เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - ตอนที่ 1373
Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1373 ยอมรับผู้นำคนใหม่
“ตายอย่างหมดจด” ราชันมังกรสามารถมองเห็นทั้งภายนอกและภายในของราชันภูเขาม่วง
ราชันภูเขาม่วงส่งวิญญาณอมตะส่วนใหญ่ออกไป ส่วนที่เหลือตายไปพร้อมกับเขา ไม่เพียงเท่านั้นดวงวิญญาณของเขายังแตกสลายไปอย่างสมบูรณ์
ราชันมังกรต้องการหยุดสิ่งนี้แต่เขาทำไม่สำเร็จ
สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนร่างของราชันภูเขาม่วงก็ยังสูญสลายไปเช่นเดียวกัน
ไม่เหลือทรัพยากรใดทิ้งไว้ให้วังสวรรค์แม้แต่น้อย
ราชันมังกรปล่อยมือจากศพ สิ่งที่มีค่าที่สุดอยู่ที่จุดศูนย์กลางของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
อสูรวิญญาณจำนวนมากคำรามแต่พวกมันไม่กล้าโจมตี
“ประตูแห่งชีวิตและความตายอยู่ที่นี่ แม้ข้าจะกำจัดอสูรวิญญาณมากเท่าใด พวกมันก็ยังออกมาอย่างไม่รู้จบสิ้น” ราชันมังกรถอนหายใจ
ประตูแห่งชีวิตและความตายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ ดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่เสียชีวิตลงจะต้องเข้าสู่ประตูบานนี้
ราชันมังกรไม่สนใจกองทัพอสูรวิญญาณ
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดเป็นเพียงปัญหาเล็กๆสำหรับราชันมังกรเท่านั้น เว้นเพียงมันจะเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดในตำนานเช่นจ้าวเย่ฮุ้ยหรือเหมาหลี่ชิวที่เขาต้องจัดการอย่างจริงจัง
“เทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับ ร่างแยกส่วนใหญ่ของเขาตายไปแล้ว ถึงเวลาเก็บกวาดสนามรบ”
ราชันมังกรมีท่าไม้ตายอมตะประตูมังกรที่อนุญาตให้เขาเข้าออกแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ได้อย่างอิสระ
แดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาไม่สามารถกักขังเขาเอาไว้
แต่ในจังหวะที่ราชันมังกรกำลังจะเคลื่อนไหว แดนศักดิ์สิทธิ์กลับเริ่มสั่นสะเทือน บนท้องฟ้าปรากฏรอยแตกร้าวราวกับกระจกแตก
“หือ?” ราชันมังกรขมวดคิ้ว “แดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาระเบิดตัวเองงั้นหรือ?”
ด้วยวิธีนี้ราชันมังกรจึงไม่มีทางเลือกนอกจากล้มเลิกแผนการก่อนหน้านี้
เขาต้องนำประตูแห่งชีวิตและความตายออกไปก่อนที่ลมมรณะจะพัดมา
เมื่อลมมรณะพัดมา ประตูแห่งชีวิตและความตายจะไม่ปลอดภัย
“กรอ…”
กองทัพอสูรวิญญาณคำรามด้วยความหวาดกลัว
โลกใบนี้กำลังจะพังทลายลง ฝูงอสูรวิญญาณตระหนักถึงภัยพิบัติที่ใกล้เข้ามา
ความโกลาหลปะทุขึ้นทันที
ราชันมังกรสังหารอสูรวิญญาณพร้อมกับเดินเข้าไปหาประตูแห่งชีวิตและความตาย
ในเวลาเดียวกัน นอกแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงา
“เราทนไม่ไหวแล้ว!” กายาแห่งความฝันจำนวนมากบินออกจากอาณาจักรแห่งความฝัน
กายาแห่งความฝันเหล่านี้ไม่ใช่ร่างที่สมบูรณ์ที่สุด พวกมันมีข้อบกพร่อง
แม้พวกมันจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความฝัน แต่พวกมันก็ไม่สามารถอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันได้ตลอดไป
เมื่อถึงขีดจำกัด พวกมันก็ต้องออกมา
แต่เมื่อผู้อมตะภาคใต้กำลังจะสังหารพวกมัน ค่ายกลวิญญาณกลับเคลื่อนย้ายพวกเขาออกไป
กายาแห่งความฝันเหล่านี้บรรจุดวงวิญญาณแยกของราชันภูเขาม่วงเอาไว้
ในแง่ของอัตลักษณ์ พวกมันถือเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณเช่นกัน
อย่างไรก็ตามราชันภูเขาม่วงได้มอบวิญญาณให้กับกายาแห่งความฝันเหล่านี้ ดังนั้นพวกมันจึงมีพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา
ความคิดและรากฐานของพวกมันแตกต่างจากราชันภูเขาม่วง พวกมันถือเป็นอีกตัวตนหนึ่ง
“ขอแสดงความยินดีกับผู้นำคนใหม่ของนิกายเงา!” กายาแห่งความฝันแสดงความเคารพต่อฟางหยวน ราชันภูเขาม่วงจัดเตรียมทุกสิ่งไว้แล้ว
ไห่ลั่วหลัน ไป่หนิงปิง อิงอู๋เซี่ย เทพธิดาเมี่ยวหยิน นางเสือดำ และคนอื่นๆออกมาจากมิติช่องว่างของกายาแห่งความฝัน
เมื่อเผชิญหน้ากับฟางหยวน คนเหล่านี้ต่างแสดงออกด้วยความสนใจ
“เมี่ยวหยินคารวะท่านผู้นำ” เทพธิดาเมี่ยวหยินเป็นคนแรกที่เปิดปากกล่าว
นางและเฉียวซื่อหลิวเป็นหนึ่งในสามเทพธิดาที่งดงามที่สุดของภาคใต้ เสียงของนางไพเราะ ร่างกายของนางเย้ายวนใจ ขณะที่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยเสน่ห์
“ท่านผู้นำ!” นางเสือดำทักทาย
การแสดงของนางค่อนข้างแข็งทื่อ เมื่อไม่นานมานี้นางยังต่อสู้และต้องการฆ่าฟางหยวน แต่ตอนนี้โชคชะตากลับดำเนินไปอย่างลึกลับ ฟางหยวนกลายเป็นผู้นำของนางในเวลาอันสั้น นางยังไม่สามารถยอมรับได้อย่างสมบูรณ์
ไห่ลั่วหลันกัดฟันก่อนจะถอนหายใจ “ไห่ลั่วหลันคารวะผู้นำนิกาย”
นางเคยร่วมงานกับฟางหยวนก่อนจะกลายเป็นศัตรู นางยังใช้ป้าของนางดักจับฟางหยวน แต่หลังจากเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียน นางถูกบังคับให้เข้าร่วมกับนิกายเงา
ดังนั้นตอนนี้ไห่ลั่วหลันจึงต้องก้มศีรษะลง
“ผู้ใดจะคิดว่าวันนี้เราจะได้ร่วมงานกันอีกครั้ง” ไป่หนิงปิงยืนกอดอกและถอนหายใจ
ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับฟางหยวนยิ่งยาวนานกว่า
จากภูเขาชิงเหมา พวกเขาเดินทางมาด้วยกัน พวกเขากลายเป็นศัตรูก่อนจะต้องร่วมมือกันอีกครั้ง นี่เป็นเรื่องที่ลึกลับอย่างแท้จริง
สำหรับอิงอู๋เซี่ย เขายังติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน
ฟางหยวนกวาดตามองผู้อมตะเหล่านี้
กายาแห่งความฝันมีอายุขัยจำกัด เมื่อถึงเวลา พวกมันจะระเบิดตัวเอง ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด อายุขัยของพวกมันก็ยิ่งสั้นเท่านั้น
ดังนั้นกายาแห่งความฝันจึงเป็นได้เพียงเหยื่อล่อ
ท่ามกลางสมาชิกของนิกายเงา คนที่สำคัญมีเพียงอิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน ไป่หนิงปิง เทพธิดาเมี่ยวหยิน และนางเสือดำ
นอกจากนี้ยังมีผมที่หกสายลับของนิกายเงาที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ในบรรดาคนทั้งหก ไห่ลั่วหลันเป็นคนที่น่าเชื่อถือที่สุดสำหรับฟางหยวนเพราะข้อตกลงพันธมิตรทำให้นางไม่สามารถทรยศเขา
เทพธิดาเมี่ยวหยินและนางเสือดำเป็นสมาชิกของนิกายเงาเนื่องจากมรดกที่แท้จริงของราชันภูเขาม่วง หลังจากรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของราชันภูเขาม่วง ฟางหยวนจึงเข้าใจหญิงทั้งสองเป็นอย่างดี
อิงอู๋เซี่ยและผมที่หกเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เมื่อฟางหยวนกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายเงา พวกเขาจึงต้องยอมรับเขา ส่วนพวกเขาจะทำตามคำสั่งของฟางหยวนหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับทักษะการเป็นผู้นำของฟางหยวน
ไป่หนิงปิงเป็นคนที่ควบคุมได้ยากที่สุด
นางทำข้อตกลงกับนิกายเงาโดยมีสถานะที่เท่าเทียม แม้ราชันภูเขาม่วงจะยังอยู่ ไป่หนิงปิงก็ไม่เกรงกลัวโดยไม่ต้องกล่าวถึงฟางหยวนที่พึ่งกลายเป็นผู้นำของนิกายเงา
ในเวลานี้ความคิดมากมายพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวน
ต่อมาเขาก็เปิดปากกล่าว “ไห่ลั่วหลัน ดูแลค่ายกลวิญญาณแทนข้า ข้าต้องปลุกอิงอู๋เซี่ย”
เขาควบคุมค่ายกลวิญญาณเพื่อต่อต้านเทพธิดาจื่อเว่ย มันยากสำหรับเขาที่จะแบ่งสมาธิเพื่อใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ซับซ้อน
เหตุผลที่เขาเลือกไห่ลั่วหลันเพราะนางเป็นคนที่เชื่อถือได้มากที่สุด
ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน!
ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการช่วยอิงอู๋เซี่ยและทำให้เขาสามารถหลบหนีจากอาณาจักรแห่งความฝัน
อย่างไรก็ตามแม้อิงอู๋เซี่ยจะตื่นขึ้นแต่เขาก็อยู่ในสภาพที่ไม่ปกติ
เขาสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปอย่างสิ้นเชิง เขานอนอยู่บนพื้นราวกับดวงวิญญาณหลุดออกจากร่าง
อาจกล่าวได้ว่าจิตใจของเขาถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
เทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับกุม ราชันภูเขาม่วงเสียชีวิต ความหวังและความฝันของอิงอู๋เซี่ยถูกทำลาย
เขารู้สึกเหมือนไร้อนาคต มันมืดมนและไม่มีความหวัง
ตั้งแต่ชีวิตของเขาเริ่มขึ้น เป้าหมายในการช่วยร่างหลักกระตุ้นและผลักดันเขาให้ก้าวไปข้างหน้าเสมอ แต่ตอนนี้เป้าหมายนี้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ อิงอู๋เซี่ยจึงสูญเสียแรงผลักดันทั้งหมด
‘แม้อิงอู๋เซี่ยจะเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ แต่เขายังเด็กเกินไป เขามีชีวิตไม่นานเท่าราชันภูเขาม่วง’
ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้และเริ่มกระตุ้น “มรดกที่ราชันภูเขาม่วงทิ้งไว้ในมิติช่องว่างของเจ้าอยู่ที่ใด? นำมาให้ข้า”
แม้อิงอู๋เซี่ยจะรู้สึกหดหู่แต่เขายังรับรู้ถึงตัวตนของฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงนำเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงออกมาพร้อมกับวิญญาณอมตะและพลังงานอมตะระดับแปด
“ราชันภูเขาม่วง?” ฟาหงยวนก้าวถอยหลัง
แม้มันจะเป็นเพียงเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงแต่ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะรวมถึงพลังงานอมตะ มันยังเป็นภัยคุกคามต่อฟางหยวน
ดวงแสงสีม่วงค่อยๆก่อรูปร่างเป็นราชันภูเขาม่วงขณะที่วิญญาณอมตะและพลังงานอมตะลอยเข้าไปหาฟางหยวนตามสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้
ฟางหยวนปรับแต่งพวกมันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้ราชันภูเขาม่วงกล่าวว่าจะมอบมรดกให้ฟางหยวน แต่เขาไม่สามารถส่งมรดกเหล่านี้เข้าสู่มิติช่องว่างของฟางหยวนได้โดยตรง ดังนั้นมันจึงถูกฝากไว้กับอิงอู๋เซี่ย
แน่นอนว่าราชันภูเขาม่วงไม่ได้ร้องขอสิ่งใดจากฟางหยวน แต่ความตั้งใจของเขาชัดเจนมาก
ราชันภูเขาม่วงต้องการให้ฟางหยวนช่วยชีวิตคนเหล่านี้
และแน่นอนว่าแม้ฟางหยวนจะปฏิเสธ เขาก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
‘ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้!’ ฟางหยวนถอนหายใจ
แผนเดิมของเขาคือการกำจัดนิกายเงา หากเขาโชคดีเขาอาจสามารถจับกุมเทพปีศาจจิตวิญญาณ
แน่นอนว่าเขาหวังสูงเกินไปมาก
เขารู้ว่ามันเป็นเรื่งอยากที่จะจับเทพปีศาจจิตวิญญาณ แม้เขาจะทำสำเร็จ การค้นวิญญาณก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบาก