เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - ตอนที่ 1440
ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ห้องหลอมรวมวิญญาณ
เปลวไฟสีฟ้ากลายเป็นภูเขาน้ำแข็งไปแล้ว
ฟางหยวนยกมือขึ้นและกดฝ่ามือลงบนภูเขาน้ำแข็งด้วยดวงตาส่องประกาย
กลิ่นอายของวิญญาณจำนวนมากปะทุขึ้นจากร่างของเขา
เขากำลังใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม
ภายใต้ความพยายามของฟางหยวน ไฟสีฟ้ายังลุกไหม้ขึ้นอย่างเงียบๆที่ใจกลางภูเขาน้ำแข็ง
ตัวอ่อนของวิญญาณอมตะเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย
ผมที่หกที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกมีความสุข
ความคืบหน้านี้เกินกว่าสิ่งที่เขาเคยทำ
นี่ไม่ได้หมายความว่าความสามารถของฟางหยวนเหนือกว่าผมที่หก แต่มันเป็นเพราะโชค
และเหตุผลสำคัญยิ่งกว่าก็คือวิธีการหลอมรวมวิญญาณ
‘ผู้ใดจะคิดว่านิกายของเราจะได้รับมรดกที่แท้จริงของผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ในอดีตกาลเพ่ยเหลา’ ผมที่หกลอบถอนหายใจอยู่ภายใน
เพ่ยเหลาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและมีความเชี่ยวชาญด้านการหลอมรวมด้วยน้ำแข็ง จนถึงปัจจุบันวิธีการหลอมรวมด้วยน้ำแข็งของเขายังคงอยู่บนจุดสูงสุด
ตอนนี้ฟางหยวนกำลังหลอมรวมวิญญาณด้วยวิธีการของเพ่ยเหลา ดังนั้นเขาจึงสามารถก้าวข้ามผมที่หกและเหลืออีกไม่กี่ก้าวก่อนจะประสบความสำเร็จ
แม้ผมที่หกจะเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณและเป็นสมาชิกของนิกายเงา
แต่เขาเป็นสายลับอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเก็บความทรงจำเอาไว้มากนัก มิฉะนั้นมันอาจเปิดเผยข้อบกพร่อง
ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายเงาและได้รับมรดกทั้งหมดของนิกายมาแล้ว รากฐานของเขาพุ่งสูงขึ้นอีกมาก
กระทั่งฟางหยวนเองยังรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
หากเปรียบเทียบรากฐานของฟางหยวนก่อนหน้านี้เป็นทะเลสาบ หลังจากได้รับมรดกของนิกายเงา ตอนนี้มันเหมือนมหาสมุทร
กระทั่งรากฐานของนิกายหลางหยาก็ยังด้อยกว่ารากฐานของนิกายเงา หลังจากทั้งหมดบรรพชนผมยาวเป็นเพียงผู้อมตะระดับแปดขณะที่เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นผู้อมตะระดับเก้า
ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถเลือกวิธีที่ดีที่สุดเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจ
‘ดี ตัวอ่อนของวิญญาณอมตะก่อตัวขึ้นแล้ว มันกำลังจะสำเร็จ!’
ผมที่หกตื่นเต้นมาก
สายตาของเขาหันไปทางฟางหยวนอีกครั้ง
‘ชายผู้นี้…’ ดวงตาของผมที่หกเปลี่ยนเป็นซับซ้อน
‘เขามีรากฐานที่แข็งแกร่งบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม นอกจากพรสวรรค์ วิธีการหลอมรวมของเพ่ยเหลาก็เหมาะสมกับเขามาก!’ ผมที่หกคิดกับตนเอง
วิธีการหลอมรวมวิญญาณมีหลากหลายวิธีเช่นการหลอมรวมด้วยไฟ การหลอมรวมด้วยน้ำแข็ง การหลอมรวมด้วยเวลา และอื่นๆ บางคนเหมาะสมกับวิธีการหลอมรวมด้วยไฟขณะที่บางคนเหมาะสมกับวิธีการหลอมรวมด้วยน้ำ
ฟางหยวนพบว่าวิธีการหลอมรวมด้วยน้ำแข็งเหมาะสมกับเขามาก
‘ดูเหมือนว่าข้าควรฝึกฝนวิธีการหลอมรวมด้วยน้ำแข็งในเวลาว่าง มันเหมาะสมกับบุคลิกของข้ามากกว่าการหลอมรวมด้วยเลือด’
ในมิติช่องว่างของฟางหยวน ร่างแยกจำนวนมากของเขากำลังจัดเตรียมความพร้อมสำหรับท่าไม้ตายอมตะ
ระหว่างการหลอมรวมวิญญาณ ร่างแยกเหล่านี้เป็นตัวช่วยชั้นยอดของเขา
เมื่อท่าไม้ตายอมตะถูกกระตุ้นใช้งาน ฟางหยวนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วร่างและต่อต้านความเย็นที่มาจากภายนอก
ภูเขาน้ำแข็งปลดปล่อยมวลอากาศเย็นออกมาตลอดเวลา ผู้หลอมรวมต้องอดทนต่อความหนาวเย็นชนิดนี้ นี่เป็นข้อเสียของวิธีการหลอมรวมด้วยน้ำแข็ง
หากท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนไม่ถูกยกระดับขึ้น มันจะกลายเป็นเรื่องยากสำหรับฟางหยวน
แต่ด้วยท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนฉบับปรับปรุงใหม่ เขาสามารถผ่านความยากลำบากนี้ไปได้อย่างง่ายดาย
ขณะที่ฟางหยวนกำลังหลอมรวมวิญญาณ ที่ภาคกลางฟงจินฮวงเดินขึ้นไปบนยอดเขา
มันเป็นยามเช้าที่ท้องฟ้ายังมืดมิด
ฟงจินฮวงมองไปในระยะไกลด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
นางถูกเลี้ยงดูมาภายใต้การคุ้มครองจากบิดามารดาที่เป็นผู้อมตะ ก่อนหน้านี้นางไม่เคยรู้จักความโศกเศร้า อย่างไรก็ตามตอนนี้นางกลับได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้และความยากลำบากของชีวิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจ้าวเหลียนหยุนประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ
สิ่งนี้ช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้กับฝ่ายต่อต้านฟงจิวเก้อในนิกายคฤหาสน์วิญญาณและเนื่องจากฟงจิวเก้อยังอยู่ที่ทะเลทรายตะวันตก เทพธิดาไป่ชิงเพียงผู้เดียวจึงไม่สามารถจัดการปัญหานี้
เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ฟงจินฮวงประสบปัญหาและความขมขื่นที่นางไม่เคยเผชิญหน้ามาก่อน ในสายตาของนาง นิกายเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“เห้อ…” นางนั่งลงบนก้อนหินและถอนหายใจ
นางเริ่มคิดถึงจ้าวเหลียนหยุน
หญิงผู้นี้มาทีหลังแต่กลับฉกชิงเป้าหมายของฟงจินฮวงไป แรกเริ่มคือตำแหน่งผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณ ต่อมานางยังประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ตอนนี้นางไม่ใช่ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์อีกต่อป
ภาพของจ้าวเหลียนหยุนที่คุกเข่าอ้อนวอนอยู่ต่อหน้ายังชัดเจนอยู่ในใจของฟงจินฮวง
‘จ้าวเหลียนหยุนเป็นปีศาจต่างโลก ฟางหยวนก็เป็นปีศาจต่างโลก เหตุใดข้าถึงแพ้ปีศาจต่างโลกเสมอ’ ความคิดของฟงจินฮวงล่องลอยออกไป ฉากที่ไม่สามารถลืมเลือนปรากฏขึ้นในใจของนางอีกครั้ง
มันคือยอดเขาตงฮันและเป็นครั้งแรกที่นางเห็นฟางหยวน…
ใบหน้าของฟงจินฮวงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที นางส่ายศีรษะและพยายามปัดเป่าความคิดนี้ออกไป
‘มีประโยชน์ใดให้คิดถึงเรื่องนี้’
‘ฟงจินฮวง ฟงจินฮวง เจ้าต้องทำงานหนักต่อไป! เจ้าต้องพยายามให้มากขึ้น กลายเป็นผู้อมตะและช่วยท่านพ่อท่านแม่!’
ฟงจินฮวงรวบรวมความคิดและเริ่มสรุปประสบการณ์การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันครั้งล่าสุดของนาง
มันคืออาณาจักรแห่งความฝันของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเพ่ยเหลา
‘หลังจากผ่านอาณาจักรแห่งความฝันนี้ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของข้าได้ก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์เอกแล้ว ผู้อาวุโสเพ่ยเหลาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการหลอมรวมด้วยน้ำแข็ง มาลองดูกัน’
ฟงจินฮวงยกมือของนางขึ้นและขยับนิ้วเป็นจังหวะ
ลมเย็นพัดอยู่รอบๆมือของนางและทำให้มันทรงพลังมากขึ้น
ฟงจินฮวงเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ด้วยความสำเร็จดังกล่าว วิญญาณบางดวงจึงปรากฏขึ้นในไม่ช้า
มันคือวิญญาณระดับสามบนเส้นทางแห่งน้ำแข็ง มันบินไปเกาะบนไหล่ของฟงจินฮวงและไม่ขยับเขยื้อน
จากนั้นวิญญาณดวงที่สองและสามก็บินตามมา
ยิ่งไปกว่านั้นระดับของพวกมันก็ค่อยๆสูงขึ้นจากระดับสามเป็นระดับสี่และระดับห้า
ฟงจินฮวงรู้สึกมีความสุข ดวงตาของนางส่องประกายขณะที่นิ้วของนางขยับเร็วขึ้น
แต่ในวินาทีต่อมา มวลอากาศเย็นกลับระเบิดขึ้นอย่างกะทันหัน นางล้มเหลวและประสบกับผลกระทบย้อนกลับ
‘บัดซบ!’ หัวใจของฟงจินฮวงจมดิ่งลง ใบหน้าของนางกลายเป็นซีดขาว นางปิดเปลือกตาลงและกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด
แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฟงจินฮวงค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง
นางเห็นชายร่างสูงยืนอยู่ด้านหน้าและยื่นมือข้างหนึ่งมาที่นาง มวลอากาศเย็นที่ระเบิดไปแล้วกลับควบรวมเป็นก้อนน้ำแข็งอยู่ในมือของเขา
เขาดูยิ่งใหญ่และทรงพลังมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยสติปัญญาและประสบการณ์ชีวิต แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของฟงจินฮวงมากที่สุดก็คือเขามังกรบที่ดูเหมือนปะการังบนหน้าผากของชายผู้นี้
“ผู้อาวุโสคือผู้ใด? ขอบคุณที่ช่วยข้าไว้” ฟงจินฮวงเร่งโค้งคำนับ
ชายร่างสูงยิ้ม “มีวิธีหลอมรวมวิญญาณมากมาย แต่การหลอมรวมวิญญาณด้วยน้ำแข็งไม่เหมาะสมกับเจ้า ฟงจินฮวง ธรรมชาติของเจ้าเป็นคนกระฉับกระเฉงและสดใส เจ้าเหมาะสมกับวิธีการหลอมรวมด้วยโลหะหรือไฟ สำหรับวิธีการหลอมรวมด้วยน้ำแข็ง มันเหมาะสมกับคนที่มีความอดทนสูง”
ชายร่างสูงกำหมัดเบาๆและทำลายก้อนน้ำแข็งในฝ่ามือ
ฟงจินฮวงรู้สึกประหลาดใจ นางตระหนักถึงพลังอำนาจของมวลอากาศเย็นนี้เป็นอย่างดี มันเพียงพอที่จะทำร้ายผู้ใช้วิญญาณระดับห้าได้อย่างรุนแรง
ดวงตาของนางสว่างขึ้น “ผู้อาวุโสเป็นผู้อมตะเช่นนั้นหรือ? ท่านเป็นสหายของท่านพ่อท่านแม่ของข้าใช่หรือไม่?”
ฟงจินฮวงรู้จักผู้อมตะมากมาย ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกอึดอัด โดยทั่วไปแล้วผู้อมตะเหล่านั้นค่อนข้างดีต่อนางเพราะชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของฟงจิวเก้อ
ชายร่างสูงพยักหน้า “ข้ารู้จักพ่อแม่ของเจ้า แต่ครั้งนี้ข้ามาหาเจ้าโดยเฉพาะ”
“มาหาข้า?” ฟงจินฮวงรู้สึกประหลาดใจ
“ถูกต้อง” ชายร่างสูงกล่าวต่อ “ฟงจินฮวง ในอนาคตเจ้าจะกลายเป็นเทพอมตะแห่งความฝันที่ยิ่งใหญ่ เจ้าถูกกำหนดให้เข้าสู่วังสวรรค์และเป็นผู้นำในยุคนี้ จงทำให้โลกตื่นตะลึงและยืนอยู่บนจุดสูงสุดของผู้อมตะทั้งหมด ข้าคือราชันมังกรจากวังสวรรค์ ข้ามาที่นี่เพื่อรับเจ้าเป็นศิษย์และนำเจ้าไปสู่บังลังก์อันยิ่งใหญ่ของผู้อมตะระดับเก้า!”
“อันใด!?” ปากของฟงจินฮวงอ้ากว้างขณะที่นางมองชายร่างสูงด้วยความงุนงง
ราชันมังกรยิ้มและแสดงออกอย่างเป็นมิตร
อย่างไรก็ตามฟงจินฮวงกำลังคิดว่าชายผู้นี้เป็นนักต้มตุ๋นหรือไม่
นางไม่รู้จักราชันมังกร
ฟงจินฮวงยังเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ นางไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลนี้
หลังจากทั้งหมดผู้อมตะกับมนุษย์อยู่ในโลกสองใบที่แตกต่างกัน
“ท่านลุง มีคำทำนายเกี่ยวกับเทพอมตะแห่งความฝันที่ยิ่งใหญ่ แต่ข้าจะเป็นผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้อย่างไร?” ฟงจินฮวงถาม
“อย่าสงสัยในตัวเอง” ราชันมังกรยิ้ม “เจ้าคือเทพอมตะในอนาคต เมื่อเจ้ายังเด็ก วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันเลือกเจ้า นี่คือสัญญาณ! ชีวิตของเจ้าควรจะราบรื่นและพบกับความสำเร็จอันน่าทึ่ง น่าเสียดายที่มีสิ่งกีดขวางบางอย่างปรากฏขึ้น”
“เหล่าปีศาจต่างโลกไม่ถูกผูกมัดด้วยโชคชะตา พวกเขาขโมยผลประโยชน์ที่เจ้าควรได้รับไป”
“ตัวอย่างเช่นแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและตำแหน่งผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน”
“แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ”
“วิญญาณชะตากรรมกำลังจะฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ภายในสิบปี เจ้าต้องกลายเป็นเทพอมตะแห่งความฝันเพราะทั้งหมดถูกกำหนดไว้แล้วโดยโชคชะตา!”
ราชันมังกรกล่าวอย่างจริงจังราวกับไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สามารถสั่นคลอนหรือเปลี่ยนแปลงความจริงนี้ได้
ฟงจินฮวงได้รับผลกระทบจากคำกล่าวของเขา นางนิ่งเงียบไปชั่วครู่และไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมา