เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 43
ตอนที่ 43 สังหารหลงซู
“ข้าจักลงไปในสระหาสมบัติด้วยตัวเอง!” หลงซูจ้องมองลงไปที่สระน้ำพร้อมกับร้องบอกสหายทั้งสามของตน
“นายน้อยซู พวกเราจะลงไปหาสมบัติพร้อมกับท่าน ช่วยกันค้นหาสี่คน ย่อมต้องรวดเร็วกว่าที่ท่านจะลงไปค้นหาตามลำพังเป็นแน่!” หนึ่งในสามค้านขึ้นทันที
“อ๊าก..”
แต่ก่อนที่หลงซูจักทันได้ตอบอันใด เขาก็ได้ยินเสียงร้องดังออกมาจากด้านหลังของตนเอง และเมื่อหันกลับไปมอง เขาก็พบว่าสหายที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดเวลานี้ ได้ล้มหงายตึงลงไปกับพื้น และที่หัวใจก็มีบาดแผลคล้ายถูกของมีคมแทงทะลุ
“ผู้ใดกัน? ผู้ใดอยู่ตรงนั้น ปรากฏตัวออกมาเดี๋ยวนี้!!”
หลงซูชักกระบี่ของตนเองออกมาเตรียมพร้อมสำหรับต่อสู้ สหายของเขาที่เหลืออีกสองคนก็เช่นกัน อาวุธที่หลงซูถืออยู่ในมือเวลานี้คือกระบี่ครามฟ้าซึ่งเป็นอาวุธระดับวิญญาณขั้นกลาง เขาได้กระบี่เล่มนี้มาจากโถงสมบัติหลังจากที่ผ่านการทดสอบในด่านที่สองได้
แม้จะเป็นกระบี่ระดับวิญญาณขั้นกลาง แต่นี่ก็เป็นอาวุธที่ด้อยที่สุดในบรรดายุทธภัณฑ์ที่ปรากฏขึ้นทั้งหมด เมื่อครั้งที่เขาผ่านด่านทดสอบระดับสองได้
“อะไรกัน?! พวกเราสองคนเพิ่งจะพบหน้ากันเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง นี่เจ้าจดจำข้ามิได้แล้วรึท่านพี่ซู? ข้าตามเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะร่วมฉลองยินดีที่เจ้าสำเร็จวรยุทธต่อสู้อีกยังไงเล่า.. ว่าแต่วิชาอะไรกันนะ? อ่อ.. ข้านึกออกแล้ว ‘สิงห์โตคำราม’ ถูกต้องหรือไม่ท่านพี่ซู?”
หลงเฉินร้องตะโกนบอกหลงซู ในขณะเดียวกันก็ตวัดดาบในมือสังหารผู้ฝึกยุทธอาณาจักรผสานวิญญาณขั้นเจ็ดตายไปอีกคน
‘ดาบราชันนับว่าเยี่ยมยอดนัก! ช่วยให้ข้าสังหารศัตรูได้ง่ายดายมากทีเดียว..’ หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ในใจ เมื่อได้พบเห็นอานุภาพที่แข็งแกร่งของดาบราชัน
“เจ้า.. เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน?”
หลงซูร้องตะโกนถามออกไปด้วยความตกใจ ในขณะเดียวกันก็รีบก้าวถอยหลังในทันที เมื่อพบว่าผู้ที่อยู่ต่อหน้าเขาเวลานี้ คือเด็กปัญญาอ่อนที่เขาจับโยนลงไปที่ก้นเหวของผาสวรรค์ด้วยตัวเอง และมั่นใจว่าได้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ครั้งนั้น แต่เมื่อจู่ๆ คนผู้นั้นมาปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้ หลงซูถึงกับผงะถอยหลังหนีราวกับได้พบเจอภูติผีวิญญาณก็ไม่ปาน
“นี่.. เจ้า.. เจ้ายังไม่ตายรึ? เจ้าตกลงไปในเหวลึกถึงเพียงนั้น เจ้ายังมีชีวิตรอดกลับมาได้อย่างไรกัน?” หลังจากที่ตั้งสติได้ หลงซูก็ระล่ำระลักถามออกไปทันที เขาอยากรู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“เหตุใดข้าเจ้าจึงเอ่ยถามเช่นนั้นเล่าท่านพี่ซู?! ข้ารอดชีวิตมาได้เจ้าไม่ดีใจหรอกรึ? หรือเจ้าอยากให้ข้าตายไปในสภาพที่เลวร้ายเยี่ยงนั้น? ข้าหลงคิดว่าพวกเราต่างก็เป็นพี่น้องที่อยู่ในตระกูลอบอุ่นและมีความสุขเสียอีก..” หลงเฉินแสร้งตีหน้าเศร้า แต่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
‘ดูเหมือนไอ้เด็กปัญญาอ่อนนี่มันจะฟื้นคืนเป็นปกติแล้วสินะ!’ หลงซูครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
‘หน้าผาสูงถึงเพียงนั้น เหตุใดไอ้สารเลวนี่จึงรอดชีวิตมาได้? มิหนำซ้ำเวลานี้กลับฟื้นคืนสติเป็นปกติอีกด้วย ดูเหมือนว่าโชคของมันจะดีไม่น้อยทีเดียว!’ หลงซูครุ่นคิดในระหว่างที่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแน่นิ่ง
“ต่อให้เจ้ารอดชีวิตมาได้ ก็ต้องมาตายที่นี่อยู่ดี ฮ่าๆๆ แม้จะฟื้นคืนสติได้ แต่เจ้าก็หาได้ฉลาดขึ้นไม่ ยังคงโง่เง่าสิ้นดี!” หลงเฉินหัวเราะเสียงดังในขณะที่สีหน้า และแววตากลับเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที
“นายน้อยซู เด็กนี่เป็นผู้ใดกัน?” จือเหลียงยกดาบในมือของตนขึ้นชี้หน้าหลงเฉิน พร้อมกับร้องตะโกนถามหลงซูเสียงดัง
“หึ.. ก็แค่ขยะชิ้นหนึ่งที่ควรจะต้องตายไปตั้งนานแล้ว!” หลงซูตอบกลับด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยัน
“ดาบในมือเจ้า! นั่นมันอาวุธระดับวิญญาณขั้นสูงสุดนี่!!!”
หลงซูร้องตะโกนออกมาเสียงดังทันทีที่สังเกตเห็นดาบในมือของหลงเฉิน แม้แต่จือเหลียงยังถึงกับตกใจสุดขีดเช่นกัน หลังจากที่หันไปมองดาบในมือของหลงเฉินตามเสียงร้องตะโกนของหลงซู
“นี่เจ้าได้ดาบเล่มใหม่แล้วรึ? มิน่าเจ้าถึงได้สังหารสหายทั้งสองของข้าได้ เจ้าได้ดาบเล่มนี้มาได้อย่างไร?” สายตาของหลงเฉินจับจ้องอยู่ที่ดาบในมือของหลงเฉินแน่นิ่ง ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงพล่ามต่อไม่หยุด
“ท่านประมุขเหรินคงจะมอบดาบเล่มนี้ให้เจ้าสินะ ในเมื่อเจ้าเป็นหลานชายสุดที่รักของเขานี่! แม้แต่ท่านพ่อของข้ายังเอาแต่พล่ามบอกให้ข้าหมั่นฝึกปรือเพื่อที่จะได้อาวุธดีๆ แม้ข้าจะเป็นลูกแต่เขาก็มิเคยมอบสิ่งใดให้แก่ข้าเลย!!” หลงซูร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธและอิจฉาริษยา
“เช่นนั้นก็ดีเหมือนกัน! ในเมื่อเจ้าดั้นด้นมาถึงที่นี่ ก็ถือซะว่ามามอบดาบล้ำเลิศเล่มนี้ให้แก่ข้าก็แล้วกัน ข้ารับรองว่าจะตบรางวัลด้วยการส่งเจ้าไปนรกในดาบเดียว แต่ก็น่าเสียดาย.. แม้จะได้ดาบเล่มนี้มา ข้ากลับมิอาจนำออกมาใช้ต่อหน้าคนตระกูลหลงได้ แต่อย่างน้อย.. ในยามฉุกเฉินที่อยู่นอกตำหนัก ข้าก็สามารถหยิบมันมาใช้งานได้!”
แต่ก่อนที่หลงซูจะทันได้ขยับเขยื้อนร่างกาย เขาก็เห็นหลงเฉินพุ่งตรงเข้าใส่จือเหลียงอย่างรวดเร็ว จือเหลียงเงื้อดาบในมือขึ้นป้องกัน แต่แล้วรอยร้าวก็ปรากฏขึ้นบนตัวดาบของเขาทันที และร่างของจือเหลียงก็กระเด็นถอยหลัง ลอยละลิ่วออกไปไกลกว่าห้าสิบเมตร
“เอาล่ะ.. เวลานี้ไม่มีผู้ใดรบกวนพวกเราสองคนอีกแล้ว” หลงเฉินแสยะยิ้มในขณะที่หันกลับมาจ้องหน้าหลงซู
“แก.. เจ้าเด็กชั่วช้า!” หลงซูร้องตะโกนออกมาพร้อมกับพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลงเฉินทันที
“ก้าวพริบตา!!” หลงเฉินเองก็พุ่งร่างของตนปะทะเข้าใส่หลงซูที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาเช่นกัน
ร่างของหลงซูถึงกับกระเด็นถอยหลังออกไปไกลมากกว่ายี่สิบเมตร ในขณะที่ร่างของหลงเฉินกระเด็นถอยหลังกลับไปเพียงแค่สิบก้าวเท่านั้นก็สามารถทรงตัวยืนนิ่งได้แล้ว
‘เป็น.. เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน? เหตุใดเจ้าเด็กนี่จึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้? มันหาใช่มดปลวกที่ผู้ใดจักเหยียบย่ำเช่นใดก็ได้หรอกหรือ? มันคืออัจฉริยะที่เปลี่ยนเป็นขยะชิ้นหนึ่งในตระกูลมิใช่รึ? นี่.. นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่??’
‘ต่อให้มันฟื้นคืนสติดังเดิมแล้ว แต่ก็มิใช่ว่าต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนด้วยมิใช่รึ?’
หลงซูเฝ้าแต่ครุ่นคิดด้วยความสงสัย หลังจากที่ร่างของเขาปะทะกับหลงเฉินจนกระเด็นถอยออกไปไกลเช่นนั้น..
“ไม่ว่าอย่างไร.. วันนี้ก็จะเป็นวันตายของเจ้า!!” หลงซูจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลงเฉิน พร้อมกับร้องตะโกนใส่หน้าเขา
“สิงห์โตคำราม!!”
หลงซูใช้วรยุทธต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตนจู่โจมเข้าใส่หลงเฉินในทันที..
“ห๊ะ?! นี่มันอะไรกัน? เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร???”
หลงซูแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง เมื่อจู่ๆ ปีกสวยงามทั้งสองข้างก็ปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังของหลงเฉิน และพาร่างของเขาบินหลบการจู่โจมของหลงซูขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
“นี่คือวรยุทธต่อสู้ที่เจ้าเพิ่งฝึกสำเร็จงั้นรึท่านพี่ซู? แข็งแกร่งไม่น้อยทีเดียว เอาล่ะ.. ครานี้เจ้าลองดูวรยุทธต่อสู้ของข้าบ้าง”
หลงเฉินแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับร้องบอกหลงซูด้วยน้ำเสียงเย็นชา หลงซูได้เห็นรอยยิ้มเยือกเย็นของนั่นแล้ว ถึงกับสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก
“เพลงดาบยอดเซียนเจ็ดกระบวน วิถีที่สี่ – คลื่นวินาศ!“
ตราบใดที่หลงเฉินหยิบใช้วรยุทธต่อสู้นี้ ห้วงอากาศรอบตัวพลันหยุดนิ่งไปชั่วขณะ รัศมีอันทรงพลังของดาบราชันพุ่งตรงออกไป ลำแสงสว่างสีขาวที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง เคลื่อนเข้าใส่ร่างของหลงซูอย่างรวดเร็ว และมิว่าเคลื่อนผ่านที่ใด คลื่นวินาศพลันถาโถมมิหยุดยั้ง!
หลงซูอยากจะกระโดดหลบ แต่ก็รู้ตัวว่ามิอาจหลบได้ทันท่วงทีเป็นแน่ เพราะรัศมีของดาบนั้นพุ่งตรงเข้ามารวดเร็วเกินไป จึงทำได้เพียงแค่ยกดาบครามฟ้าในมือของตนขึ้นต้านแสงสว่างเจิดจ้าจากดาบของหลงเฉินแทน แต่ทันทีที่แสงสว่างของดาบราชันสัมผัสเข้ากับดาบครามฟ้าของหลงซู เขาก็รู้สึกราวกับว่ากระดูกแขนของตนนั้นพลันแตกหัก และร่างก็ลอยละลิ่วกระเด็นออกไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ด้านหลังทันที
“อ๊าก!!”
หลงซูกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่กระดูกที่แตกนั้นก็ได้สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้กับตนอย่างมาก ในระหว่างนั้น.. จู่ๆเมื่อเงยหน้าขึ้นมา เขาก็พบว่าร่างของหลงเฉินได้มายืนอยู่ตรงหน้าของตนแล้ว ปีกทั้งสองข้างหายไปในพริบตา
“หลงเทียน!! ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นคนตระกูลหลง พวกเราทั้งคู่ต่างก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ข้าขออภัยกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น หลงเทียน.. ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย อย่าได้สังหารข้าเลย!” หลงซูพล่ามอ้อนวอนร้องขอความเมตตาจากหลงเฉินไม่หยุด
“ครอบครัวของข้ามีเพียงท่านแม่กับท่านปู่เท่านั้น! คนอื่นๆข้าล้วนหารู้จักไม่..” หลงเฉินจ้องหน้าหลงซูด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“พ่อของข้าเป็นถึงอาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลหลง หากเจ้าสังหารข้า เจ้าต้องมีปัญหาตามมามากมายแน่!!” หลงซูพยายามข่มขู่หลงเฉินเมื่อเห็นว่าคำอ้อนวอนของตนไร้ผล
“งั้นรึ?! แต่ท่านปู่ของข้าเป็นถึงประมุขตระกูลหลง!” หลงเฉินตอบกลับยิ้มๆ
“ข้าจำเป็นต้องสนใจภูมิหลังของเจ้าก่อนลงมือสังหารด้วยรึ? ในเมื่อครั้งที่เจ้าลงมือสังหารข้า เจ้ายังมิเคยคำนึงถึงภูมิหลังของข้าแม้แต่น้อย! และต่อให้ข้าลงมือสังหารเจ้า จะมีหลักฐานใดพิสูจน์ได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของข้าเล่า? จริงหรือไม่ท่านพี่ซู?” หลงเฉินจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลงซู
“เจ้า.. เจ้า..” หลงซูพยายามที่จะเอ่ยปากพูดต่อ แต่แล้วปลายดาบของหลงเฉินก็แทงทะลุขั้วหัวใจของหลงซูสิ้นใจตายในทันที
‘โอ้ว.. ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีไม่น้อยเลย!’ หลงเฉินยิ้มกว้างพร้อมกับหันไปทางร่างของจือเหลียงที่อยู่ด้านหลัง
จือเหลียงเพิ่งจะรู้สึกตัวตื่นขึ้น และกำลังคิดที่จะวิ่งหนี แต่เมื่อเห็นว่าหลงเฉินจ้องมองมาทางตนเช่นนั้น ร่างของเขาก็ถึงกับแข็งทื่อในทันที