เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 27
ตอนที่ 27 เป็นเพราะเหตุใด?
หลงเหรินกำลังประชุมอยู่กับเหล่าอาวุโสคนอื่นๆของตระกูลหลง และกำลังปรึกษาหารือเรื่องแผนการตามหาตัวหลงเทียนอีกครั้ง ซึ่งอาวุโสสูงสุดและบุตรชายของเขาก็ร่วมประชุมด้วย แต่ในระหว่างนั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้ใจได้ก็เข้ามารายงานเรื่องของหลงเทียน
หลงเหรินปราดพุ่งออกจากห้องไปทันทีที่ได้รู้ว่าหลงเทียนกลับมาแล้ว และเขาอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยดี แม้แต่อาวุโสคนอื่นๆที่อยู่ในห้องก็ตกใจอย่างมากเช่นเดียวกันเมื่อได้ยินว่าหลงเทียนกลับมาอย่างปลอดภัย
เหล่าอาวุโสทั้งหมดที่อยู่ในห้องต่างก็พากันเดินตามออกไป หลงเทียนเป็นเพียงเด็กปัญญาอ่อนมานานถึงสี่ปี จึงหาได้สำคัญอันใดมากนักในสายตาของพวกเขา แต่ในเมื่อหลงเหรินเป็นห่วงเป็นใยหลงเทียนมากเช่นนี้ พวกเขาจึงต้องเสแสร้งเป็นห่วงและกระตือรือร้นที่จะตามหา
หลงเหรินตรงเข้าไปยังเรือนพักของหลงเทียน และพบว่าซือหม่าจวี้อี๋กำลังกอดเขาไว้แน่นพร้อมกับร่ำไห้ เมื่อได้เห็นกับตาว่าหลงเทียนกลับมาแล้วจริงๆ และอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยดีเช่นนี้ หลงเหรินก็ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เทียนเอ๋อ.. เจ้าปลอดภัยจริงๆด้วย! ปู่คิดถึงแล้วก็เป็นห่วงเจ้ามากจนแทบจะขาดใจ..”
หลงเหรินร้องบอกหลงเทียนด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความโล่งใจ แต่หลงเหรินกลับไม่เอ่ยปากถามหลงเทียนถึงสาเหตุที่เขาหายตัวไปเช่นนี้ นั่นเพราะเขารู้ดีว่าหลงเทียนย่อมมิอาจตอบคำถามใดๆของตนได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรหลงเหรินก็จะต้องหาคำตอบเรื่องนี้ด้วยตนเองให้จงได้ และเขาจะต้องหาตัวถูเย่วให้พบเสียก่อน
หลงเฉินผละออกจากอ้อมกอดของซือหม่าจวี้อี๋ทันทีที่เห็นหลงเหรินเดินเข้ามา และมีเหล่าอาวุโสคนอื่นๆตามมาด้วย
“เป็นหลงเทียนจริงๆด้วย เขากลับมาได้อย่างปลอดภัย!” เหล่าอาวุโสที่ตามมาต่างก็หันไปพูดคุยกัน
“กลับมาอย่างปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรก็ดีแล้ว แต่เหตุใดพวกเราค้นหาตัวเขาจนทั่วเมือง แต่กลับไม่พบเห็นแม้แต่เงา..””
อาวุโสสูงสุดหลงหัวเป็นผู้เอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาครุ่นคิดสงสัยอยู่ภายในใจว่า เหตุใดหลงเทียนซึ่งเป็นปัญญาอ่อน และหายไปจากตระกูลหลงหลายวันเช่นนี้ กลับสามารถหาทางกลับตำหนักได้ หลงหัวยังไม่รู้ว่าการหายตัวไปของหลงเทียนครั้งนี้ ล้วนเป็นฝีมือของลูกชายตนเอง
“ท่านพ่อ.. เทียน.. เทียนเอ๋อ..” ซือหม่าจวี้อี๋จ้องมองหลงเหริน ในขณะเดียวกันก็กำลังพยายามที่จะบอกเล่าอะไรบางอย่างให้เขาฟัง แต่น้ำเสียงของนางก็ตะกุกตะกักจนหลงเฉินต้องพูดแทรกขึ้นแทน
“ท่านปู่ คนเช่นข้าจะได้รับบาดเจ็บง่ายๆได้อย่างไรกันเล่า? ข้าเป็นหลานชายของท่าน และเป็นสายเลือดตระกูลหลง..” หลงเฉินยิ้มให้หลงเหรินพร้อมกับเอ่ยออกมา นัยน์ตาสีทองคู่นั้นเป็นประกายระยิบระยับ
“ฮ่าๆๆๆ เจ้าช่างกล้าหาญและเก่งกาจดังเช่นพ่อของเจ้าไม่มีผิด!” หลงเหรินเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข แต่แล้วสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
เหล่าอาวุโสทั้งหมดก็เห็นเหตุการณ์ด้วยเช่นกัน..
หลงเหรินเดินเข้าไปใกล้หลงเทียน พร้อมกับโน้มตัวลงถามหลงเทียนที่คุกเข่าอยู่ว่า เขากลับคืนสู่สภาพปกติดีแล้วจริงๆหรือ?
หลงเฉินตอบกลับ และยืนยันหนักแน่น!
เหล่าอาวุโสตระกูลหลงต่างพากันตกใจและตกตะลึงเมื่อพบว่าหลงเทียนกลับเป็นปกติแล้ว หลงเทียนอัจฉริยะที่ยากจะพานพบผู้เดิมได้กลับมาแล้ว อาวุโสหลายคนต่างก็จ้องมองเขาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง และเฝ้ารอคอยอนาคตที่หลงเทียนจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ในขณะที่บางคนก็จ้องมองด้วยแววตาหม่นหมองกล้ำกลืน..
‘แต่ปีทองของหลงเทียนก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว เขาฟื้นคืนเป็นปกติในยามนี้ก็คงไร้ประโยชน์’ นี่คือสิ่งที่อาวุโสหลายคนครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจและตกตะลึงกับการฟื้นคืนเป็นปกติของหลงเทียนอยู่นั้น สายตาคู่หนึ่งก็กำลังจับจ้องหลงเทียนด้วยความมาดร้าย แต่ก็มิมีผู้ใดทันสังเกตเห็น
“เจ้ากลับเป็นปกติได้ก็ดีมากแล้ว.. แต่ประเดี๋ยวก่อน.. เหตุใดข้าจึงไม่สามารถมองเห็นระดับพลังบ่มเพาะของเจ้าได้?” หลังจากที่หลงเหรินสำรวจดูร่างกายของหลงเทียนอย่างละเอียด เพื่อหาดูว่าเขาได้รับบาดเจ็บที่ใดบ้าง แต่กลับพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดแปลกไป และเขาก็ไม่สามารถมองเห็นระดับพลังบ่มเพาะของหลงเทียนได้
ทันทีที่หลงเหรินร้องตะโกนบอกไป เหล่าอาวุโสคนอื่นๆต่างก็พากันจ้องมองมาทางร่างของหลงเทียน และทุกคนก็พบว่าตนเองมิอาจมองเห็นระดับพลังบ่มเพาะของหลงเทียนเช่นกัน
ที่ผ่านมานั้น ทุกครั้งที่หลงเหรินสำรวจดู เขาจะพบว่าพลังบ่มเพาะของหลงเทียนนั้นยังคงอยู่ในอาณาจักรปรับกายาขั้นสิบเสมอมา แต่ครานี้เขากลับไม่พบเห็นสิ่งใดเลย
“หรือมีคนจับตัวเจ้าไปและทำลายพลังบ่มเพาะของเจ้า แล้วจึงปล่อยตัวกลับมา? บอกข้ามาว่ามันผู้นั้นเป็นใคร ข้าจะให้มันตายอย่างไร้แผ่นดินกลบหน้าทีเดียว!” หลงเหรินร้องตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล
ในความคิดของหลงเหรินนั้น มีเพียงสามเหตุผลที่จะทำให้เขาไม่สามารถเห็นระดับพลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายคือ หนึ่ง.. คนผู้นั้นเป็นคนธรรมดามิได้ฝึกวรยุทธบ่มเพาะ หรือเคยฝึกแต่ถูกคนทำลายพลังบ่มเพาะของตน
สอง.. คนผู้นั้นแข็งแกร่งกว่าเขา แต่หลงเหรินรู้ดีว่าหลงเทียนมิได้แข็งแกร่งไปกว่าตนเป็นแน่
และสาม.. มีเครื่องรางวิเศษที่สามารถใช้ปกปิดระดับพลังของตนเอาไว้ได้ แต่เป็นไป เพรามิได้เลยที่หลงเทียนจักมีเครื่องรางชนิดนี้ เพราะเครื่องรางแขนงปกปิดระดับพลังนั้น เป็นเครื่องรางที่หาได้ยากยิ่ง และเครื่องรางประเภทนี้ล้วนเป็นเครื่องรางระดับฟ้าขึ้นไป
หลงเหรินไม่เชื่อแน่ว่า หลงเทียนจักมีเครื่องรางระดับฟ้าได้ เพราะแม้กระทั่งตัวเขาเองยังมีเพียงเครื่องรางระดับดินไม่กี่ชิ้นเท่านั้น หากให้เขาสันนิษฐาน น่าจักเป็นอย่างแรกเสียมากกว่า ในความเห็นของหลงเหรินเวลานี้ จึงเหลือความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ หลานชายของเขาถูกคนทำลายพลังบ่มเพาะเสียแล้ว
“อะไรนะ?! ท่านปู่ นี่ท่านไม่เห็นระดับพลังบ่มเพาะของข้างั้นรึ?” หลงเฉินร้องถามออกมาด้วยความตกใจ เพระแม้แต่เขาเองก็ยังมิรู้ตัว และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่าผู้อื่นไม่สามารถมองเห็นระดับพลังของตน
หลงเฉินกำลังสงสัยและนึกประหลาดใจว่า หรือเป็นเพราะวรยุทธบ่มเพาะในคัมภีร์ไร้นามที่เขาฝึกปรือกันแน่? หรือเป็นเพราะความลับของแหวนวงนี้? จนถึงเวลานี้หลงเฉินยังนึกสงสัยอยู่ไม่หายว่า สร้อยคอที่เขานำออกมาจากแหวนบรรจุและสวมไว้ที่คอนั้น จู่ๆไม่รู้ว่าทำหล่นหายที่ใด เขาพยายามค้นหาจนทั่วแต่ก็ไม่พบ
แต่หลงเฉินหารู้ไม่ว่าสร้อยแก้วใสนั้นได้กลายเป็นของเหลวซึมซาบสู่ร่างกายของเขาไปแล้ว และนับจากนี้ชีวิตของเขาจะต้องเปลี่ยนไป..
“ท่านปู่ ข้าสาบานได้ ข้าเองก็ไม่รู้จริงๆว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?” หลงเฉินเอ่ยตอบหลงเหรินทันที
“ท่านปู่ พวกเราเข้าไปนั่งคุยกันด้านในดีกว่า ข้าจะเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ท่านฟังทั้งหมด ข้ายังต้องไปพบสหายเก่าเพื่อทวงหนี้กับเขา” หลงเฉินบอกหลงเหรินด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง ในขณะที่สมองก็คิดถึงหลงซูและสิ่งที่เขาทำกับตนเอง
หลงเหรินเห็นด้วย เขาลุกขึ้นและเดินเข้าไปในเรือนพร้อมหลงเทียนและซือหม่าจวี้อี๋ ส่วนอาวุโสคนอื่นๆต่างก็แยกย้ายกันกลับไปยังเรือนพักของตน ระหว่างทางก็เฝ้าครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องที่หลงเทียนฟื้นคืนเป็นปกติ