เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - ตอนที่ 1451
ไม่กี่วันต่อมา
ภาคกลาง นิกายคฤหาสน์วิญญาณ
จ้าวเหลียนหยุนเพ่งจิตเข้าไปตรวจสอบมิติช่องว่างของนาง
แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนแตกต่างจากก่อนหน้า
ตอนนี้มีทุ่งดอกไม้ที่สว่างไสวเติบโตอยู่มากมาย มันคือดอกเนตรกระจ่างซึ่งเป็นอาหารของวิญญาณความทรงจำ
นอกจากนี้ยังมีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่และมีนกนางแอ่นบินอยู่เหนือทุ่งหญ้าแห่งนี้
จ้าวเหลียนหยุนซื้อนกนางแอ่นเหล่านี้มาเพื่อกำจัดศัตรูพืช
นี่คือทุ่งหญ้าบังเอิญ
‘ข้าใช้หินวิญญาณอมตะไปเกือบหมดแล้ว’ จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจขณะมองดูฉากที่อยู่ตรงหน้า
แรกเริ่มนางรู้สึกว่านางมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมหาศาล แต่เมื่อนางเริ่มใช้มัน นางก็พบว่ามันไม่มากเลย เพราะนางไม่เพียงต้องเพาะปลูกพืชทั้งสองชนิดแต่นางยังต้องสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์ให้กับพวกมันอีกด้วย
นางต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าดิน ค่าเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และอื่นๆอีกมากมาย
‘ดอกเนตรกระจ่างจะสามารถเป็นแหล่งอาหารให้กับวิญญาณความทรงจำหลังจากหนึ่งปีในมิติช่องว่างของข้า หลังจากสองปีข้าจะสามารถขายหญ้าบังเอิญและดอกเนตรกระจ่างเพื่อให้ได้รับหินวิญญาณอมตะหลายร้อยก้อน หลังจากสามปีข้าจะสามารถคืนเงินที่ยืมมาจากหลี่จุนอิง’
‘แต่นี่ยังเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดเท่านั้น ข้ายังไม่ได้คำนวณค่าใช้จ่ายในการบ่มเพาะอื่นๆของข้า’
จ้าวเหลียนหยุนเข้าใจแล้วว่าการบ่มเพาะของผู้อมตะไม่ใช่เรื่องง่าย
นางมีแหล่งทรัพยากรเพียงสองอย่างเท่านั้นและทั้งคู่ก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกัน แต่ความยากในการเพาะปลูกพืชยังน้อยกว่าการเลี้ยงสัตว์อสูรหรือมนุษย์กลายพันธุ์
จ้าวเหลียนหยุนมีมิติช่องว่างระดับสูงที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและห้วงมิติ ที่สำคัญที่สุดคือนางได้รับการปกป้องจากผนึกศักดิ์สิทธิ์ นางไม่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใดๆทั้งสิ้น
‘จำนวนนกนางแอ่นมีน้อยเกินไป พวกมันไม่สามารถดูแลทุ่งหญ้าทั้งหมด ข้าควรซื้อเพิ่ม’ จ้าวเหลียนหยุนเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองและส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางเข้าไป
ตอนนี้นางตระหนักถึงความสะดวกสบายของสวรรค์สีเหลืองแล้ว
‘วิญญาณความเด็ดเดี่ยว!’ จ้าวเหลียนหยุนค้นพบคนขายวิญญาณความเด็ดเดี่ยวอย่างรวดเร็ว
นางรู้ว่าวิญญาณความเด็ดเดี่ยวมีต้นกำเนิดมาจากฟางหยวน แต่เนื่องจากสินค้ามีไม่มากเท่ากับความต้องการซื้อ ดังนั้นมันจึงถูกนำมาขายต่อเพื่อทำกำไรในสวรรค์สีเหลือง ด้วยเหตุนี้ผู้ขายวิญญาณความเด็ดเดี่ยวจึงไม่จำเป็นต้องเป็นฟางหยวน นอกจากนั้นเจตจำนงและอัตลักษณ์ของผู้อมตะก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา สวรรค์สีเหลืองถือเป็นตลาดเสรีที่มีความปลอดภัยสูง กระทั่งวังสวรรค์ก็ทำได้เพียงมองดูฟางหยวนขายวิญญาณความเด็ดเดี่ยวเท่านั้น
‘แม้ข้าจะสามารถขายดอกเนตรกระจ่างและหญ้าบังเอิญหลังจากไม่กี่ปี แต่ข้ายังมีคู่แข่งรายอื่น สินค้าของข้าจะถูกกดราคา มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณความเด็ดเดี่ยว’
ฟางหยวนเป็นศัตรูของจ้าวเหลียนหยุน ดังนั้นนางจึงให้ความสนใจกับธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยว
แต่ยิ่งนางให้ความสนใจมากเท่าใด นางก็ยิ่งตระหนักถึงความแข็งแกร่งของฟางหยวนมากเท่านั้นและมันก็ทำให้นางรู้สึกหดหู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
‘ข้าไม่สามารถไล่ตามฟางหยวน นอกจากนั้นข้ายังถูกทิ้งไว้ไกลมาก บัดซบ!’ จ้าวเหลียนหยุนกัดฟันแน่น
ในเวลานี้ด้วยเหตุผลบางประการ ความโกลาหลครั้งใหญ่เกิดขึ้นด้านหน้าของนาง เจตจำนงของผู้อมตะจำนวนมากที่กระจัดกระจายอยู่ในสวรรค์สีเหลืองเริ่มมารวมตัวกันที่นี่
หัวใจของจ้าวเหลียนหยุนสั่นไหว ‘มันเป็นธุรกรรมขนาดใหญ่งั้นหรือ? หลี่จุนอิงกล่าวว่าธุรกรรมขนาดใหญ่อาจทำให้เกิดความโกลาหล มันหาได้ยากในสวรรค์สีเหลือง ก่อนหน้านี้มันเกิดขึ้นตอนที่บางคนขายอสูรปีจำนวนมาก ข้าไม่คาดหวังว่าข้าจะโชคดีได้พบเหตุการณ์นี้หลังจากกลายเป็นผู้อมตะเพียงไม่นาน’
เป็นธรรมชาติที่จ้าวเหลียนหยุนย่อมไม่ยอมละทิ้งโอกาสที่จะได้เปิดหูเปิดตา นางเร่งเดินทางไปยังต้นกำเนิดของความโกลาหลทันที
ไม่นานนางก็ไปถึงที่เกิดเหตุ
เจตจำนงของผู้อมตะร่างอ้วนนั่งไขว้ขาอยู่กลางอากาศ รอบตัวเขาเต็มไปด้วยวิญญาณปี
วิญญาณปีจำนวนมาก!
‘วิญญาณปี? ดูเหมือนมันจะมีมากกว่าหนึ่งแสนดวง!’ จ้าวเหลียนหยุนตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นวิญญาณปีมากมายถึงเพียงนี้
สิ่งนี้ทำให้เกิดเป็นฉากที่อลังการ
‘หลี่จุนอิงกล่าวถูก วิญญาณระดับมนุษย์จะมีคุณค่าด้วยปริมาณเท่านั้น’ จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจ
“วิญญาณปีเหล่านี้ขายอย่างไร?” ผู้อมตะบางคนสอบถามราคา
ผู้อมตะร่างอ้วนตอบด้วยรอยยิ้มโดยอ้างอิงราคาที่ยุติธรรม
“หากวิญญาณปีเหล่านี้ไม่มีปัญหา ข้าก็ต้องการซื้อพวกมันเช่นกัน”
“นี่คือวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งกาลเวลา พวกมันสามารถใช้งานได้หลากหลายเช่นใช้มันในการหลอมรวมวิญญาณหรืออื่นๆ ราคายุติธรรมดี ข้าควรซื้อมันเก็บไว้เล็กน้อย แม้จะไม่ได้ใช้งาน ข้าก็ยังสามารถนำไปขายต่อและไม่ต้องกังวลว่าจะขายไปออก”
“เขาคือผู้ใด? การขายวิญญาณปีในเวลานี้ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีมาก ตามปกติมันยังไม่ถึงเวลาที่ผู้ขายวิญญาณปีรายใหญ่จะนำสินค้าออกมาขาย”
กลุ่มผู้อมตะพูดคุยกัน
เจตจำนงเหล่านี้กล่าวออกมาอย่างเปิดเผย มันทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย
นางตั้งใจฟังและในไม่ช้าก็พบว่าผู้ขายคนนี้อาจเป็นผู้ขายรายใหม่สำหรับสวรรค์สีเหลือง แม้เวลาขายของเขาจะเร็วกว่าฤดูกาล แต่มันยังยากที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกับผู้ขายเดิม
มันไม่เป็นไรหากเขาจะขายวิญญาณปีเพียงครั้งเดียว แต่หากเขาต้องการทำธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่อง เขาจะถูกบังคับให้เข้าสู่สงครามราคาและนำไปสู่การนองเลือด
ดวงตาของจ้าวเหลียนหยุนส่องประกายขึ้น
หากเป็นกรณีหลัง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือเหตุการณ์ที่นางต้องให้ความสนใจและเรียนรู้จากมัน
‘ข้าต้องขายทรัพยากรของตนเองผ่านสวรรค์สีเหลืองในอนาคต ทรัพยากรของข้าไม่ใช่สินค้าที่ไม่เหมือนผู้ใด ข้าต้องผ่านอุปสรรคนี้เช่นกัน มีธุรกิจผูกขาดอยู่ไม่มาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโชคเหมือนฟางหยวน! ข้าต้องเรียนรู้จากธุรกรรมนี้เอาไว้ให้มาก!’
จ้าวเหลียนหยุนเตือนตนเอง
ผู้อมตะจำนวนมากเริ่มซื้อวิญญาณปี
วิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลาสามารถใช้งานได้หลากหลาย มันสามารถขายได้เสมอ
ธุรกรรมนี้ทำให้ผู้อมตะหลายคนรู้สึกอิจฉา
‘ด้วยการประมาณแบบคร่าวๆ ผู้ขายรายนี้สามารถทำกำไรได้ออย่างน้อยห้าหมื่นหินวิญญาณอมตะในช่วงเวลาสั้นๆ’ จ้าวเหลียนหยุนลอบตกตะลึงอยู่ภายใน
แต่สิ่งที่น่าตกใจจริงๆกลับเป็นหลังจากนั้น
ผู้ขายรายนี้ยังเติมสินค้าอย่างต่อเนื่อง พวกมันกระทั่งมีมากกว่าก่อนหน้า
“โอ้ สวรรค์ เขามีวิญญาณปีมากเท่าใด?”
“นี่เป็นธุรกรรมครั้งใหญ่อย่างแท้จริง”
“คนผู้นี้มาเพื่อนองเลือด! ผู้ขายวิญญาณปีรายใหญ่คือเซี่ยเปาซู หรงซิน และหวังหมิงเยว่ หากไม่มีการจัดการที่ดี มันจะนำไปสู่สงครามราคา!”
จ้าวเหลียนหยุนขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ขายรายนี้เทขายสินค้าออกมาอย่างหนัก ผู้ขายรายใหญ่ทั้งสามย่อมไม่ยินดีที่จะเห็นสิ่งนี้
สงครามวิญญาณปีกำลังจะเริ่มขึ้น!