอยู่ในอาณาจักรจุติพิภพขั้นเจ็ดเหมือนกันในขณะที่ชายตรงหน้ากลับแข็งแกร่งกว่าพวกเขาทั้งคู่แน่นอนว่าคนผู้นี้จักต้องมาจากจักรวรรดิอันดับหนึ่งเป็นแน่..”
“จักรวรรดิอันดับหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆก็มีเพียงแค่จักรวรรดิเฉวียนเท่านั้น และเป็นจักรวรรดิที่ทําการจัดแข่งขันคัดเลือกศิษย์เข้าสํานัก! หรือท่านผู้ที่อยู่ตรงหน้าข้าเวลานี้ จักเป็นอาจารย์จากสํานักใดสํานักหนึ่งในจักรวรรดิเฉวียน?”
ชายวัยกลางคนจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับครุ่นคิดอยู่ในใจหลังจากที่ได้สัมผัสรัศมีพลังของ หลงเฉิน
“เจ้าเข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพแล้วอย่างไร?!! ท่านพ่อของข้าก็เข้าสู่อาณาจักรเดียวกันนี้ ท่า นพ่อของข้าแข็งแกร่งยิ่งนักไม่แน่ว่าอาจจะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิของเจ้าเสียอีก นี่เจ้าคิดว่าจักสามารถข่มขู่พวกเราได้เพียงเพราะพวกเราอยู่นอกจักรวรรดิของตนอย่างนั้นรึ?!”
เด็กหนุ่มกล่าววาจาเย้ยหยันหลงเฉิน แม้เด็กหนุ่มจักสัมผัสรัศมีพลังของเขาได้แต่ก็ยังคงทําสี หน้าห้าวหาญเจรจากับหลงเฉินด้วยวาจาเช่นนั้นเขาเชื่อว่าหลงเฉินเป็นผู้ฝึกวรยุทธบ่มเพาะแห่ง จักรวรรดิซุยและมิรู้ว่ารัศมีพลังของหลงเฉินนั้นเหนือกว่าบิดาของตนต่างจากยอดฝีมือขั้นอาณาจักรแก่นปราณทองคําซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
“หุบปาก!” ชายวัยกลางคนถึงกับร้องคํารามใส่องค์ชายด้วยความโกรธเกรี้ยว
“อาวุโส. ได้โปรดอย่าถือสาเด็กโง่เขลาผู้นี้เลยข้าขออภัยแทนเด็กไร้มารยาทผู้นี้ด้วย ข้าจะรายงานเรื่องที่เขาบังอาจไร้มารยาทกับอาวุโสให้ฝ่าบาทรู้ ข้าเชื่อว่าฝ่าบาทต้องทําโทษเขาเป็นแน่ที่กล้าแสดงกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าท่าน เหตุใดท่านจึงมิไปเป็นแขกที่จักรวรรดิของเราบ้างเล่า? พวกเราจักต้อนรับอาวุโสประหนึ่งแขกที่สูงส่งยิ่ง…”
ชายวัยกลางคนจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยบอกเขาด้วยรอยยิ้มประจบประแจง..
ชายหนุ่มและหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับนิ่งอึ้งเมื่อเห็นชายวัยกลางคนแสดงท่าทีที่เคารพนบนอบต่อหลงเฉินเช่นนั้น พวกเขาทั้งสองต่างสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่มิปกติ
“มิเป็นไร.. ข้าหาได้ถือสาเด็กโง่เขลาไม่! เด็กหนุ่มมักทําตัวประมาทเช่นนี้ ข้าเองก็มีบุตรแล้วเช่นกัน พวกเขามักสร้างปัญหาให้กับข้าเช่นนี้ ข้าจึงเข้าใจพวกเขาดี…”
หลงเฉินหัวเราะคิกคักในขณะที่เอ่ยออกไป ซุนซึ่งอยู่ข้างๆถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินหลงเฉินเอ่ยออกไปเช่นนั้น แต่คนอื่นในที่นั้นกลับมิได้ยินเสียงหัวเราะของนางนอกจากหลงเฉิน
“ขอบคุณอาวุโสที่เมตตา ในเมื่อท่านต้องการม้าตัวนั้น ข้าก็ขอมอบมันให้กับท่านเป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆจากจักรวรรดิหมิงซู หวังว่าสักว่าอาณาจักรหมิงซูของเราคงจักได้ต้อนรับอาวุโส ฝ่าบาทต้องมีของขวัญที่ล้ําค่ากว่าม้าตนนี้มอบให้กับท่านเป็นแน่” ชายวัยกลางคนเอ่ยตอบด้วย รอยยิ้มสดใส
“มิเป็นไร.. ข้าหาได้ต้องการของขวัญไม่หากข้าต้องการข้าสามารถหาได้ด้วยตัวเอง ข้าเพียง แค่มิมีเวลามากมายนักจึงต้องการขอซื้อมาจากเจ้า ปกติม้านี้น่าจะมีราคาสิบห้าเหรียญทองคํานี่.. เหรียญทองคําทั้งหมดสามสิบเหรียญข้าขอมอบให้เจ้าเป็นค่าม้า”
หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับโยนถุงเงินเล็กๆใบหนึ่งให้ ชายวัยกลางคนจึงรีบคว้าไว้ทันที..