เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - ตอนที่ 1078
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1078 ธุรกรรมกับนิกายเงา (3)
แปลโดย iPAT
ไม่เคยมีวิธีขนส่งผู้อมตะข้ามภูมิภาคที่ดีมาก่อน
เพราะมันแทบจะไม่จำเป็นสำหรับพวกเขา
เมื่อผู้ใช้วิญญาณก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ พวกเขาจะกลายเป็นผู้อมตะของภูมิภาคนั้นๆเนื่องจากการดูดซับปราณสวรรค์พิภพในพื้นที่ ตัวอย่างเช่นผู้อมตะภาคเหนือหรือผู้อมตะภาคกลาง
ผู้อมตะจะยึดติดกับภูมิภาคของตน ผู้อมตะภูมิภาคอื่นจะถูกขับไล่เช่นเดียวกับไห่ลั่วหลันและไท่เป่ยหยุนเฉิงที่ถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะภาคใต้ ณ จุดนี้มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทะเลตะวันออกค่อนข้างเปิดกว้างมากกว่า
ในความเป็นจริงเรื่องภูมิภาคไม่ใช่จุดสำคัญแต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือผู้อมตะต้องวางมิติช่องว่างของพวกเขาลงและดูดซับปราณสวรรค์พิภพเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับมัน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เฉพาะเจาะจงมาก กล่าวคือผู้อมตะภาคเหนือก็ต้องดูดซับปราณสวรรค์พิภพของภาคเหนือ หากพวกเขาวางมิติช่องว่างลงในอาณาเขตของภาคกลางและดูดซับปราณสวรรค์พิภพของที่นั่น พวกเขาจะพบปัญหาใหญ่
ประเด็นต่อมาคือภัยพิบัติสวรรค์พิภพ ผู้อมตะต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเป็นครั้งคราว แล้วผู้ใดจะมีเวลาวิ่งไปรอบๆ? อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ต้องมีเหตุผลสำคัญหรือเงื่อนงำเกี่ยวกับมรดกที่ยิ่งใหญ่ อีกกรณีคือภารกิจเช่นเดียวกับฟงจิวเก้อ
โดยปกติแทบไม่มีผู้อมตะคนใดพยายามที่จะเดินทางไปต่างภูมิภาค
หากพวกเขาต้องการวิญญาณหรือทรัพยากรอมตะ พวกเขาจะค้นหาพวกมันในสวรรค์สีเหลือง
ในประวัติศาสตรมันหาได้ยากมากที่ผู้คนจะสร้างค่ายกลวิญญาณเพื่อขนส่งผู้อมตะข้ามภูมิภาค กระทั่งสุดยอกค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ของกองกำลังพันธมิตรผีดิบยังสามารถขนส่งเพียงทรัพยากรอมตะเท่านั้น
ผู้ใดจะทุ่มเทเวลาและความพยายามเพื่อสิ่งที่แทบไม่ได้ใช้ประโยชน์?
ผู้อมตะมีแรงกดดันอย่างมากเกี่ยวกับความอยู่รอด แม้พวกเขาจะถูกเรียกว่าผู้อมตะ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถคงอยู่ตลอดกาล จัดการมิติช่องว่าง ยกระดับวิญญาณอมตะ และรับมือภัยพิบัติ เพียงสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ชีวิตพวกเขายุ่งมากพอแล้ว
ดังนั้นตลอดระยะเวลาอันยาวนานวิธีการขนส่งผู้อมตะข้ามภูมิภาคจึงไม่เคยถูกพัฒนาขึ้น กระทั่งสิบนิกายโบราณก็ยังต้องให้ผู้อมตะของพวกเขาเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคโดยตรงเพื่อไปยังภาคเหนือ
ในห้องโถง ฟางหยวนหัวเราะ
หลังจากไตร่ตรอง เขาเข้าใจธุรกรรมครั้งนี้อย่างชัดเจน
“ฟางหยวน เจ้าหัวเราะเพราะเหตุใด?” ผมที่หกรู้สึกสังหรณ์ร้าย
“เพราะข้ามีความสุข กระทั่งสุดยอดค่ายกลวิญญาณก็ยังสามารถขนส่งเพียงทรัพยากรอมตะ แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว ลืมเกี่ยวกับข้อมูลไปซะ เงื่อนไขแรกของข้าคือร่างเดิมของข้า ส่งมันมาให้ข้าเป็นอันดับแรก” ฟางหยวนกล่าว
การแสดงออกของผมที่หกเปลี่ยนไป
เขารู้เกี่ยวกับวิญญาณสติปัญญา
หากฟางหยวนได้รับร่างเดิม เขาจะสามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้อีกครั้ง
แล้วสิ่งใดจะเกิดขึ้น?
เขาจะกลายเป็นเสือติดปีกและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!
ในอดีตฟางหยวนมีจุดอ่อน เขาไม่เคยให้อาหารวิญญาณสติปัญญา แต่ตอนนี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถให้อาหารมัน
ฟางหยวนรู้เรื่องเจตจำนงสวรรค์เรียบร้อยแล้ว หากเขาได้รับความช่วยเหลือจากวิญญาณสติปัญญา แล้วผู้ใดจะหยุดเขาได้อีก? เขาจะกลายเป็นมังกรวารีที่ทะยานขึ้นจากมหาสมุทร และต้องไม่ลืมว่าเขายังมีมิติช่องว่างจักรพรรดิ
‘โอ้ ไม่’ ผมที่หกกรีดร้องอยู่ภายใน เมื่อคิดถึงองค์ประกอบทั้งหมด เขารู้สึกตกใจมาก หากรวมพวกมันเข้าด้วยกัน ความแข็งแกร่งของฟางหยวนจะไม่สามารถจินตนาการถึง!
ผมที่หกส่ายศีรษะ “หากไม่มีร่างกาย ท่านอิงอู๋เซี่ยจะหลบหนีจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร?”
“ข้ามี” ฟางหยวนหัวเราะ “ข้ามีร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งมากมาย! พวกเราสามารถแลกเปลี่ยนกันหนึ่งต่อหนึ่ง พวกเจ้าจะไม่พบกับความสูญเสียอย่างแน่นอน ร่างผีดิบอมตะเหล่านี้มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากกว่าร่างเดิมของข้า พวกเจ้ากระทั่งจะได้รับผลกำไร”
‘กำไรกับตูดเจ้าสิ!’ ผมที่หกสบถอยู่ในใจ การแสดงออกของเขากลายเป็นน่าเกลียด เขาหัวเราะเย้ยหยัน “อย่าให้มันมากเกินไป คิดว่าข้าไม่รู้เจตนาของเจ้างั้นหรือ?”
“โอ้ เช่นนั้นเจ้าก็รู้เกี่ยวกับวิญญาณสติปัญญา” ฟางหวนลูบคางของเขา
“วิญญาณอมตะและข้อมูลสามารถซื้อขายแต่ร่างกาย…ไม่มีทาง!” ผมที่หกเร่งปฏิเสธ
อารมณ์ของฟางหยวนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “เช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งใดต้องกล่าวอีก! ลาก่อน!”
ฟางหยวนยืนขึ้นและโบกมือไล่ผมที่หก
“…..” ผมที่หกตะลึง
ร่างกายของเขาแข็งค้างและไม่สามารถขยับเขยื้อน
เห็นเช่นนี้ฟางหยวนลอบเย้ยหยันอยู่ภายในก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและเตรียมตัวจากไป
ผมที่หกตื่นขึ้นจากภวังค์ “ฟางหยวน เดี๋ยว!”
“เจ้าตกลงแล้วงั้นหรือ?” ฟางหยวนกล่าวโดยไม่หันหลังกลับ
“ร่างกายไม่สามารถซื้อขาย แต่ส่วนที่เหลือสามารถเจรจา” ผมที่หกยืนยัน
ฟางหยวนเย้ยหยัยและเดินจากไปโดยทิ้งผมที่หกเอาไว้ข้างหลัง
ผมที่หกเร่งติดตาม “พวกเรามีความจริงใจในการทำธุรกรรม! ฟางหยวน เหตุใดเจ้าต้องทำให้มันเป็นเรื่องยาก? หากพวกเราพบปัญหา เจ้าก็ไม่สามารถหลบหนี!”
ฟางหยวนหยุดแต่ยังไม่หันหลังกลับ นี่เป็นการแสดงออกที่หยาบคายมาก
ผมที่หกได้ยินฟางหยวนกล่าว “เจ้าพูดถูก แต่แล้วอย่างไร? สิ่งใดจะตามมา ข้าจะตายงั้นหรือ?”
ผมที่หกหยุดเดินตามและเร่งกระตุ้น “ฟางหยวน เหตุใดยังต้องกล่าวถึงสิ่งเหล่านี้? นิกายเงายังอยู่รอบๆ มีศัตรูมากมายเท่าใดที่กำลังไล่ล่าเจ้า? ปราศจากพวกเรา เจ้าจะอยู่ได้นานเท่าใด? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถรับมือเจตจำนงสวรรค์งั้นหรือ? กระทั่งร่างหลักของข้ายังล้มเหลวหลังจากวางแผนมานานนับแสนปี! หากไม่ใช่เพราะศัตรูมุ่งเป้ามาที่พวกเรา เจ้าจะสามารถอยู่อย่างสงบสุขเช่นนี้งั้นหรือ?”
“หุบปาก!” คลื่นดาบปะทุขึ้นรอบตัวฟางหยวน
วิญญาณอมตะคลื่นดาบระดับเจ็ด!
ผมที่หกถูกบังคับให้ก้าวถอยหลัง เขาเร่งกล่าว “ใจเย็น อย่าใช้วิญญาณอมตะ มันจะทำลายค่ายกลวิญญาณของข้า หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาค้นพบ มันย่อมไม่ส่งผลดีต่อพวกเราทั้งคู่”
ฟางหยวนเดินไปข้างหน้า “ร่างเดิมของข้าคือเงื่อนไขแรก หากไม่ได้รับสิ่งนี้ก็ลืมเรื่องอื่นไปได้เลย เจ้ามีเวลาสามวัน กลับไปและปรึกษากับอิงอู๋เซี่ย”
ผมที่หกกระทืบเท้า “สามวัน? ฟางหยวน เจ้ารู้ว่าท่านอิงอู๋เซี่ยกำลังเผชิญหน้ากับอันตราย พวกเราต้องต่อสู้กับเวลา”
ฟางหยวนเดินต่อไปข้างหน้า “ดีแล้วที่เจ้าตระหนักถึงเรื่องนี้ เช่นนั้นก็รีบตัดสินใจ ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี ถูกต้องหรือไม่?”
ผมที่หกกัดฟันแน่น “ฟางหยวน อย่าให้มันมากเกินไป!”
“หากข้าทำแล้วอย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ใช่คนแรกที่ตายก่อน ข้าสามารถใช้ชีวิตอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอย่างสงบสุขอีกระยะหนึ่ง แล้วพวกเจ้า? ปราศจากอิงอู๋เซี่ย ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณจะติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันตลอดไป ฮ่าฮ่า กระทั่งเทพปีศาจที่ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องตายก่อนข้า ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะขณะเดินออกจากประตูและหายไปจากมุมมองสายตาของผมที่หก
ผมที่หกยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมด้วยดวงตาสีแดงเลือด
ทัศนคติและความไร้ยางอายของฟางหยวนทำให้ผมที่หกแทบไม่สามารถอดทน
อย่างไรก็ตามหลังจากครึ่งวันผมที่หกก็ต้องกลับมาพบฟางหยวนอีกครั้ง
“ท่านอิงอู๋เซี่ยตกลง” ผมที่หกมองฟางหยวนด้วยสายตาที่ต้องการฉีกเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
นี่ทำให้ฟางหยวนตระหนักถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างที่สุดของอิงอู๋เซี่ย
นี่เป็นทั้งเรื่องดีและไม่ดี
ฟางหยวนต้องการทำกำไรจากการแลกเปลี่ยนแต่เขาก็ต้องการใช้อิงอู๋เซี่ยเป็นโล่ป้องกันศัตรูเช่นกัน มันจะเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับฟางหยวนหากวังสวรรค์กับนิกายเงาต่อสู้กัน
“พวกเราจะแลกเปลี่ยนร่างผีดิบอมตะเป็นอันดับแรก” ฟางหยวนกล่าว “หากข้าพบว่าพวกเจ้าใช้เล่ห์กลกับร่างกายของข้าก็อย่าโทษข้าหากข้าทำสิ่งใด พวกเจ้ารู้ว่าข้าย้อนเวลากลับมาในอดีต ข้าสามารถใช้วิธีในอนาคต…”
“เป็นไปไม่ได้! พวกเราจะทำธุรกรรมทั้งหมดในครั้งเดียว!” ผมที่หกไม่โง่
แต่ฟางหยวนก็ไม่ใช่ตัวตนที่สามารถรับมือได้โดยง่าย
เพียงไม่นานผมที่หกก็พ่ายแพ้ เขาชูสามนิ้ว “เอาล่ะ พวกเราจะแลกเปลี่ยนร่างผีดิบอมตะเป็นอันดับแรก แต่จะมีการแลกเปลี่ยนอีกเพียงสองครั้ง รวมทั้งหมดเป็นสามครั้ง!”
สามวันต่อมาในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทั้งสองเริ่มทำการแลกเปลี่ยน
“ตกลง ต่อไปเป็นวิญญาณอมตะ ข้าต้องการวิญญาณอมตะทั้งหมดของข้ารวมถึงวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า และวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า” ฟางหยวนกล่าว
ผมที่หกแสดงออกด้วยความอยากรู้อยากเห็น “วิญญาณอมตะมากมาย เจ้ามีทรัพยากรอมตะมากพอที่จะแลกเปลี่ยนกับพวกมันงั้นหรือ?”
ฟางหยวนหัวเราะ “แน่นอน”
ไม่กี่นาทีต่อมา
“คำว่า แน่นอน ของเจ้าหมายถึงสิ่งใด!? พวกมันไม่เพียงพอแม้แต่จะซื้อวิญญาณอมตะสามสิบส่วน!” ผมที่หกกรีดร้อง
“เช่นนั้นพวกเราสามารถยกเลิกธุรกรรม ข้าไม่ได้ใช้เล่ห์กลใด ข้าจริงใจมากๆ” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง
“จริงใจมากมารดาเจ้าสิ!” ผมที่หกสาปแช่ง
การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นแข็งกร้าว “นี่หมายความว่าเจ้าไม่ต้องการทำธุรกรรมต่อใช่หรือไม่?”
ร่างของผมที่หกแข็งค้าง เขารู้สึกราวกับจมลงสู่ธารน้ำแข็ง
ธุรกรรมครั้งที่สองเป็นสงครามน้ำลายที่ยาวนาน
ฟางหยวนเสนอราคาต่ำมาก นิกายเงาไม่สามารถยอมรับ
หลังจากหลายวันพวกเขาจึงบรรลุข้อตกลง
ฟางหยวนเพิ่มราคาขึ้นเล็กน้อยแต่เขายังได้กำไรขนาดใหญ่
ผมที่หกรู้สึกหดหู่ใจ ตอนนี้เขามาถึงสุดทางแล้ว
‘โชคดีที่ยังเหลือครั้งสุดท้าย…’
ธุรกรรมครั้งที่สาม
“อันใด!? พวกเราตกลงทำธุรกรรมสามครั้ง เหตุใดเจ้าจึงขยายเป็นสิบ!?”
“ฟางหยวน เจ้าช่างไร้ยางอายนัก!”
“เจ้ามองไม่เห็นภาพใหญ่ เช่นนั้นก็ตายไปพร้อมกัน!”
ผมที่หกกรีดร้อง เขาแทบกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ
ฟางหยวนกล่าวอย่างใจเย็น “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ใช่คนแรกที่ตาย คนแรกคืออิงอู๋เซี่ย ต่อมาก็เทพปีศาจจิตวิญญาณ หลังจากทั้งหมดเขาติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ ดวงวิญญาณของเขาจะถูกกลืนกินด้วยความเร็วสูง”
“เร็วมาก…”
“เร็วมาก…”
“เร็วมากๆ…”
คำกล่าวของฟางหยวนดังสะท้อนอยู่ในใจของผมที่หกก่อนที่เขาจะล้มลงหมดสติไป ณ จุดนั้น