เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 54
ตอนที่ 54 โกลาหล
“เอ่อ.. ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย! เวลานี้ท่านหัวหน้าผ่ากำลังอยู่ในห้องตำรา เชิญท่านเข้าไปด้านในก่อน” ชายชราเอ่ยตอบพร้อมกับถอยหลบไปทางด้านข้างประตู..
หลังจากเดินเข้าไปได้เพียงเล็กน้อย ทั้งคู่ก็ไปถึงหน้าประตูสีแดง แล้วเทอร่าก็ยกมือขึ้นเคาะประตู
“เข้ามาได้” เสียงมีอำนาจดังออกมาจากด้านใน
เทอร่าเปิดประตูเข้าไปทันทีที่ได้รับอนุญาต โดยมีหลงเฉินเดินตามหลังเข้าไปติดๆ ทันทีที่ก้าวผ่านประตูเข้าไป หลเฉินก็พบชายวัยกลางคนรูปร่างสูงกว่าเทอร่าเล็กน้อย กำลังนั่งอ่านตำราอยู่บนเก้าอี้ภายในห้อง
หลงเฉินรับรู้ได้ทันทีว่าชายวัยกลางคนผู้นี้แข็งแกร่งมากกว่าเทอร่า แต่ก็มิรู้ว่าพลังบ่มเพาะของเขาอยู่ในอาณาจักรใดกันแน่ เพราะตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในโลกใบนี้ เขาก็ยังมิสามารถมองเห็นขั้นพลังของผู้ใดเลย
“ครั้งนี้เจ้าต้องการอะไรอีกงั้นรึ?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามโดยมิได้เงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำไป
“ท่านพ่อ.. ท่านเงยหน้าขึ้นมามองก่อนว่าข้าพาผู้ใดมาด้วย ท่านทำเช่นนี้เท่ากับไม่ให้ความเคารพแขกที่ข้าพามาด้วยเลย..”
“เจ้าพาผู้ใดมางั้นรึ?”
ชายวัยกลางคนเอ่ยถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมอง แต่แล้วสีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นตกใจอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นหลงเฉิน เขาลุกพรวดพราดขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และตำราในมือก็ร่วงหล่นลงพื้นทันที..
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่! ข้าสมควรตายยิ่งนักที่แสดงท่าทีไร้มารยาทต่อท่านเช่นนั้น!”
ชายวัยกลางคนคุกเข่าลงกับพื้นทันที พร้อมกับกล่าวขออภัยออกมา แม้เขาจักนั่งคุกเข่าแล้ว แต่ถึงกระนั้นร่างของเขาก็ยังสูงกว่าหลงเฉินที่ยืนอยู่เสียอีก
“นี่เจ้าทำอันใดกัน?! ลุกขึ้นเร็วเข้า เอาล่ะๆ ข้ามิได้ถือสาแต่อย่างใด เจ้ารีบลุกขึ้นก่อนเร็วเข้า!” หลงเฉินเห็นเช่นนั้นจึงรีบร้องบอกให้ชายวันกลางคนลุกขึ้นทันที
“ข้าจักทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ท่านคือมนุษย์ผู้มีบุญคุณอย่างใหญ่หลวงต่อพวกเรา ท่านคือเชื้อสายของเขา ข้าควรต้องปฏิบัติต่อท่านด้วยความเคารพยิ่ง และจักต้องทำการต้อนรับท่านด้วยตัวเอง..” ชายวัยกลางคนยังคงคุกเข่าตอบ และปฏิเสธที่จะลุกขึ้นยืน
“เจ้าลุกขึ้นเถิด.. ข้าหาได้ถือสาไม่ อีกอย่าง.. เจ้าเองก็มิรู้ว่าข้ามามิใช่รึ? ว่าแต่เจ้ามั่นใจได้เช่นใดว่าข้าคือมนุษย์จริงๆ? มิต้องทดสอบความแข็งแกร่งของข้าก่อนหรอกรึ?”
หลงเฉินเอ่ยถามพร้อมกับหันมองไปทางเทอร่า ซึ่งเวลานี้มีสีหน้าที่กระอักกระอ่วนใจอย่างเห็นได้ชัด..
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่.. เหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนั้นเล่า? มิจำเป็นที่ข้าจักต้องทำเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ระบุรายละเอียดของผู้มีพระคุณไว้อย่างชัดเจนแล้ว! ความจริงพวกเรายังมีภาพวาด และรูปปั้นของท่านผู้มีพระคุณด้วย จึงมิต้องสงสัยอันใดว่าท่านคือผู้สืบเชื้อสายของเขาเป็นแน่!” ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนพร้อมกับบอกหลงเฉิน
“นี่พวกเจ้ามีภาพวาดของเขาด้วยรึ? ข้าขอดูภาพวาดนั้น และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับประวัติชนเผ่าของพวกเจ้าจักได้หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถาม
“ย่อมได้แน่นอน! ท่านผู้มีพระคุณได้โปรดนั่งพักผ่อนเสียก่อน ข้าจักไปนำมาให้ท่านดูเดี๋ยวนี้!”
“เทอร่า.. เจ้าดูแลท่านผู้มีพระคุณให้ดีด้วยล่ะ!!”
หลังจากกำชับเทอร่าแล้ว ชายวัยกลางคนก็รีบวิ่งออกจากห้องตำราของตนไปทันที
“ที่นี่เป็นห้องตำรามิใช่รึ? เหตุใดจึงมิเก็บภาพวาดและคัมภีร์นั่นไว้ในห้องนี้เล่า?” หลงเฉินเอ่ยถามเทอร่าด้วยสีหน้างุนงง
“ทั้งสองสิ่งล้วนสำคัญและมีค่ายิ่งต่อเผ่าของเรา ฉะนั้นแล้วบรรพชนผู้เป็นหัวหน้าเผ่าทุกรุ่นจักต้องดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี ของสำคัญเช่นนี้จึงต้องเก็บไว้ในห้องเก็บสมบัติ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดภายในเผ่า ที่นั่นจักมีคนอารักขาอยู่มากมาย และมีเพียงหัวหน้าเผ่าผู้เดียวเท่านั้นที่จักสามารถเข้าไปได้!”
“งั้นรึ? แล้วนี่อีกนานหรือไม่กว่าที่เขาจะ…”
ยังมิทันที่หลงเฉินจักทันได้ถามจบประโยค หัวหน้าเผ่าก็วิ่งถือคัมภีร์สีทอง และม้วนภาพสีเหลืองกลับเข้ามาในห้องแล้ว..
‘เร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ?!!’ หลงเฉินได้แต่แอบคิดอยู่ในใจ
“ขออภัยที่ทำให้ท่านผู้ยิ่งใหญ่ต้องรอคอย..” ทันทีที่เข้ามาในห้อง หัวหน้าเผ่าก็รีบส่งคัมภีร์และม้วนภาพให้กับหลงเฉินอย่างรวดเร็ว
‘เหตุใดเขาจึงดูซื่อและเชื่อคนง่ายดายเช่นนี้? ถึงกับส่งคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าตนให้กับข้าโดยมิเอ่ยปากถามแม้แต่น้อย เพียงเพราะว่าคนผู้นั้นช่วยชีวิตทุกคนที่นี่ไว้อย่างนั้นหรือ? นี่ย่อมหมายความว่ามนุษย์เป็นคนดีมากสินะ?’ หลงเฉินยังคงครุ่นคิดเรื่องของมนุษย์ในโลกนี้
“มิเป็นไร.. เจ้ามิได้ทำให้ข้าต้องคอยนานเลยแม้แต่น้อย ว่าแต่.. เจ้านามว่าอะไร ข้ามิรู้ว่าควรต้องเรียกขานเจ้าเช่นใดดี?” หลงเฉินจ้องมองพร้อมกับเอ่ยถามออกไป
“ข้าน้อยนามว่าเท็นช่า” หัวหน้าผ่าเท็นช่ารีบตอบหลงเฉินกลับไปทั้งที่ยังคงกระหืดกระหอบอยู่
“ส่วนข้านามว่าหลงเฉิน.. ยินดีที่ได้รู้จักท่านหัวหน้าเผ่าเท็นช่า”
“นับเป็นความโชคดีของพวกเรายิ่งที่ได้พบกับท่าน! ไม่ทราบว่าท่านต้องการให้พวกเราออกไปจากห้องนี้หรือไม่? ท่านจักได้ค่อยๆอ่านตำราเงียบๆตามลำพัง” เท็นช่าเอ่ยถาม
“มิเป็นไร.. ข้าเองก็มิรู้ว่าจักสามารถอ่าน…” แต่แล้วหลงเฉินก็หยุดชะงักไปดื้อๆ เมื่อพบว่าตนเองสามารถอ่านตัวอักษรในคัมภีร์ออก และสามารถเข้าใจได้เป็นอย่างดี
“แต่ก็เป็นความคิดที่ดีไม่น้อยทีเดียว.. พวกเจ้าสองคนปล่อยข้าไว้คนเดียวเงียบๆสักพักก็จักดีไม่น้อย”
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็จักออกไปจากห้องก่อน เทอร่า.. ตามข้าออกไป!” เท็นช่าหันไปสั่งเทอร่า จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกัน และมิลืมที่จะปิดประตูกลับดังเดิม
หลังจากออกมาจากห้องตำราแล้ว เท็นช่าก็ได้สั่งให้คนมาอารักขาหน้าห้อง และกำชับมิให้ผู้ใดเข้าไปด้านใน หรือส่งเสียงดังหนวกหูในบริเวณนี้โดยเด็ดขาด เขาบอกกับทุกคนว่าภายในห้องตำราเวลานี้มีบุคคลสำคัญยิ่งอยู่ภายใน และคนผู้นี้สามารถทำลายเผ่านี้ได้ภายในพริบตา ทุกคนจักต้องให้ความเคารพคนผู้นี้อย่างมาก หลังจากกำชับดีแล้วจึงได้จากมา
หลงเฉินนั่งอยู่เพียงลำพังภายในห้อง ในมือถือคัมภีร์และม้วนภาพไว้ เมื่อสองคนพ่อลูกออกไปแล้ว เขาจึงจัดการเปิดม้วนภาพออกดูทันที เพราะต้องการรู้ว่าสิ่งที่ตนคาดเดานั้นจักถูกต้องหรือไม่?
“เป็นเขาจริงๆด้วย! ในภาพนี้เขาดูหนุ่มกว่าที่ข้าเห็นในฝัน แต่ทุกอย่างยังคงดูคล้ายคลึงเขายิ่งนัก!”
ทันทีที่หลงเฉินเปิดภาพวาดออกมาดู เขาก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าชายในภาพนั้นคือชายคนเดียวกันกับที่เขาเห็นในความฝัน เพียงแต่ดูหนุ่มกว่าเล็กน้อยเท่านั้น
‘ในภาพวาดนี้.. เขาดูคล้ายกับเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีเท่านั้น แต่เส้นผมยังคงเป็นสีแดง และนัยน์ตาคู่นั้นยังคงเป็นสีทองสุกสว่าง ใบหน้ายังคงความหล่อเหลามิเปลี่ยนแปลง..’ หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
“ภาพนี้ช่างวาดได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีทรงพลังอำนาจ และชวนหวาดผวาของเขาที่แผ่ซ่านออกมาได้ดีทีเดียว ผู้ที่วาดภาพนี้จักต้องเป็นจิตรกรที่เก่งกาจไม่น้อย!” หลงเฉินพึมพำออกมา
‘ลองอ่านดูดีกว่า ข้าอยากรู้นักว่าท่านจักเผชิญกับสิ่งใดในโลกนี้บ้าง? ไม่แน่ว่าข้าอาจค้นพบร่องรอยอะไรบางอย่าง ที่จักนำพาข้าออกไปจากที่นี่ผ่านบันทึกการเดินทางของท่าน..’ หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ภายในใจ และเริ่มเปิดคัมภีร์อ่านทันที
แต่แล้วสีหน้าของหลงเฉินก็ถึงกับเปลี่ยนไป แต่ก็ยังคงอ่านคัมภีร์เล่มนั้นต่อไป..
ในระหว่างที่หลงเฉินกำลังนั่งอ่านคัมภีร์อย่างสงบอยู่ภายในห้อง ด้านนอกกลับกำลังโกลาหลวุ่นวายอย่างมาก!
หลังจากที่ได้พบเห็นมนุษย์จริงๆเป็นครั้งแรก ทุกคนภายในเผ่าต่างก็ไม่เป็นอันทำสิ่งใด และเริ่มจับกลุ่มคุยกันถึงแต่เรื่องนี้ แม้แต่ท่านซูผู้เป็นรองหัวหน้าเผ่า และเซี่ยซึ่งเป็นบุตรสาว ยังรีบรุดมายังบ้านของหัวหน้าเผ่าเท็นช่าในทันทีที่รู้ข่าวว่า เวลานี้มีมนุษย์ปรากฏตัวขึ้นในเผ่าของตน
“เจ้าตามข้ามา ข้ามีเรื่องต้องการจักพูดกับเจ้าเป็นส่วนตัว” รองหัวหน้าซูตรงเข้าไปหาเท็นช่าที่ห้องพร้อมกับร้องบอก
“มีเรื่องสำคัญอันใดรึ จึงมิสามารถพูดต่อหน้าเด็กๆได้ ที่นี่มีเพียงแค่เทอร่ากับเซี่ยเท่านั้น” เท็นช่าตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“มิได้.. เรื่องที่ข้าจักพูดกับเจ้าหาใช่เรื่องที่จะพูดต่อหน้าผู้อื่นได้ ตามข้าไปที่ห้องส่วนตัวดีกว่า..” ซูย้ำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เอาล่ะเด็กๆ พวกเจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าจักไปคุยกับท่านลุงซูสักพัก แล้วจักกลับมา”
สีหน้าของเท็นช่าพลันเปลี่ยนเป็นจริงจัง และเคร่งเครียดขึ้นทันที หลังจากเอ่ยบอกเทอร่ากับเซี่ยแล้ว เขาจึงรีบเดินตามซูออกไปทันที
“เรื่องมนุษย์ปรากฏตัวเป็นความจริงหรือไม่? หากเป็นจริง.. พวกเราจำต้องปรึกษาหารือกันอย่างจริงจังแล้ว!” ซูกระซิบเสียงเบา..