เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - ตอนที่ 1046
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1046 ต่อสู้และหลบหนี (1)
แปลโดย iPAT
กลิ่นอายของฟางหยวนอยู่ในระดับหก ก่อนที่เขาจะต่อสู้ เขาดูไม่มีสิ่งใดพิเศษ
ยิ่งไปกว่านั้นการล่าถอยซ้ำแล้วซ้ำอีกยังทำให้ผู้อมตะของทะเลตะวันออกดูแคลนเขา
แต่เมื่อเขาลงมือ มันกลับทำใหทุกคนตกตะลึง
กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกต้องประเมินฟางหยวนใหม่อีกครั้ง
พวกเขาเห็นฟางหยวนสวมชุดคลุมสีขาว หน้าตาหล่อเหลา บุคลิกค่อนข้างสุภาพ แต่เมื่อเขาโกรธ เจตนาสังหารของเขากลับกดดันทุกคนราวกับพายุหิมะ
กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกนิ่งเงียบก่อนจะหันกลับไปที่ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด
ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดต้องการหลบหนีแต่อาการบาดเจ็บทำให้ความเร็วของเขาลดลง สุดท้ายเขาจึงถูกสังหารโดยกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออก
หลังจากกำจัดปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด ผู้นำกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออก ผู้อมตะระดับเจ็ด หลิวชิงหยูจึงเปิดปากกล่าวอย่างจริงจัง “แผนที่ไม่ได้อยู่กับเขา”
ผู้อมตะระดับเจ็ดอีกคนตะโกนไปทางฟางหยวน “โปรดรอสักครู่!”
กลิ่นอายของวิญญาณอมตะระดับเจ็ดสองดวงทำให้การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะเปลี่ยนเป็นสุภาพกว่าก่อนหน้า
พวกเขามองหน้ากันก่อนจะบินเข้าไปหาฟางหยวน
ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศด้วยการแสดงออกที่ไม่แยแส
“สหาย…” ผู้อมตะระดับเจ็ดหยุดชะงักอย่างกะทันหันและไม่สามารถกล่าวต่อ
แผนที่ของมรดกลับสำคัญมากแต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว
แน่นอนว่าผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งคือฟางหยวน
แต่ไม่มีทางที่ฟางหยวนจะปล่อยให้พวกเขาค้นร่างกาย การตรวจสอบมิติช่องว่างของผู้อื่นเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับผู้อมตะ
หากฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหกทั่วไป พวกเขาอาจใช้จำนวนคนที่มากกว่ากดดัน
แต่ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดสองดวงและนี่ยังเป็นเพียงสิ่งที่เขาแสดงให้เห็นเท่านั้น
“โจวหลี่ เจ้าจะกลัวสิ่งใด” ผู้อมตะระดับเจ็ดอีกคนก้าวออกมาข้างหน้า
เขากล่าวด้วยการแสดงออกที่เย็นชา “ข้าคือถังซ่ง ผู้อมตะจากตระกูลถังของทะเลตะวันออก นี่เป็นเรื่องยากที่จะแก้ปัญหา แต่ข้ามีวิธี ตราบเท่าที่เจ้าปฏิบัติตาม เจ้าจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง “พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้างั้นหรือ? เหตุใดข้าต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง?”
ขณะที่เขาหัวเราะ เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขาก็ปะทุขึ้น
“ดูเหมือนพวกเจ้าจะคิดว่าข้ากลัวการต่อสู้” ฟางหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา นี่ทำให้การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกเปลี่ยนไป
ฟางหยวนหรี่ตามอง “น่าขัน พวกเจ้ากำลังถูกหลอกแต่กลับเพิกเฉย หลิวชิงหยู เจ้าสังหารปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด เจ้าได้รับแผ่นที่ไปแล้วแต่กลับวางอุบายใส่ความข้า”
“นี่…’ กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกรู้สึกพูดไม่ออกอีกครั้ง
หลายคนหันหน้าไปทางผู้อมตะระดับเจ็ดหลิวชิงหยู
หลิวชิงหยูมองฟางหยวนด้วยความโกรธ เขาคิด ‘ฮืม คนผู้นี้มีลิ้นสองแฉก เขาเป็นผู้อมตะระดับหกแต่กลับมีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดสองดวง เขาคือผู้ใด? ทะเลตะวันออกมีคนเช่นนี้ด้วยงั้นหรือ?’
ในเวลาเดียวกัน เขากล่าว “ทุกท่าน อย่าลืมข้อตกลงของเรา ข้าเป็นคนเช่นไร? เหตุใดข้าต้องหลอกพวกท่าน”
ฟางหยวนหัวเราะเบาๆ “ข้อตกลงอันใด? ไม่ว่าข้อตกลงจะเป็นอย่างไรก็สามารถทำลายได้ด้วยวิธีการบนเส้นทางแห่งข้อมูล ส่วนเจ้าเป็นคนเช่นไร? ข้ารู้เพียงว่าเมื่อเผชิญหน้ากับผลประโยชน์มหาศาล ผู้คนก็จะเปลี่ยนไปและไม่สามารถเชื่อถือได้”
คำกล่าวของฟางหยวนมีเหตุผล นี่ทำให้กลุ่มผู้อมตะรู้สึกลังเลมากขึ้น
หลิวชิงหยูชี้นิ้วไปที่ฟางหยวนด้วยความโกรธ “ข้าเห็นเขาโยนแผนที่ให้เจ้า!”
“ทุกคนก็เห็นว่าข้าทำลายมันไปแล้ว” ฟางหยวนตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หลิวชิงหยูหัวเราะ “มีหลายวิธีบนโลกใบนี้ที่สามารถสร้างภาพลวงตา ผู้ใดจะรู้ว่าเจ้าลอบเก็บแผนที่เอาไว้หรือไม่?”
ฟางหยวนเงยหน้าขึ้นและถอนหายใจก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงดุร้าย “ข้าได้รับภารกิจจากผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของข้า ข้าไม่ต้องการสร้างปัญหา แต่หากเป็นเช่นนี้ก็มาสู้กันเถอะ!”
เมื่อได้ยินคำว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง รูม่านตาของกลุ่มผู้อมตะก็หดเล็กลงทันที พวกเขาคิด ‘ดังนั้นคนผู้นี้ก็ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะสันโดษแต่มีกองกำลังอยู่เบื้องหลัง ไม่แปลกใจเลยที่เขามีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดสองดวง!’
ทันใดนั้นการแสดงออกของพวกเขาก็เริ่มอบอุ่นขึ้น
หากเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ไม่มีกองกำลังหนุนหลัง พวกเขาจะไม่พยายามรุนรานผู้คนจากกองกำลังใหญ่
เป็นเพียงเวลานี้ที่ถังซ่งเปิดปากกล่าว “ข้าขอรับรองด้วยชื่อเสียงของตระกูลถัง ตราบเท่าที่เจ้าให้ความร่วมมือกับการสืบสวนของเรา เมื่อเราพบว่าแผนที่ไม่ได้อยู่กับเจ้า เราจะปล่อยเจ้าไป”
ตระกูลถังเป็นกองกำลังใหญ่ของทะเลตะวันออกเทียบเท่ากับนิกายโบราณทั้งสิบของภาคกลาง
“ตระกูลถัง?” ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นขณะที่ดาบสีเงินบินไปรอบๆตัวเขา “เจ้าคิดว่าข้ากลัวตระกูลถังของเจ้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่า ในกรณีนี้เรามาดูกันว่าคนตระกูลถังจะทำสิ่งใดได้บ้าง!”
ก่อนที่ฟางหยวนจะกล่าวจบประโยค ดาบบินก็พุ่งเข้าโจมตีผู้อมตะถังซ่งเรียบร้อยแล้ว
“เจ้า!” ถังซ่งไม่ได้คาดหวังว่าฟางหยวนจะโจมตีอย่างกะทันหัน ดังนั้นเขาจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ผู้อมตะคนอื่นๆตัดสินใจมองดูอยู่ด้านข้าง
‘คนผู้นี้ไม่กลัวตระกูลถัง เขาต้องมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่’
‘ตระกูลถังเป็นเจ้าเหนือหัวของทะเลตะวันออก แต่พวกเขายังมีศัตรูเช่นตระกดูลเฉินและตระกูลซู คนผู้นี้มาจากหนึ่งในสองตระกูลหรือไม่?’
‘ตั้งแต่เขากล้าโจมตีถังซ่ง นี่ถือเป็นเรื่องดี พวกเราสามารถอยู่นอกสนามรบและดูการเคลื่อนไหวของพวกเขา หากต้องต่อสู้กับพวกเขาในอนาคต พวกเราจะสามารถเตรียมตัว’
ผู้อมตะเหล่านี้ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเขาร่วมมือกันเพื่อจับกุมปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดเท่านั้น
คำพูดและการกระทำของฟางหยวนทำให้กลุ่มผู้อมตะรู้สึกสงสัย
พวกเขายังไม่กล้าเลือกฝ่าย
สำหรับฟางหยวน เขาเลือกคู่ต่อสู้เพราะมีเหตุผล
หากเขาเลือกผู้อมตะระดับหก คนอื่นๆจะคิดว่าเขาใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ดสองดวงกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม มีเพียงการเลือกต่อสู้กับผู้อมตะระดับเจ็ดเท่านั้นจึงจะทำให้คนอื่นๆไม่เข้ามาก้าวก่าย
ส่วนเหตุผลที่เขาเลือกถังซ่ง มันเป็นเพราะฟางหยวนต้องการแสดงให้คนอื่นๆเห็นความยิ่งใหญ่ของกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังเขา
ผู้บ่มเพาะสันโดษจะไม่รุกรานกองกำลังระดับสูง แต่เนื่องจากกองกำลังระดับสูงมีทรัพยากรที่ต้องดูแลมากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระวังผู้บ่มเพาะสันโดษ
ด้วยเหตุนี้ถังซ่งจึงรู้สึกกังวล ท้ายที่สุดเขาก็เป็นตัวแทนของตระกูลถังทั้งหมดไม่ใช่เพียงตัวเขาเพียงผู้เดียว
ทั้งสองต่อสู้กันอย่างยาวนาน
หลังจากผ่านไปสิบกว่ารอบ ถังซ่งก็ยังเป็นฝ่ายเสียเปรียย
วิญญาณดาบบินทรงพลังมากขณะที่ถังซ่งเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเสียง ด้วยวิธีป้องกันที่ไม่เพียงพอ เขาไม่สามารถปิดกั้นวิญญาณดาบบินและทำได้เพียงหลบเลี่ยงเท่านั้น
เขาทั้งโกรธและตกใจ
ผู้อมตะระดับเจ็ดที่ยิ่งใหญ่กลับถูกบังคับให้อยู๋ในสถานการณ์นี้โดยผู้อมตะระดับหก นี่ถือเป็นความอัปยศอย่างแท้จริง
ถังซ่งคิด ‘เพื่อกอบกู้ใบหน้า ข้าต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อจับกุมผู้อมตะระดับหกที่ยังมีชีวิต มีเพียงวิธีนี้จึงจะสามารถลบล้างความอัปยศ! พวกเขาจะคิดว่าทั้งหมดเป็นกลยุทธ์ของข้า’
แต่ท่าไม้ตายอมตะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกระตุ้นใช้งาน
ถังซ่งต้องรับมือการโจมตีของฟางหยวนขณะเดียวกันก็ต้องเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของตนเพื่อควบคุมวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน
‘วิญญาณอมตะดาบบินอาจไร้ประโยชน์ต่ออสูรโคลนเดียวดายและสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล แต่มันมีประโยชน์มากในการต่อสู้กับผู้อมตะ หากพวกเขาถูกแทงทะลศีรษะหรือหัวใจ พวกเขาจะตาย ในอดีตโป้ชิงถูกยกย่องว่าเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด ส่วนหนึ่งก็มาจากพลังอำนาจของวิญญาณอมตะดาบบิน’
ฟางหยวนลอบถอนหายใจ
แม้เขาจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เขายังไม่ประมาท
ถังซ่งเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขามีพื้นฐานที่ลึกกว่าฟางหยวน แต่เนื่องจากฟางหยวนเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ถังซ่งจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
แต่ยิ่งนานเท่าใด โอกาสในการหลบหนีของฟางหยวนก็ยิ่งน้อยลง
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเขาไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบทมิฬ
นี่เป็นเพราะเขาต้องกดดันถังซ่งอย่างต่อเนื่อง มิฉะนั้นถังซ่งอาจมีเวลาเตรียมตัวปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังออกมา
เมื่อเวลาผ่านไปฟางหยวนค่อยๆกระตุ้นใช้งานวิญญาณดวงอื่นและพร้อมปล่อยท่าไม้ตายอมตะดาบทมิฬ
แต่ในเวลานี้เขากลับสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง เขามองไปข้างหลัง
ฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาแล้ว!
เมื่อเห็นสัตว์อสูรฝูงนี้ ฟางหยวนไม่กังวลแต่กลับมีความสุข
โอกาสที่เขารอคอยมาถึงแล้ว!
“เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดพวกมันมีกลิ่นอายที่ทรงพลังนัก?”
“พวกมันคือสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล!”
“นี่คือสัตว์อสูรโบราณ เหตุใดจึงมีมากมายนัก?”
กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกงุงงนและตกใจ
เห็นฟางหยวนชะลอการเคลื่อนไหว ถังซ่งมีความสุขมาก เขาเร่งกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะและสามารถเตรียมตัวได้หนึ่งในสามส่วน
‘เร็วกว่านี้! ข้าต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะจับกุมเขา!’ ถังซ่งกัดฟันแน่น
ฟางหยวนตะโกน “ฮืม ข้าล่อสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้มาจากสวรรค์สีขาวตามคำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งเพื่อให้พวกเขาดักจับพวกมัน แต่พวกเจ้ากลับขัดขวางภารกิจของข้า พวกเราจะจัดการพวกเจ้าทีละคนหลังจากนี้ หากพวกเจ้าต้องการตายก็ตามข้ามา!”
ฟางหยวนทิ้งถังซ่งและบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
กลุ่มผู้อมตะทั้งตกใจและโล่งใจ
อาการบาดเจ็บของฟางหยวนเกิดจากฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล นี่เป็นเรื่องจริงและเป็นหลักฐานที่สนับสนุนคำกล่าวของเขาได้เป็นอย่างดี
ท้ายที่สุดแล้วสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลก็เป็นสัตว์อสูรหายาก มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกมันจะมาจากสวรรค์สีขาว