เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 69
ตอนที่ 69 จักรพรรดิแห่งเผ่าอสูรกาย
“ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว ก็จงเข้ามาด้านใน ข้ารู้ว่าต้องมีเรื่องสำคัญยิ่งเป็นแน่ หาไม่แล้วพวกเจ้าคงไม่มาหาชายชราเช่นข้าเป็นแน่!”
ก่อนที่จะมีผู้ใดเคาะประตู เสียงทุ้มต่ำก็ดังออกมาจากด้านใน..
จอมราชันย์พยัคฆ์ผลักประตูเข้าไปทันที และพบใครบางคนกำลังนั่งชันเข่าอยู่บนพื้น ภาพที่เห็นคือสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างสูงยาว โครงร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์ เพียงแต่กระดูกแขนขายาวมิสมส่วน ในขณะที่นั่งชันเข่านั้น หัวเข่าของเขากลับสูงถึงศรีษะเลยทีเดียว ในขณะที่ศรีษะเป็นม้า และเท้าทั้งสองก็มีลักษณะเป็นกีบม้าด้วย
“องค์จักรพรรดิบาลัง.. พวกเรามีเรื่องด่วนที่ต้องการปรึกษาหารือกับพระองค์!” จอมราชันย์กระทิงรีบเอ่ยขึ้นทันที
“เรื่องนั้นข้าย่อมรู้อยู่แล้ว มิเช่นนั้นพวกเจ้าคงจักมิมาหาข้าถึงที่นี่แน่ เอาล่ะ.. มีเรื่องอันใดก็จงกล่าวออกมา!” จักรพรรดิบาลังเอ่ยตอบเสียงเนิบ
“เรียนองค์จักรพรรดิ.. เวลานี้มีมนุษย์ปรากฏขึ้นในโลกของเราอีกแล้ว! และนี่คือรูปร่างหน้าตาของเขา”
จอมราชันย์พยัคฆ์เอ่ยตอบทันที พร้อมกับยื่นภาพของหลงเทียนให้องค์จักรพรรดิบาลังดูทันที เมื่อองค์จักรพรรดิบาลังได้ยินว่ามีมนุษย์ปรากฏตัวขึ้น ดวงตาของเขาถึงกับเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะรีบรับภาพนั้นมาดูครู่หนึ่งแล้วจึงส่งคืนให้ และก่อนที่เหล่าจอมราชันย์จะทันสังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ เสียงพูดก็ดังแทรกขึ้นมา
“หากเทียบกับภาพของเทียนเฉินมนุษย์คนก่อน มนุษย์ผู้นี้ดูเหมือนจะยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยเท่านั้น ฉะนั้นแล้วจึงมิน่าจะแข็งแกร่งดังเช่นเทียนเฉิน และในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้คงจักมิเป็นอันตรายต่อพวกเรา แต่พวกเราต้องการให้องค์จักรพรรดิแนะนำว่าพวกเราควรทำเช่นไรดี?” จอมราชันย์โครงกระดูกเป็นผู้เอ่ยถามองค์จักรพรรดิบาลังด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ..
“เวลานี้มนุษย์ผู้นี้อยู่ที่ใดงั้นรึ?” องค์จักรพรรดิบาลังเอ่ยถามขณะที่จ้องมองเหล่าจอมราชันย์ทั้งสิบคน
“เวลานี้เขาอยู่ที่เผ่าแบนชี ข้าได้รับรายงานมาว่ามนุษย์ผู้นี้อยู่ในเผ่าแบนชีมานานมากกว่าสามวันแล้ว และดูเหมือนว่าจักยังคงอยู่ต่อไปอีกเรื่อยๆ” ราชันย์พยัคฆ์เอ่ยตอบ
“เอาล่ะ.. พวกเจ้าทั้งหมดกลับไปก่อน ข้าจักปรึกษาหารือกับจักรพรรดิองค์อื่นๆดู เมื่อตัดสินใจได้แล้วจักบอกกับพวกเจ้าให้รู้ทันที! แต่ในระหว่างนี้ พวกเจ้าจักต้องปกปิดเรื่องนี้ไว้ก่อน อย่าให้ข่าวนี้แพร่งพรายออกไปโดยเด็ดขาด ข้ามิต้องการให้ทุกคนในดินแดนอสูรกายแห่งนี้ต้องตื่นตระหนกตกใจ”
องค์จักรพรรดิบาลังร้องสั่งจอมราชันย์ทั้งสิบคน หลังจากนั้นทุกคนก็ออกจากบ้านขององค์จักรพรรดิ และกลับไปที่พระราชวังทันที ปล่อยให้องค์จักรพรรดิบาลังอยู่ตามลำพัง
“ผ่านมาเนิ่นนาน.. ในที่สุดมนุษย์ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล้วสินะ! ครานี้อาจเป็นโอกาสที่ดี หรืออาจเป็นหายนะอีกครั้งก็ได้ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราและมนุษย์ผู้นั้น!”
จักรพรรดิบาลังพึมพำกับตนเองในขณะที่ลุกขึ้นยืน และเดินออกนอกบ้านไป ร่างของจักรพรรดิบาลังเมื่อยืนขึ้นนั้น มีความสูงกว่าสามเมตร และขึ้นชื่อว่าเป็นอสูรกายที่มีความสูงที่สุดในบรรดาอสูรกายทั้งหมด
……
“สหาย.. ข้ารู้ว่าท่านมิชอบให้ผู้ใดมารบกวน แต่ครั้งนี้ข้าคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่จักต้องปลุกท่านให้ตื่นจากการหลับไหลเสียที แต่ก่อนที่ข้าจักไปปลุกท่าน คงต้องไปพบเชนเทียเสียก่อนเพื่อนำเขาไปกับข้าด้วย”
องค์จักรพรรดิบาลังพึมพำกับตนเอง ในขณะที่เดินตรงเข้าไปในป่าลึกแห่งหนึ่ง หลังจากก้าวเดินไปได้ครู่ใหญ่ ในที่สุดเขาก็ไปถึงถ้ำเปิดแห่งหนึ่ง
“เฒ่าเชนเทีย.. นี่ท่านจักมิเชื้อเชิญข้าเข้าไปข้างในหน่อยรึ?” องค์จักรพรรดิบาลังร้องตะโกนถามอยู่ที่หน้าปากถ้ำ
“ฮ่าๆๆ เฒ่าบาลัง ต่อให้ข้าเชื้อเชิญเจ้าให้เข้ามาด้านใน เจ้ามีปัญญาเข้ามาได้งั้นรึ? ข้าจงใจสร้างถ้ำแห่งนี้ให้มีความสูงพอที่จะมิให้ตาเฒ่าเช่นเจ้า เข้ามารบกวนความสงบสุขของข้าได้อย่างไรเล่า..”
เสียงหัวเราะดังกึกก้องออกมาจากด้านในถ้ำ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องตะโกน ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ใครบางคนก็เดินออกมายืนที่หน้าถ้ำ
รูปร่างของเขาคล้ายคลึงกับมนุษย์ ขาทั้งสองข้างโค้งงอ แขนที่ยาวแตกต่างกันนั้นมีกล้ามเนื้อขึ้นเป็นมัดๆ ในขณะที่ริมฝีปากมีเขี้ยวยาวงอกออกมา ทำให้ใบหน้าของเขาดูคล้ายกับลิงและหมูผสมกัน ผิวเป็นสีเทาอ่อนดูแปลกตายิ่งนัก ในขณะที่มือนั้นถือค้อนขนาดใหญ่ไว้
“ข้าเองนึกประหลาดใจมาตลอดเวลาว่า เหตุใดท่านจึงชื่นชอบการอยู่ป่ามากกว่าในเมืองนัก?” องค์จักรพรรดิบาลังเอ่ยถามออกไป
“ในเมืองหาได้มีสถานที่ดีๆดังเช่นที่นี่ไม่! ที่นี่ทั้งสงบและเงียบเชียบ แตกต่างจากเมืองอสูรกายยิ่งนัก!” องค์จักรพรรดิเชนเทียกล่าวตอบ
“ที่นี่คงจะสงบเงียบเกินไปสินะ ท่านจึงมิได้รู้ว่าเวลานี้เผ่าอสูรกายกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่อยู่?” องค์จักรพรรดิบาลังเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆๆๆ มีท่านอยู่ในเมืองคอยเป็นหูเป็นตาเช่นนั้น ข้าเชื่อว่าหากมีสิ่งใดที่ควรค่าแก่ความสนอกสนใจของข้าเกิดขึ้น ท่านย่อมต้องมาบอกล่าวให้ข้ารู้เป็นแน่ และนี่คือเหตุผลที่ท่านมาหาข้าที่นี่มิใช่รึ.. เฒ่าบาลัง?” องค์จักรพรรดิเชนเทียหัวเราะเสียงดังในขณะที่เอ่ยตอบ
“แน่นอน.. ในขณะที่พวกท่านทั้งสองใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ที่นี่ แต่ข้ากับต้องคอยจับตาดูแลความเป็นไปในเผ่าของเรา! เอาล่ะ.. เรื่องนั้นหาได้สำคัญอันใดไม่ ข้ามาถึงที่นี่เพื่อที่จะบอกกับท่านว่า เวลานี้มนุษย์ได้ปรากฏตัวขึ้นบนโลกของเราอีกคราแล้ว และเวลานี้เขาก็อาศัยอยู่กับเผ่าแบนชี พวกเราจำเป็นต้องปลุกทารัสให้ตื่นจากการหลับไหลเสียที!”
องค์จักรพรรดิบาลังเอ่ยตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเคร่งเครียด..
“งั้นรึ? ข้าเห็นด้วยกับเจ้า! เอาล่ะ.. พวกเราเข้าไปปลุกทารัสกันดีกว่า เขานอนหลับไหลมานานมากแล้ว!” องค์จักรพรรดิเชนเทียเอ่ยสนับสนุนพร้อมกับก้าวเดินออกจากถ้ำของตนเอง
หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ทั้งคู่ก็เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าศิลาขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง ศิลาก้อนนี้กว้างถึงเจ็ดเมตร และสูงมากกว่าสิบเมตร
องค์จักรพรรดิเชนเทียผลักศิลาใหญ่ก้อนนั้นออกไปด้วยมือเพียงข้างเดียว จึงเผยให้เห็นทางเข้าอุโมงค์ลึกแห่งหนึ่ง ทั้งคู่เดินตรงเข้าไปในอุโมงค์นั้นทันที หลังจากเดินผ่านทางแยกมากมายภายในอุโมงค์ ในที่สุดทั้งสองคนก็เดินไปถึงบริเวณพื้นที่โล่งกว้างขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งมีความกว้างกว่าหนึ่งกิโลเมตร และสูงกว่ายี่สิบเมตร ภายในพื้นที่โล่งกว้างใหญ่นั้น มีร่างของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กำลังนอนหลับไหลอยู่
สิ่งมีชีวิตที่ว่านี้มีลักษณะคล้ายกับกิ้งก่าขนาดมหึมา และดูน่ากลัวราวกับว่ามันโผล่ออกมาจากส่วนลึกของขุมนรก ร่างใหญ่ยักษ์ของมันนั้นสูงกว่าสี่เมตร และยาวถึงเก้าเมตร หากดูผิวเผินจะคล้ายกับไดโนเสาร์ไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ แต่ตัวใหญ่กว่าและมีกล้ามเนื้อมากกว่า ส่วนหัวแตกต่างจากทีเร็กซ์ และแขนด้านหน้าก็ใหญ่กว่า ดูคล้ายกับมีการพัฒนารูปร่างที่มากขึ้น ส่วนผิวของมันเป็นสีแดง
ผิวหนังและหางของอสูรกายตนนี้คล้ายเปลือกไม้หนามันวาว และเป็นเกราะป้องกันร่างกายชั้นเยี่ยม ใต้คางมีสิ่งที่คล้ายกับหนามแหลมงอกออกมา ที่ศรีษะด้านบนมีเขาสีดำงอกออกมาทั้งสองข้าง และนี่คือองค์จักรพรรดิทารัส
“สหาย.. ท่านตื่นจากการหลับไหลได้แล้ว!”
องค์จักรพรรดิเชนเทียร้องตะโกนสุดเสียง เพื่อที่จะปลุกสิ่งมีชีวิตซึ่งกำลังนอนหลับไหลอยู่ตรงหน้า แต่กลับทว่ามิได้ผล สิ่งมีชีวิตนี้ยังคงนอนนิ่งเฉยมิไหวติง เขาพยายามร้องตะโกนปลุกต่อไป แต่ดูเหมือนเสียงร้องตะโกนจะมิได้ส่งผลอันใด..
ในที่สุด จักรพรรดิเชนเทียก็หมดความอดทน เขายกหินใหญ่ข้างตัวขึ้นมาก้อนหนึ่ง และทุ่มใส่ร่างของจักรพรรดิทารัสทันที แต่กลับกลายเป็นว่าหินก้อนนั้นแตกออกเป็นสองเสี่ยงในทันทีที่กระทบกับเกราะที่แข็งแกร่ง และจักรพรรดิทารัสก็ยังคงนอนหลับไหลมิไหวติงเช่นเดิม
“ข้าอยากจะรู้นักว่าท่านจักยังคงนอนหลับไหลต่อไปได้อีกหรือไม่?” จักรพรรดิเชนเทียเงื้อค้อนใหญ่ในมือของตนขึ้นหมายฟาดลงไปที่ร่างของจักรพรรดิทารัส
“นี่.. ท่านต้องควบคุมพละกำลังของตนเองให้ดี หากให้เกิดบาดแผลบนร่างของทารัสแม้แต่น้อย ข้าว่าเขาคงมิพอใจแน่เมื่อตื่นขึ้นมา..” จักรพรรดิบาลังรีบเอ่ยเตือนทันที
“เรื่องนั้นท่านมิต้องเป็นกังวล ผิวหนังของเขาเสมือนเกราะที่แข็งแกร่ง หากข้ามิได้ใช้พละกำลังทั้งหมดของตนเอง เขาย่อมไม่มีทางได้รับบาดเจ็บเป็นแน่ ข้าจักใช้กำลังเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น..”
จักรพรรดิเชนเทียนตอบกลับ พร้อมกับเงื้อค้อนใหญ่ในมือทุบลงที่ร่างใหญ่ยักษ์ตรงหน้าของตนทันที!
เสียงร้องคำรามของจักรพรรดิทารัสดังกระหึ่มไปทั่วทั้งบริเวณ จากนั้นเปลือกตาของเขาทั้งสองข้างจึงค่อยๆเปิดขึ้น