เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - ตอนที่ 1080
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1079 กลับคืนสู่เจ้าของ
แปลโดย iPAT
อิงอู๋เซี่ยเปิดเปลือกตาขึ้นและมองเห็นภาพเหตุการณ์ปรากฏบนพื้นผิวของบ่อน้ำวิญญาณ
เขาเห็นผมที่หกคุกเข่าลงข้างหนึ่งและแสดงออกด้วยความรู้สึกผิด “นายท่าน ข้าทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อฟางหยวนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ข้าไม่ได้ใช้…”
“ผมที่หก เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า กล่าวไปแล้วเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้าใช้ไพ่ตายเพิ่มโชคให้กับตนเอง นั่นทำให้ฟางหยวนได้รับประโยชน์จากมันเช่นกัน” อิงอู๋เซี่ยส่งข้อความเสียงเข้าสู่จิตใจของผมที่หกโดยตรง
นี่คือวิธีการสื่อสารของนิกายเงา มันเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
ทั้งสองอยู่ต่างภูมิภาคและถูกกีดขวางโดยกำแพงพลังงาน นอกจากนี้ผมที่หกยังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแต่พวกเขายังสามารถสื่อสารและสามารถหลีกเลี่ยงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
ตอนนี้อิงอู๋เซี่ยไม่ได้อยู่ในร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนอีกต่อไป เขาอยู่ในร่างของผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งอีกตน
แต่ร่างนี้ค่อนข้างแก่ชรา มิติช่องว่างของเขาแตกสลายไปแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่สะดวกที่อิงอู๋เซี่ยจะใช้วิญญาณ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นวิญญาณระดับมนุษย์หรือวิญญาณอมตะ พวกมันสามารถอาศัยอยู่บนร่างกายของผู้อมตะไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง เส้นผม โลหิต กระดูก หรือส่วนอื่นๆ แต่การจัดเก็บในรูปแบบนี้มีความเสี่ยงเพราะกลิ่นอายของพวกมันจะรั่วไหลออกมาทำให้ศัตรูสามารถตรวจสอบ นอกจากนั้นหากร่างกายถูกทำลาย วิญญาณที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นก็จะถูกทำลายไปพร้อมกัน
หลังจากทั้งหมดวิญญาณเป็นสิ่งที่เปราะบางมาก
อิงอู๋เซี่ยพบความสูญเสียครั้งใหญ่ในการทำธุรกรรมกับฟางหยวนแต่การแสดงออกของเขายังสงบมาก
เขาให้กำลังใจผมที่หก “ครั้งนี้เจ้าทำงานได้ดีมาก เจ้าแสดงจุดอ่อนให้ฟางหยวนเห็นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เราสามารถทำธุรกรรมที่ดีที่สุดโดยเฉพาะตอนจบที่เจ้าแสร้งเป็นลมหมดสติ หากปราศจากความพยายามของเจ้า เราอาจไม่ได้รับทรัพยากรอมตะเหล่านี้”
ผมที่หกถอนหายใจ “ข้าตั้งใจเป็นลมเพื่อตรวจสอบฟางหยวน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ”
“ตั้งแต่เขารู้เบื้องหลังของพวกเรา เขาย่อมระวังตัวมากขึ้น นอกจากนั้นพวกเรายังสามารถทำธุรกรรมหลายครั้ง ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายจับมือกัน เขาย่อมกังวลว่าพวกเราจะรายงานเรื่องของเขากับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา” อิงอู๋เซี่ยตอบ
แม้อิงอู๋เซี่ยจะรู้สึกโศกเศร้ากับความสูญเสียแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำธุรกรรมกับฟางหยวนเท่านั้น
ก่อนทำธุรกรรมนี้เขาได้เตรียมใจมาเพียงพอแล้ว
รายการทรัพยากรอมตะที่อิงอู๋เซี่ยให้ฟางหยวนดูเป็นสิ่งที่มากกว่าความต้องการของเขา
กล่าวโดยสรุป เขาบรรลุเป้าหมายแล้ว
ตอนนี้เขามีโอกาสแก้ไขสถานการณ์ ตราบเท่าที่เขาผ่านอุปสรรคนี้ เขาสามารถจัดการเรื่องต่างๆได้ในอนาคต
“วิญญาณอมตะดวงอื่นไม่สำคัญแต่ฟางหยวนไม่เพียงได้รับร่างเดิม เขายังได้รับวิญญาณกาลเวลา! ตอนนี้เขามีรากฐานที่แข็งแกร่งมาก!” ผมที่หกรู้สึกกังวล
อิงอู๋เซี่ยเย้ยหยัน “กระทั่งฟางยหวนจะได้รับร่างเดิมกลับคืน แล้วเขาจะกล้าใช้มันงั้นหรือ? วิญญาณกาลเวลาไม่มีปัญหา มันถูกผนึกเอาไว้นานแล้ว แม้ฟางหยวนจะสามารถแก้ปัญหานี้ แต่เขาจะพบกับความล้มเหลวหากกระตุ้นใช้งานวิญญาณกาลเวลาที่เต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ มันยังอีกนานที่เขาจะสามารถใช้มันได้อีกครั้ง นอกจากนั้นผู้อมตะวังสวรรค์ก็เตรียมตัวรับมือเรื่องนี้เอาไว้แล้ว”
ผมที่หกตะลึง มันกลายเป็นว่าเขากังวลมากเกินไป
เขาพยักหน้า “นายท่านกล่าวได้ถูกต้อง”
อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจยาว “เจ้าจงจับตามองฟางหยวนต่อไป ตัวตนของเจ้าถูกเปิดเผยแล้ว แต่ฟางหยวนไม่สามารถทำสิ่งใดกับเจ้า มันไม่เป็นไรหากพวกเราไม่สามารถกำหราบเขา ตอนนี้เขามีวิญญาณอมตะจำนวนมาก เขาต้องแบกรับภาระที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นภัยพิบัติที่เขาต้องเผชิญก็จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยเขาไปจนกว่าข้าจะสามารถรวบรวมความแข็งแกร่ง หลังจากช่วยร่างหลักของเรา ข้าจะคิดบัญชีกับเขา!”
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา อิงอู๋เซี่ยได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย
เขาเข้าใจว่าเมื่อใดต้องล่าถอย เขารู้ว่าสิ่งใดสำคัญกว่า และเรียนรู้ที่จะอดทน
หลังจากทั้งหมดเขาเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ทักษะตามธรรมชาติของเขาย่อมไม่ธรรมดา
ความล้มเหลว ความเจ็บปวด และความผิดหวังทั้งหมดผลักดันให้เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
หลังจากเสร็จสิ้นการทำธุรกรรมกับอิงอู๋เซี่ย
ฟางหยวนมองร่างผีดิบอมตะที่อยู่ตรงหน้าและถอนหายใจ
“ข้าไม่กล้าใช้งานมัน…” ฟางหยวนรู้สึกถึงปัญหา
เขาใช้ทุกวิธีที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อตรวจสอบร่างผีดิบอมตะของเขาและไม่พบปัญหาใด
แต่อิงอู๋เซี่ยคือผู้ใด? นิกายเงามีต้นกำเนิดอย่างไร?
มันคือเทพปีศาจจิตวิญญาณ!
เขาคือต้นกำเนิดของเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เทพปีศาจผู้สร้างกฎของโลกใบนี้!
แล้วอิงอู๋เซี่ยที่เป็นร่างแยกของเขาจะไม่สามารถวางกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณไว้ในร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนเช่นนั้นหรือ?
มันมีความเป็นไปได้สูงมาก
ธุรกรรมระหว่างฟางหยวนกับอิงอู๋เซี่ยไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของข้อตกลงบนเส้นทางแห่งข้อมูลใดๆตั้งแต่ต้นจนจบ
ทั้งสองฝ่ายไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
นอกจากนั้นความสำเร็จบนเส้นทางแห่งข้อมูลของฟางหยวนยังด้อยกว่าอิงอู๋เซี่ย หากเขาทำข้อตกลงบางอย่าง เขาอาจถูกหักหลังและส่งผลร้ายมากกว่าผลดี
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของร่างนี้
ฟางหยวนต้องการร่างเดิมเพราะเขาต้องการใช้แสงแห่งปัญญา แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องย้ายดวงวิญญาณเข้าไปในร่างเดิมเป็นอันดับแรก
นี่เป็นเรื่องอันตรายมาก
นิกายเงามีความเชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณมากที่สุด
ฟางหยวนไม่พบปัญหาใดอาจเป็นเพราะอิงอู๋เซี่ยไม่ได้วางกับดัก แต่สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือเพราะฟางหยวนมีความสามารถไม่เพียงพอที่จะค้นพบสิ่งผิดปกติเหล่านั้น
เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นผู้สร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แต่ฟางหยวนต้องการถอดรหัสวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณ นี่ไม่ต่างจากมือสมัครเล่นพยายามต่อต้านผู้เชี่ยวชาญ
“ดูเหมือนข้าต้องตรวจสอบร่างนี้อีกสักพัก ข้าไม่สามารถประมาท มิฉะนั้นข้าอาจตกลงสู่กับดักของนิกายเงา” ฟางหยวนเตือนตนเอง
“กระทั่งข้าจะไม่สามารถใช้งานวิญญาณสติปัญญา แต่ได้รับวิญญาณกาลเวลากลับคืนมาก็ถือว่าข้าประสบความสำเร็จอย่างมากแล้ว”
วิญญาณกาลเวลาเป็นไพ่ตายที่สำคัญที่สุดของฟาหยวนมาตลอด
ตอนนี้ฟางหยวนได้รับร่างเดิมกลับคืน วิญญาณกาลเวลาในฐานะวิญญาณหลักของเขาก็กลับมาเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ผมที่หกปฏิเสธว่าอิงอู๋เซี่ยมีวิญญาณกาลเวลา
เนื่องจากต่างฝ่ายต่างไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ฟางหยวนไม่สามารถบอกได้ว่าคำกล่าวของผมที่หกเป็นเรื่องจริงหรือโกหก
อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับพูดด้วยความมั่นใจ “นั่นเป็นไปไม่ได้! หากพวกเจ้าไม่มีมันจริงๆ พวกเขาจะหลอมรวมมัน ในกรณีนี้ข้าจะไม่สนใจสิ่งอื่นแต่พวกเจ้าต้องส่งวิญญาณกาลเวลามาให้ข้าโดยตรง”
แม้ผมที่หกจะสาบานด้วยชีวิตแต่ทัศนคติของฟางหยวนยังไม่เปลี่ยนแปลง
สุดท้ายฟางหยวนก็ได้รับวิญญาณกาลเวลากลับมาในที่สุด
แต่มันมีปัญหาเช่นกัน
มันถูกผนึกโดยวังสวรรค์ มันถูกตัดขาดจากสายธารแห่งกาลเวลาและอยู่ในสภาวะหิวโหย
นอกจากนี้ฟางหยวยังตระหนักถึงเจตจำนงสวรรค์ที่เป็นภัยคุกคามมากที่สุด
ร่างผีดิบอมตะและวิญญาณกาลเวลามีอันตรายซ่อนอยู่ พวกมันไม่สามารถใช้งาน
แต่ถึงกระนั้นฟางหยวนก็มีความสุข
“แม้ข้าจะไม่สามารถใช้งานพวกมันแต่ตราบเท่าที่พวกมันอยู่ในการครอบครองของข้า มันก็ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่แล้ว!”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิญญาณกาลเวลา!”
หลังจากได้รับร่างเดิมและวิญญาณกาลเวลา ฟางหยวนยังต้องการแลกเปลี่ยนวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่ผมที่หกจะนำมันมาจากที่ใด?
แม้ผมที่หกจะถูกบีบบังคับโดยฟางหยวนแต่มันก็ไร้ประโยชน์
ฟางหยวนเดาว่าพวกเขาล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ หากพวกเขาครอบครองมันอยู่ พวกเขาย่อมใช้มันหลบหนีไปนานแล้ว เหตุใดพวกเขายังต้องการทำธุรกรรมกับเขา?
สิ่งสำคัญกว่าก็คือการทำธุรกรรมกับผมที่หกหมายถึงการทรยศต่อนิกายหลางหยา
หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้เรื่องนี้ มันจะส่งผลเสียมากกว่าผมดี
ดังนั้นฟางหยวนจึงยอมแพ้เกี่ยวกับวิญญาณท่องแดนอมตะ
แม้จะไม่ได้รับวิญญาณท่องแดนอมตะแต่ฟางหยวนก็ได้รับกำไรมหาศาลในการทำธุรกรรมครั้งนี้
ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ยังมีวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของพลังปราณ และวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินของไห่ลั่วหลัน รวมถึงวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า และวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าของไท่เป่ยหยุนเฉิง ติดตามมาด้วยวิญญาณอมตะยกภูเขา วิญญาณอมตะดึงแม่น้ำ วิญญาณอมตะเนตรดารา และวิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติของฟางหยวน
สำหรับวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็กและวิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชค พวกมันติดอยู่ในสวรรค์สีเหลือง
วิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่ง วิญญาณอมตะล้างใจ วิญญาณท่องแดนอมตะ วิญญาณอมตะศรดาวตก วิญญาณอมตะแสงดาว และวิญญาณอมตะดวงอื่นของฟางหยวน พวกมันระเบิดตัวเองไปแล้ว อิงอู่เซี่ยไม่สามารถรักษาพวกมันเอาไว้
อย่างไรก็ตามข้อมูลนี้อาจเป็นข้อมูลลวง
ฟางหยวนและผมที่หกไม่ได้ทำข้อตกลงใดๆ ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถพิสูจน์ความจริง บางทีอิงอู๋เซี่ยอาจเก็บวิญญาณอมตะบางดวงเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่มีวิธีพิสูจน์เรื่องนี้
แน่นอนว่าฟางหยวนเป็นฝ่ายได้กำไรแต่เขาก็ไม่ต้องการให้อิงอู๋เซี่ยตายเร็วเช่นกัน
หากอิงอู๋เซี่ยตาย เขาจะทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ให้วังสวรรค์ นั่นจะทำให้ฟางหยวนพบปัญหาในไม่ช้า
มันจะดีกว่าหากอิงอู๋เซี่ยยังมีชีวิตและช่วยดึงดูดศัตรูแทนเขา
การต่อสู้ระหว่างวังสวรรค์กับนิกายเงาจะทำให้ทั้งสองฝ่ายอ่อนแอลงขณะที่ฟางหยวนจะสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามรบ
ฟางหยวนขโมยวิญญาณทารกอมตะมาจากนิกายเงา พวกเขาย่อมต้องการสังหารฟางหยวน แต่นี่ก็เป็นเหตุผลที่นิกายเงาต้องปกป้องเขาเช่นกัน
เช่นเดียวกับหม่าหงหยุน หากนิกายเงาต้องการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะอีกครั้ง พวกเขาจะใช้ฟางหยวนเป็นวัสดุในการหลอมรวม
ตั้งแต่อิงอู๋เซี่ยต้องการทำธุรกรรมกับฟางหยวน มันก็หมายความว่าอิงอู๋เซี่ยอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังอย่างแท้เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1080 เปลี่ยนเป็นหมีบิน
แปลโดย iPAT
หลายวันต่อมาในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
สองร่างกำลังบินผ่านอากาศก่อนจะหยุดอย่างกะทันหัน
“ที่นี่เป็นพื้นที่รกร้าง มันเหมาะสมที่จะใช้เป็นสนามซ้อม” ร่างหนึ่งมองไปรอบๆและกล่าว
“พี่ฟางกล่าวได้ถูกต้อง” ร่างที่อยู่ด้านหลังเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนชื่อผมที่สิบสอง เขากล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เปรียบเทียบกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆของนิกายหลางหยา ผมที่สิบสองค่อนข้างพิเศษ
เพราะเขาไม่ได้บ่มเพาะเพียงเส้นทางแห่งการหลอมรวมแต่ยังบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งทาส เขาเป็นผู้อมตะที่บ่มเพาะบนเส้นทางคู่คือเส้นทางแห่งทาสและเส้นทางแห่งการหลอมรวม
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้อมตะจะบ่มเพาะบนเส้นทางสองสายเพราะพวกเขามีมิติช่องว่างเพียงหนึ่ง เมื่อผู้ใช้วิญญาณก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ มิติช่องว่างจะเป็นสิ่งตัดสินเส้นทางการบ่มเพาะหลักของพวกเขา ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ได้รับหลังจากผ่านภัยพิบัติส่วนใหญ่จะเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายหลักที่พวกเขาบ่มเพาะ
อย่างไรก็ตามในโลกใบนี้ยังมีผู้อมตะมากมายที่ประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะบนเส้นทางสองสาย พวกเขามักเป็นผู้อมตะระดับหกหรือเจ็ดที่เส้นทางหนึ่งเป็นเส้นทางหลักและอีกเส้นทางเป็นเส้นทางรอง
ผู้อมตะเหล่านี้ส่วนใหญ่พบโชคลาภโดยบังเอิญทำให้พวกเขาได้รับวิญญาณอมตะที่เหมาะสมในการบ่มเพาะสองเส้นทาง ตัวอย่างเช่นวิญญาณกินความแข็งแกร่ง หากเป็นผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่นที่ได้รับมันโดยบังเอิญ พวกเขาจะเลือกบ่มเพาะบนเส้นทางคู่
ผมที่สิบสองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ในช่วงปีแรกของการบ่มเพาะ เขาหลอมรวมวิญญาณชนิดใหม่ได้สำเร็จโดยบังเอิญ มันเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งทาส หลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ วิญญาณดวงนี้พัฒนาเป็นวิญญาณอมตะระดับหก นั่นทำให้เขาได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเทาสเพิ่มขึ้น
นี่ทำให้เขากลายเป็นคนพิเศษท่ามกลางกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนดูแลเขาเป็นอย่างดี เส้นทางแห่งทาสมีความสัมพันธ์กับเส้นทางแห่งการหลอมรวมไม่มาก แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังสนับสนุนให้ผมที่สิบสองบ่มเพาะบนเส้นทางสายนี้ต่อไปเพราะมันจะเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่หากเขาต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาส
หลังจากบุคลิกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนไป เขายิ่งให้ความสำคัญกับผมที่สิบสองมากขึ้น เนื่องจากสิ่งที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาใช้จัดลำดับความสำคัญคือความแข็งแกร่งในการต่อสู้ขณะที่ผมที่สิบสองมีพื้นฐานบนเส้นทางแห่งทาสที่ยอดเยี่ยม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังมอบวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาสให้กับเขาเพราะต้องการให้เขาเป็นนักรบบนเส้นทางเส้นแห่งทาสที่แข็งแกร่งของนิกายหลางหยา
จักรพรรดิทุกคนย่อมมีผู้ใต้บังคับบัญชาคนโปรดของตนเอง ผมที่สิบสองก็คือคนโปรดของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนปัจจุบัน
ฟางหยวนมีความรู้ในเชิงลึกเกี่ยวกับมนุษย์ขนไม่มาก แต่หลังจากทำธุรกรรมลับกับอิงอู๋เซี่ย ฟางหยวนได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
พวกมันอาจไม่ใช่ข้อมูลล้ำค่าแต่ยังสามารถช่วยเหลือฟางหยวนและทำให้เขาเข้าใจนิกายหลางหยาอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
ทวีปเมฆาถูกสร้างขึ้นจากพื้นเมฆ มันมีสีขาวและอ่อนนุ่ม
“น้องสิบสอง เชิญ” ฟางหยวนผายมือ
“ฮ่าฮ่า พี่ฟาง รับมือ!” ผมที่สิบสองหัวเราะก่อนจะตีลังกาพุ่งลงบนพื้นและคุกเข่าลงต่อหน้าฟางหยวน
“บึม”
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มักเย่อหยิ่งและมากพิธีการ อย่างไรก็ตามผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้กลับแตกต่างออกไป พวกเขามีบุคลิกที่ตรงไปตรงมาและแทบไร้ทักษะการต่อสู้
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนเริ่มคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้แล้ว
ผมที่สิบสองยกศีรษะขึ้นมองฟางหยวน “ช่างน่าอายนัก ข้าล้มเหลวอีกครั้ง”
“ไม่มีปัญหา” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มอบอุ่น “มันเป็นท่าไม้ตายอมตะ เป็นเรื่องปกติที่จะล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งาน”
“ถูกต้อง ถูกต้อง!” ผมที่หกพยักหน้าซ้ำๆ หลังจากนั้นเขาก็ตีลังกาล้มลงคุกเข่าและโขกศีรษะของตนลงบนพื้นอีกครั้ง
“บึม”
“…..”
เงียบ
หลังจากหลายลมหายใจ ผมที่สิบสองจึงแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตนและสาปแช่ง “บัดซบ! ข้าล้มเหลวอีกครั้ง ให้ข้าลองอีกหน!”
“บึม”
“บึม”
“บึม”
“ให้ข้าลองอีกครั้ง ข้าไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้!” ผมที่สิบสองตะโกน
“บึม”
“บึม”
“บึม”
“ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ” ผมที่สิบสองกล่าวกับฟางหยวน
ฟางหยวนยังเผยรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ”
ผมที่สิบสองพยักหน้าด้วยความสุขก่อนจะเริ่มทดลองอีกครั้ง
“บึม”
“บึม”
“บึม”
หลังจากทดลองนับครั้งไม่ถ้วน ผมที่สิบสองก็ยังล้มเหลว ฟางหยวนไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน แต่ร่างกายของผมที่สิบสองกลับเต็มไปด้วยเลือด
ความล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะจะส่งผลกระทบย้อนกลับต่อตัวผู้อมตะ
กระทั่งฟางหยวนก็ยังไม่สามารถทนเห็นสิ่งนี้ “จากการสังเกตของข้า น้องสิบสอง การตีลังกาของเจ้าอาจไม่เหมาะสมกับท่าไม้ตายอมตะนี้ เจ้าอาจลองตัดมันทิ้งไป”
“ไม่เหมาะสม?” ผมที่สิบสองเกาศีรษะอย่างไร้เดียงสา “นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ข้าออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ท่านไม่เห็นหรือว่าท่าตีลังกาของข้าสง่างามมาก?”
ใบหน้าของฟางหยวนเกือบบิดเบี้ยว เขาคิด ‘คุกเข่าต่อหน้าศัตรูสง่างามงั้นหรือ!?’
แต่ผมที่สิบสองเป็นคนหัวอ่อน เขารู้ว่าต้องแก้ไขข้อผิดพลาดของตน “เนื่องจากพี่ฟางคิดว่ามันไม่เหมาะสม เช่นนั้นข้าก็จะเปลี่ยนมัน”
หลังจากนั้นผมที่สิบสองก็ไม่ตีลังกาอีกต่อไป
แต่ยังคุกเข่าต่อหน้าฟางหยวน
เขาหยุดนิ่งหลายลมหายใจก่อนที่เขาจะพ่นเลือดออกมาจากปากแต่ยังปฏิเสธที่จะยอมแพ้ “ให้ข้าลองอีกครั้ง”
หลังจากพยายามหลายครั้ง รัศมีแสงสีฟ้าก็ส่องประกายขึ้นในมือของผมที่สิบสอง
แสงสีฟ้าทำให้เกิดทะเลสาบสีฟ้าขึ้นบนพื้น
หลังจากนั้นสัตว์อสูรเดียวดายที่มีรูปร่างคล้ายกระทิงก็โผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบ
กระทิงเกาลัด!
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่แสแยมันแม้แต่น้อย
กระทิงตัวนี้อาจเป็นสัตว์อสูรเดียวดายแต่มันมีพลังการต่อสู้ค่อนข้างต่ำ ความประทับใจของผู้อมตะส่วนใหญ่ที่มีต่อมันคือเนื้อของมันมีรสชาติเหมือนเกาลัดและถือเป็นอาหารเลิศรส
แต่ความแข็งแกร่งของมันกลับอยู่ในจุดต่ำสุดท่ามกลางสัตว์อสูรเดียวดายทั้งหมด
สำหรับสัตว์อสูรเดียวดายที่อ่อนแอที่สุดที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนคือปลามังกรเดียวดาย
“มันปรากฏตัวขึ้นในที่สุด” ผมที่สิบสองตะโกนเสียงดังและชี้นิ้วไปที่ฟางหยวน “กระทิงเกาลัด โจมตี!”
กระทิงเกาลัดพ่นลมออกจากจมูกเบาๆและยังไม่ขยับเขยื้อน
ใบหน้าของผมที่สิบสองเปลี่ยนเป็นโกรธและอับอาย “เจ้าโง่ ข้าบอกให้โจมตี!”
เป็นเพียงเวลานี้ที่กระทิงเกาลัดเริ่มออกวิ่งไปข้างหน้า
กระทิงเกาลัดมีร่างกายใหญ่โตเหมือนขบวนรถม้าสี่คันที่ปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าประทับใจออกมา
ภายในมิติช่องว่างของฟางหยวน วิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์บินขึ้นสู่อากาศ ติดตามมาด้วยวิญญาณสนับสนุนอีกจำนวนหนึ่ง
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนเป็นหมีบิน!
รัศมีแสงปะทุขึ้นบนร่างกายของฟางหยวนและบังคับให้ผมที่สิบสองต้องปิดเปลือกตาลง
ผมที่สิบสองกระตุ้นใช้วิญญาณสายตรวจสอบ ชั้นคริสตัลโปร่งแสงเคลือบคลุมดวงตาของผมที่สิบสองเอาไว้ทำให้เขาสามารถมองเห็นอีกครั้ง
“บึม”
ดูเหมือนกระทิงเกาลัดจะชนกับสัตว์อสูรบางชนิดที่มีร่างกายใหญ่โตมากกว่า
การชนกันของสัตว์อสูรยังไม่ปรากฎผลลัพธ์
เมื่อแสงกระจายหายไป ร่างที่แท้จริงของสัตว์อสูรยักษ์ก็ถูกเปิดเผย
มันคือหมีขาวยักษ์ที่มีกรงเล็บแหลมคมและมีหางกลมน่ารัก
นี่คือการเปลี่ยนร่างเป็นหมีบินของฟางหยวน
เมื่อกระทิงเกาลัดเห็นหมีบินตัวนี้ ดวงตาของมันแทบทะลักออกมาจากเบ้า กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ของมันหายไปราวกับเปลวเทียนที่ริบหรี่ขณะที่มันครางด้วยเสียงอันน่าสังเวช จากนั้นมันจึงรีบหันหลังกลับและวิ่งหนี!
ผมที่สิบสองตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าเกาลัดขี้ขลาด! เจ้าก็เป็นสัตว์อสูรเดียวดายเช่นกัน! กลับไป!”
เขาพึ่งกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งทาสและสามารถควบคุมกระทิงเกาลัดได้เป็นครั้งแรกหลังจากใช้ความพยายามมาอย่างยาวนาน แต่มันกลับวิ่งหนีทันทีเมื่อเห็นหมีบิน
แต่นี่ไม่สามารถกล่าวโทษมัน เนื่องจากมันมีธรรมชาติที่อ่อนโยนและยังเป็นสัตว์กินพืช
ในความเป็นจริงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนเลี้ยงมันไว้เพราะต้องการใช้เนื้อของมันเป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณ
อย่างไรก็ตามหลังจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกบุกโจมตีอย่างกะทันหัน สัตว์อสูรเดียวดายชนิดอื่นเสียชีวิตทั้งหมด ดังนั้นผมที่สิบสองจึงต้องใช้กระทิงเกาลัดตัวนี้เท่านั้น
ฟางหยวนยืนอยู่อย่างเงียบๆ เพียงเมื่อกระทิงเกาลัดพุ่งเข้ามาด้านหน้า เขาจึงเริ่มเคลื่อนไหว
ร่างกายของหมีบินใหญ่โตแต่มันไม่ขาดความเร็ว
มันคำรามและกระโดดออกไปก่อนจะใช้อุ้งเท้าขวากระแทกแผ่นหลังของกระทิงเกาลัด
“บึม!”
เกิดการปะทะที่รุนแรง ดินเมฆระเบิดออกไปรอบๆ
กระทิงเกาลัดได้รับบาดเจ็บสาหัสและนอนสลบอยู่ในปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้น
พ่ายแพ้ในพริบตา!จริง ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องมอบทางออกสายหนึ่งให้กับอิงอู๋เซี่ย
หากฟางหยวนบีบบังคับอิงอู๋เซี่ยมากเกินไป เขาอาจยอมแพ้และลากฟางหยวนให้ตายตกไปพร้อมกัน
ในความเป็นจริงคำกล่าวของผมที่หกมีประสิทธิภาพสูงมาก