เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - ตอนที่ 1219
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1219 ฟางหยวนเผชิญหน้าวูหยง
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนเดินออกมาจากลุ่มผู้อมตะตระกูลเฉียว
ทันใดนั้นสายตาทุกคู่ก็พุ่งมาที่เขา
เมื่อเห็นใบหน้าของเขา ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูหลายคนถึงกับอ้าปากค้าง “พวกเขาเหมือนกันจริงๆ”
รูปร่างหน้าตาของฟางหยวน ไม่! รูปร่างหน้าตาของวูอี้ไห่เหมือนกับวูตู๋ซิ่วมารดาผู้ให้กำเนิดของเขาอย่างมาก นี่เป็นจุดที่ไม่สามารถปฏิเสธและเป็นข้อได้เปรียบของฟางหยวน
รูปร่างหน้าตาของวูหยงแตกต่างออกไป เขาคล้ายกับบิดาของเขาที่ดูธรรมดามาก
สำหรับวูอี้ไห่ เขาทั้งหล่อเหลาและโดดเด่นราวกับหอกที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าท่ามกลางฝูงชน แม้เขาจะอาศัยอยู่ในทะเลตะวันออก แต่ลักษณะของเขาก็คล้ายคนตระกูลวูโดยเฉพาะอย่างยิ่งจมูกที่ทั้งสูงและกว้าง ผู้คนสามารถบอกได้ทันทีว่าคนผู้นี้มีความพิเศษ เขามีบุคลิกที่มั่นคง และไม่สามารถดูแคลน
นี่คือเหตุผลที่ฟางหยวนสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้คนได้ทันที
อย่างไรก็ตามวูอี้ไห่ตัวจริงไม่มีรายละเอียดบางอย่างที่เหมือนคนตระกูลวู
ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดใบหน้าที่คุ้นเคย!
ทักษะเฉพาะตัวของเทพปีศาจปล้นสวรรค์แสดงคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของมันออกมาในเวลานี้ ตอนนี้ผู้อมตะทั้งหมดถูกหลอกและไม่สามารถบอกได้ว่านี่คือนักต้มตุ๋น
ความจริงก็คือกระทั่งผู้อมตะของตระกูลวูก็ไม่เคยเห็นหน้าวูอี้ไห่มาก่อน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าครั้งนี้ฟางหยวนเตรียมตัวมาอย่างดี นั่นทำให้ผู้อมตะตระกูลวูรู้สึกดีต่อเขาทันที
ทั้งหมดก็คือวูอี้ไห่เหมือนวูตู๋ซิ่ว
วูตู๋ซิ่วไม่ใช่หญิงอ่อนหวานแต่เป็นวีรสตรีผู้กล้าท้าทายสวรรค์
วูอี้ไห่มีความคล้ายคลึงกับนางเจ็ดสิบส่วน
วูตู๋ซิ่วเสียชีวิต ตระกูลวูตกอยู่ในความปั่นป่วน ผู้อมตะของตระกูลต่างคิดถึงความสำเร็จและความรุ่งโรจน์ของวูตู๋ซิ่ว
ท้ายที่สุดมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ พวกเขาไม่ค่อยเห็นคุณค่าของคนที่มีชีวิตอยู่ เพียงเมื่อสูญเสียคนเหล่านั้นไปแล้ว พวกเขาจึงจะเห็นคุณค่าและรู้สึกโหยหาสิ่งที่ไม่สามารถหวนคืน
ฟางหยวนปรากฏตัวในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาใช้ประโยชน์จากสภาพจิตใจของผู้คน
นี่คือส่วนหนึ่งในแผนการของเขา
“เหมือนกันมาก พวกเขาเหมือนกันจริงๆ” กระทั่งผู้อมตะตระกูลอื่นๆก็ยังถอนหายใจ
ฟางหยวนรู้สึกอย่างรวดเร็วว่าสายตาของผู้คนที่จ้องมองมาที่เขาค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป
ในช่วงห้าร้อยปีของชีวิตแรก แม้การบ่มเพาะของเขาไม่สูงนัก แต่เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์
ฟางหยวนสามารถตัดสินจากวิธีการมองของผู้คน สายตาของกลุ่มผู้อมตะตระกูลวูบอกว่าพวกเขาให้การต้อนรับวูอี้ไห่ผู้นี้ ขณะที่สายตาของวูหยงมีความเกลียดชังแฝงอยู่
วูหยงตกใจมาก การปรากฏตัวของวูอี้ไห่ส่งผลกระทบต่อแผนการของเขา
แต่สิ่งที่ทำให้วูหยงตื่นตระหนกยิ่งกว่าคือการที่ฟางหยวนอยู่กับผู้อมตะตระกูลเฉียว
ความจริงก็คือวูหยงเกลียดน้องชายผู้นี้จากก้นบึ้งของจิตใจ
แม้ทั้งสองจะพบกันเป็นครั้งแรก
วูหยงก็ไม่ชอบฟางหยวนตั้งแต่แรกเห็น
เพราะวูอี้ไห่ดูเหมือนมารดาของเขามากเกินไป
หลายปีที่ผ่านมาวูหยงอยู่ใต้ร่มเงาของวูตู๋ซิ่วมาตลอด
วูตู๋ซิ่วเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ปกป้องตระกูลวูรวมถึงวูหยง
เมื่อเห็นวูอี้ไห่ วูหยงรู้สึกราวกับเขากำลังอยู่ใต้เงามืดของต้นไม้อีกต้นหนึ่ง
เขาเป็นบุตรของวูตู๋ซิ่วและเป็นชายที่แสวงหาความแข็งแกร่ง เขาเต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าต่ออำนาจ
แต่ตลอดมาวูหยงต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของวูตู๋ซิ่วและไม่สามารถต่อต้านนางได้
วูตู๋ซิ่วจากไป วูหยงรู้สึกเสียใจแต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู็สึกเหมือนได้รับอิสระ เขามีความสุข!
มันเป็นความสุขที่วูหยงไม่กล้าที่จะยอมรับ
แต่ตอนนี้เมื่อวูหยงเห็นวูอี้ไห่ที่มีลักษณะคล้ายกับวูตู๋ซิ่ว เขาจึงเกิดความรู้สึกไม่ชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฟางหยวนสัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายและความเกลียดชังของวูหยง
เขาคิด ‘ขั้นตอนแรกของการแสดงตัวประสบความสำเร็จ แต่ขั้นตอนที่สองเกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลวูและทำให้พวกเขายอมรับเป็นสิ่งสำคัญที่สุด’
‘การยอมรับจากผู้อมตะระดับแปดวูหยงก็คือการยอมรับจากตระกูลวู’
ดังนั้นฟางหยวนจึงก้าวเข้าสู่กองไฟ เขาโค้งคำนับวูหยงอย่างสุดซึ้ง “วูอี้ไห่คาวระท่านพี่”
วูหยงแสดงออกด้วยความกังวลและลังเล “เจ้าเป็นน้องชายของข้า วูอี้ไห่ จริงๆงั้นหรือ? เจ้าดูเหมือนท่านแม่จริงๆ เว้นเพียงดวงตาของเจ้าที่เป็นสีฟ้า ผู้คนของภาคใต้มักมีดวงตาสีดำ”
ประโยคนี้มีความหมายลึกซึ้ง
วูหยงยังไม่ยอมรับตัวตนของฟางหยวน เขาชี้ให้ทุกคนเห็นว่าคนผู้นี้เป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออก
ฟางหยวนตอบกลับอย่างเคร่งขรึม “ท่านพี่ ข้าเคยมีดวงตาสีดำมาก่อน แต่มีอุบัติเหตุบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างที่ข้าฝึกฝนทักษะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ข้ากลับมาในครั้งนี้เพราะคำสั่งของท่านแม่ แต่น่าเสียดายที่ข้าถูกซุ่มโจมตีตลอดการเดินทาง ท่านลุงจางและพี่เล้งที่ท่านแม่ส่งไปคุ้มครองข้าเสียชีวิตในสนามรบเพื่อสร้างโอกาสให้ข้าหลบหนี”
“จางและเล้งเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาเล็กๆของท่านแม่ แต่พวกเขาทุ่มเทเพื่อตระกูลวูเป็นอย่างมาก ถ่ายทอดคำสั่งออกไป พวกเราจะจัดพิธีฝังศพให้กับพวกเขาตามประเพณี พวกเราจะดูแลบุตรหลานของพวกเขาอย่างดีเช่นกัน” วูหยงออกคำสั่ง
ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูเร่งตอบสนอง
ฟางหยวนลอบมอง
วูหยงผู้นี้ไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เขาเป็นคนฉลาด แต่ในคำกล่าวของเขา ไม่มีคำใดที่บอกว่าเขายอมรับตัวตนของฟางหยวน เขาหลีกเลี่ยงหัวข้อสำคัญที่สุด นั่นคือวูอี้ไห่น้องชายของเขา
วูหยงไม่สนใจส่วนนี้
อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถหยุดฟางหยวน
ฟางหยวนโค้งคำนับและกล่าวต่อ “ข้าหวังว่าท่านพี่จะอนุญาตให้ข้าทำความเคารพท่านแม่ของเรา!”
วูหยงขมวดคิ้วแน่น
คำกล่าวของฟางหยวนมีเหตุผลมาก ในฐานะบุตร เมื่อมารดาจากไป เขาจะไม่แสดงความเคารพได้อย่างไร?
นี่เป็นคำขอที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่งโดยเฉพาะในระบบตระกูลที่ให้ความสำคัญกับสายเลือด กระทั่งวูหยงก็ไม่สามารถละเลยเรื่องนี้
หากเขาบอกว่าไม่ คนนอกจะตอบสนองในทางที่ไม่ดี ภาพลักษณ์ใหม่ที่เขาพยายามสร้างขึ้นด้วยความอุตสาหะจะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง
แต่หากเขาไม่ปฏิเสธคำขอของฟางหยวน นั่นก็หมายความว่าตระกูลวูยอมรับตัวตนของฟางหยวนว่าเขาเป็นสมาชิกตระกูลวูที่แท้จริง
แน่นอนว่าวูหยงไม่ต้องการเช่นนั้น
วูหยงไม่ชอบรูปลักษณ์ของวูอี้ไห่
ตัวตนของวูอี้ไห่สร้างความปวดหัวให้กับวูหยง
วูอี้ไห่มาที่นี่พร้อมกับคนตระกูลเฉียว นี่เป็นคำเตือนที่ส่งถึงวูหยงโดยตรง!
‘วูอี้ไห่ผู้นี้ควรกลับไปยังที่ที่เขาจากมา ไม่ใช่ว่าเขาเป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออกงั้นหรือ? ไม่ว่าข้าจะต้องใช้จ่ายทรัพยากรบางอย่าง ข้าก็ต้องทำให้เขาจากไป’
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับวูหยง
ในความเป็นจริงการแสดงตัวของฟางหยวนรวมถึงการเปิดตัวโดยผู้อมตะตระกูลเฉียวทำให้วูหยงไม่มีข้อสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวนตั้งแต่แรก
‘เดี๋ยว! หากข้ากำจัดวูอี้ไห่?’
‘ก่อนหน้านี้ข้าไม่สามารถทำได้เพราะท่านแม่อยู่ใกล้ๆ แต่ตอนนี้ข้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง นี่คืออาณาจักรของข้า หลังจากนี้ข้าคือผู้นำของตระกูลวูทั้งหมด ข้าสามารถกำจัดเขาอย่างลับๆนี่จะทำให้ปัญหาของข้าจบลงหรือไม่?’
‘แม้เขาจะอยู่ที่ทะเลตะวันออกแต่ก็ยังเป็นตัวปัญหา หากเขาอยู่ที่ภาคใต้ มันจะยิ่งมีปัญหามากขึ้น’
‘ตอนนี้ข้าควรยอมรับคำขอของเขา แต่ข้าต้องจัดการบางอย่างและแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาเป็นตัวปลอม ด้วยวิธีนี้ข้าจะสามารถกำจัดเขาได้อย่างเปิดเผย!’
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เจตนาสังหารที่รุนแรงก็พลุ่งพล่านขึ้นในร่างของวูหยงทันที
เขากำลังจะตอบรับคำขอของฟางหยวนแต่ในจังหวะนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูกลับชิงกล่าว “ขออภัยด้วยแต่ทุกคนลืมที่จะยืนยันตัวตนของวูอี้ไห่ นายน้อยรอง ข้าไม่มีข้อสงสัยในตัวท่านหรือตระกูลเฉียว แต่สำหรับท่านที่กลับมาที่นี่เป็นครั้งแรก นั่นเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่จำเป็น!”
วูหยงได้ยินสิ่งนี้และต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง
เขามองผู้อมตะตระกูลวูที่กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา มันคือผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของตระกูลวู วูเฉียว
ฟางหยวนกับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวลอบส่งสายตาถึงกันอย่างลับๆ เขาคิด ‘ข้าคิดถูกที่ติดต่อตระกูลเฉียว แต่ข้าไม่คิดว่าตระกูลเฉียวจะแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลวูได้ลึกถึงระดับของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สาม วูเฉียว’
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวมองฟางหยวนและนึกถึงฉากที่พวกเขาวางแผนกัน…
“ตราบเท่าที่ข้าปรากฏตัวในงานศพ วูหยงจะเฉยเมยต่อสถานะของข้า แต่กระทั่งเขาจะเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาก็ไม่สามารถสังหารข้าได้โดยตรง เขาไม่สามารถทำสิ่งใดข้าที่นั่น ฮ่าฮ่า”
ฟางหยวนหัวเราะกล่าวต่อ “หากข้าขอแสดงความเคารพต่อท่านแม่ เขาจะไม่โจมตีข้าเพราะเขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลวู เขาไม่ใช่ผู้บ่มเพาะสันโดษหรือปีศาจอมตะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม!” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวยกนิ้วให้ “มันจะอันตรายหากเป็นการพบปะส่วนตัว แต่ในกรณีนี้แม้วูหยงจะไม่อยากยอมรับแต่เขาจะทำสิ่งใดได้?”
ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงจัง “ดังนั้นเราต้องได้รับการยอมรับระหว่างงานศพ หากเราพลาดโอกาสนี้ มันจะยิ่งยากและมีความเสี่ยงมากขึ้น วูหยงจะไม่ให้โอกาสที่สองกับเรา”
“ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าจะเป็นผู้แนะนำเจ้า” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวยิ้ม
“ไม่ ไม่ ไม่” ฟางหยวนส่ายศีรษะ “มันไม่เหมาะสมที่ท่านจะเป็นผู้แนะนำ ท่านเป็นคนนอก ท่านจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องภายในของตระกูลวูได้อย่างไร?”
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวเงียบ
คำกล่าวของฟางหยวนคือความกังวลที่ยิ่งใหญ่ของเขา นี่เป็นปัญหาที่เขาต้องแก้ไข มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถร่วมมือกับวูอี้ไห่
ฟางหยวนเงยหน้าขึ้นและมองไปนอกหน้าต่าง “ดังนั้นข้าจึงต้องการผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวู เขาสามารถกล่าวถึงเรื่องนี้ได้อย่างเปิดเผยและควบคุมสถานการณ์กระทั่งบรรลุเป้าหมาย”
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวแสดงออกด้วยความหนักใจ “นี่…”