เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 84
ตอนที่ 84 สงครามเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“สวรรค์!! ช่างเป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่มหึมานัก! แม้จะผ่านกับดักมามากมาย แต่กลับยังหลงเหลือนักรบอยู่มากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ? กองทัพของพวกมันยิ่งใหญ่กว่ากองทัพของจักรวรรดิเรานับสิบเท่า!” หนึ่งในนักรบของเผ่าแบนชีเอ่ยขึ้นทันทีที่ได้เห็นกองทัพอสูรกายปรากฏตัว
“นั่นใช่จอมราชันย์กิ้งก่หรือไม่? หรือจักเป็นจักรพรรดิของเผ่าอสูรกายกันแน่? รัศมีของมันดูช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!!” นักรบอีกคนของเผ่าแบนชีสังเกตเห็นจักรพรรดิทารัส จึงได้หันไปซุบซิบกันในหมู่นักรบ..
องค์ราชินีเองก็กำลังจับจ้องอยู่ที่กองทัพอสูรกายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด..
“พวกเจ้าบุกตะลุยเข้าไปได้เลย! ข้ากับท่านทารัสจักยังมิลงมือตราบใดที่มนุษย์ยังมิเข้ามาขัดขวาง! เป็นหน้าที่ของพวกเจ้าที่จักต้องนำทัพเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนเอง!” จักรพรรดิเชนเทียเหลือบมองจอมราชันย์ทั้งสิบพร้อมกับออกคำสั่ง
“อย่าทำให้พวกเราผิดหวังล่ะ!” จักรพรรดิทารัสกล่าวกับจอมราชันย์จอมราชันย์ทั้งหมด
“พวกเราจักมิทำให้องค์จักรพรรดิต้องทรงผิดหวังแน่!!”
เหล่าจอมราชันย์ทั้งหมดประกาศก้องเป็นเสียงเดียวกัน จากนั้นจึงหันไปสั่งกองทัพอสูรกายให้รุกคืบหน้าทันที กองทัพอสูรกายเดินรุกคืบหน้าตามคำสั่งเข้าไปยังเผ่าแบนชี ในขณะที่กองกำลังของเผ่าแบนชีเองก็ยังคงยืนตระหง่านมิถอยหนีเช่นกัน
เมื่อกองทัพอสูรกายรุกคืบหน้ามาได้ครึ่งทาง ลูกธนูนับร้อยๆดอกก็พุ่งตรงเข้าใส่กองทัพอสูรกายอย่างแม่นยำ ในที่สุดเหล่าอสูรกายก็ได้สังเกตเห็นว่า มีนักรบอีกหลายพันคนที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบข้างทางพร้อมด้วยธนูในมือ ลูกธนูยังคงพุ่งเข้าใส่กองทัพอสูรกายอย่างต่อเนื่อง และสามารถสังหารพวกมันตายไปได้มากมายหลายตนเลยทีเดียว
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง!!”
จอมราชันย์หมีร้องตะโกนบอกด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเมื่อเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ร่างของมันพุ่งไปยังเหล่าพลธนูของเผ่าแบนชีอย่างรวดเร็ว ลูกธนูมากมายยังคงพุ่งเข้าใส่ร่างของจอมราชันย์หมี แต่มันก็สามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกันก็พุ่งเข้าหากลุ่มพลธนูเพื่อหมายสังหาร แต่แล้วจู่ๆ ลูกธนูดอกหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ร่างของจอมราชันย์หมีด้วยความเร็วที่สูงกว่าลูกธนูปกติถึงห้าเท่า แม้มันจักพยายามหลบหลีกอย่างรวดเร็ว แต่ในที่สุดก็ถูกลูกธนูแทงเข้าจนมีโลหิตไหลออกจากแขนซ้ายของมัน
จอมราชันย์หมีหันมองไปยังทิศทางของลูกธนูดอกนั้น และพบว่าเป็นชายชราผมสีน้ำตาลยืนอยู่พร้อมคันธนูสีเหลืองในมือ ชายผู้นี้สูงราวหกฟุตและมีผิวสีฟ้า ใบหูทั้งสองข้างบนใบหน้านั้น บ่งบอกชัดเจนว่าเขาคือชนเผ่าบารองนั่นเอง!
เผ่าบารองเป็นเผ่าแห่งลม และรู้กันดีว่าเป็นเผ่าที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาเผ่าต่างๆ แต่นั่นก็หาได้หมายความว่า ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าของเขาจักต้องอ่อนแอด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าบารองย่อมต้องเป็นหัวหน้าเผ่านามว่าบาล่า เขาได้ชื่อว่าเป็นนักธนูที่เก่งที่สุดในดินแดนทั้งหมด และสามารถใช้กฏแห่งลมร่วมกับลูกธนูได้เป็นอย่างดี แต่ในด้านทักษะการต่อสู้อื่น บาล่านับว่าอ่อนด้อยกว่าหัวหน้าเผ่าอื่นๆ ที่แข็งแกร่งเพียงไม่กี่คน ซึ่งก็คือราชินีเมี่ยแห่งเผ่าแบนชี เท็นช่าหัวหน้าเผ่าเอลเฟีย และมาซูมัสหัวหน้าเผ่ามู่หลาน และเผ่ามู่หลานก็คือเผ่าที่รุกรานเผ่าบารองในครั้งนั้น จนพวกเขาต้องยอมยกลูกแก้วให้กับเผ่าแบนชีเพื่อแลกกับการคุ้มครอง
“เจ้าคนผิวสีฟ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวรึ! หากข้าคาดเดามิผิด เจ้าคงจักเป็นบาล่าหัวหน้าเผ่าบารองสินะ? ข้าคือจอมราชันย์แห่งเผ่าอสูรกาย เจ้าควรจักต้องยินดีที่ได้ตายด้วยมือของข้า พวกเรามาสู้กันด้วยกฏดีกว่า..”
จอมราชันย์หมียิ้มกว้างขณะที่กล่าวออกไป ลูกไฟปรากฏขึ้นในมือของเขาก่อนจะขว้างเข้าใส่ร่างของบาล่าหัวหน้าเผ่าบารอง
ลูกไฟสว่างโชติช่วงพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของบาล่าด้วยความรวดเร็ว ในขณะที่บาล่าเองก็สร้างพายุหมุนขึ้นรอบกาย เพื่อใช้เป็นเกราะป้องกันดูดเอาลูกไฟนั้นเข้าไปด้านใน แต่ถึงกระนั้นความร้อนจากลูกไฟที่อยู่ภายในพายุหมุนก็ทำให้บาล่าถึงกับเหงื่อออก เขาจึงเพิ่มขนาดของพายุหมุนให้ใหญ่ขึ้นพอที่จะแยกพายุหมุนออกเป็นสี่ลูกเล็กๆได้ แล้วทั้งหมดก็หมุนวนอยู่เช่นนั้น ส่วนตัวเขาเองก็ถอยหลังออกมาได้อย่างปลอดภัย
“เจ้าทำได้คนเดียวงั้นรึ? ข้าก็ทำได้เช่นกัน..”
จอมราชันย์หมีเอ่ยออกไป แล้วพายุเพลิงขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของมัน และกำลังพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของบาล่า แต่ยังมิทันไรพายุเพลิงลูกที่สองก็ปรากฏขึ้น ตามมาด้วยลูกที่สาม และลูกที่สี่ แล้วพายุเพลิงทั้งหมดต่างก็พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของบาล่าพร้อมๆกัน
ในขณะที่จอมราชันย์หมีกำลังต่อสู้กับหัวหน้าเผ่าบารองอยู่นั้น เหล่าอสูรกายก็ยังคงตายอย่างต่อเนื่องภายใต้ลูกธนูของนักรบเผ่าบารองที่มาช่วยเผ่าแบนชี และได้ซุ่มอยู่ข้างทางตามแผนการที่วางไว้
ในขณะที่นักรบอสูรกายที่เหลือก็บุกเข้าไปในเผ่าแบนชี ปล่อยให้จอมราชันย์หมีรับมือกับนักรบของเผ่าบารอง แต่แล้วเหตุการณ์เช่นเดิมก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แทนที่จะเป็นลูกธนูจำนวนมากมาย กลับเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า ทับร่างของเหล่าอสูรกายจนสิ้นใจไปนับร้อยๆในเวลาอันรวดเร็ว
“ดูเหมือนจะถึงคราวของข้าบ้างแล้ว!! หากข้าเดามิผิด.. นี่ต้องเป็นมาซูมัสหัวหน้าเผ่ามู่หลานเป็นแน่!”
จอมราชันย์กระทิงเอ่ยขึ้น พร้อมกับจ้องมองไปยังทิศทางที่หินขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงมา และได้พบเห็นกองทัพขนาดใหญ่ยืนตระหง่านพร้อมอาวุธที่กำลังจู่โจมใส่พวกมัน และผู้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็คือมาซูมัสหัวหน้าเผ่ามู่หลานนั่นเอง
มาซูมัสร่างเตี้ยมีความสูงเพียงแค่สี่ฟุตเท่านั้น แต่ใบหน้ากลับมิได้อ่อนเยาว์ดังเช่นชนเผ่าแบนชี ตรงข้าม.. เขาดูราวกับชายชราที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย นอกเหนือจากใบหน้าแล้วทั่วทั้งร่างกายของมาซูมัสก็คล้ายปกคลุมไปด้วยเปลือกหอยสีน้ำตาล แม้กล้ามเนื้อของเขาจักดูแข็งแกร่งยิ่ง แต่เพราะความสูงเพียงแค่นั้นจึงทำให้รูปร่างของเขาดูผิดรูป มาซูมัสมีแขนทั้งหมดสี่ข้าง ซ้ายสองและขวาสอง..
“มาซูมัส.. เจ้าคือผู้ที่ข้าต้องการจะสู้รบด้วยมากที่สุด ได้ยินมาว่าเจ้าเองแข็งแกร่งยิ่งนักไม่ว่าจักเป็นร่างกาย หรือการป้องกัน ข้าเองก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าจักสามารถเอาชีวิตรอดกลับไปได้หรือไม่ ฮ่าๆๆ” จอมราชันย์กระทิงร้องตะโกนก้องพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
“นี่เจ้ารู้จักข้าด้วยงั้นรึ? แต่ต้องขอภัยที่ข้ามิรู้จักเจ้า!! เจ้าคงจักมิใช่ผู้ที่มีความสำคัญใดๆสินะ” มาซูมัสเอ่ยยิ้มๆ
“เจ้าช่างรนหาที่ตายนัก!!”
จอมราชันย์กระทิงร้องตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล และกำหมัดพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของมาซูมัสทันที มาซูมัสเองก็กำหมัดตอบโตเช่นกัน ทั้งคู่ต่อสู้กันโดยมิใช้กฎหรือวรยุทธต่อสู้ใดๆทั้งสิ้น เป็นการปะทะกันด้วยความแข็งแกร่งของกายล้วนๆ จอมราชันย์กระทิงได้รับผลกระทบเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ร่างของมาซูมัสกลับกระเด็นถอยหลังออกไปถึงสามก้าว
“เป็นอย่างที่ข้าคาดคิดไว้จริงๆ ร่างกายของเหล่าอสูรกายล้วนทรงพลังยิ่ง แต่น่าเสียดายที่มีดีเพียงแค่นั้น!”
มาซูมัสกล่าวออกไปพร้อมกับใช้กำปั้นกระแทกเข้ากับผืนปฐพี แล้วหินมากมายก็พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของจอมราชันย์กระทิงในทันที
จอมราชันย์ใช้หมัดของตนกระแทกเข้ากับหินเหล่านั้นจนแตกกระจายออก แต่กลับไม่จบลงเพียงเท่านั้น เพราะจู่ๆกำแพงหินก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าและด้านหลังของจอมราชันย์กระทิง แต่กลับมิสามารถทำอะไรมันได้ เพราะจอมราชันย์กระทิงสามารถทำลายกำแพงหินลงได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้มากนัก!” มาซูมัสเอ่ยออกมา
“ข้าเป็นเช่นนั้น ครานี้มาดูกันว่าเจ้าจักแข็งแกร่งเช่นข้าหรือไม่?”
จอมราชันย์กระทิงร้องตะโกนตอบกลับไปด้วยความโมโห แล้วกำแพงเพลิงสี่ด้านก็ปรากฏขึ้นรายล้อมร่างของมาซูมัสไว้ จอมราชันย์กระทิงแสยะยิ้ม และกำลังตอบโต้มาซูมัสด้วยวิธีเดียวกัน เวลานี้เขากำลังจักสังหารมาซูมัสด้วยกำแพงเพลิง