เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - ตอนที่ 1479
มิติช่องว่างจักรพรรดิ ภาคใต้น้อย ภูเขาผนึกสวรรค์
มันเคยเป็นสถานที่ผนึกร่างผีดิบอมตะของฟางหยวน
ภูเขาลูกนี้ถูกเรียกว่าภูเขาผนึกสวรรค์เพราะมันหมายถึงการผนึกเจตจำนงสวรรค์
ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศและมองลงไปที่ภูเขาผนึกสวรรค์โดยมีผมที่หกอยู่ข้างกาย
การอนุญาตให้ผมที่หกเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นสิ่งที่ฟางหยวนไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบแล้ว
โดยปกติมิติช่องว่างของผู้อมตะจะถูกเก็บไว้เป็นความลับเพราะมันเป็นรากฐานของพวกเขา
แต่ฟางหยวนอนุญาตให้สมาชิกนิกายเงาเข้ามาในมิติช่องว่างของเขาก่อนแล้ว ขณะที่ผมที่หกก็เป็นหนึ่งในสมาชิกนิกายเงา ดังนั้นฟางหยวนจึงมอบความไว้วางใจให้ผมที่หกเช่นกัน
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมที่หกช่วยฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณอมตะอย่างเต็มความสามารถ ฟางหยวนสามารถเห็นถึงความตั้งใจจริงของเขาและจดจำมันไว้
เหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือผมที่หกและอิงอู๋เซี่ยสามารถติดต่อกัน พวกเขาเป็นสมาชิกนิกายเงาตั้งแต่เริ่มต้น ดังนั้นทั้งสองจึงเข้าใจมิติช่องจักรพรรดิเป็นอย่างดี เมื่ออิงอู๋เซี่ยเคยเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะซ่อนสิ่งนี้จากผมที่หกอีก
“ข้าจะเริ่มหลมอรวมวิญญาณแล้ว” ฟางหยวนกล่าว
ผมที่หกพยักหน้า “ท่านผู้นำ ข้าจะช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่”
การหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาในครั้งนี้มีความสำคัญมาก ฟางหยวนต้องการความช่วยเหลือจากผมที่หก
นอกจากนั้นฟางหยวนยังยืมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมมาจากนิกายหลางหยาเพื่อใช้พวกมันจัดตั้งค่ายกลวิญญาณ
โดยการใช้ลูกพลัมแดงอมตะเป็นเชื้อเพลิง ค่ายกลวิญญาณอมตะถูกกระตุ้นใช้งานในที่สุด
คลื่นแสงสีขาวอาบย้อมภูเขาผนึกสวรรค์เอาไว้ทั้งหมด
ครู่ต่อมาฟางหยวนก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เตรียมไว้
“บึม!”
เสาแสงสีทองขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าและทะลวงลึกลงไปยังจุดศูนย์กลางของภูเขาผนึกสวรรค์
เสาแสงสีทองปะทะร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนและกลืนกินมันเข้าไป
หลังจากนั้นฟางหยวนก็นำสัตว์อสูรเดียวดายที่มีชีวิตออกมา
“ฉับ!”
แสงดาบพุ่งตัดศีรษะของสัตว์อสูรเดียวดายออกทันที
“พรวด!”
เลือดจำนวนมากทะลักออกมาจากลำคอที่ปราศจากศีรษะของสัตว์อสูรเดียวดายราวกับน้ำพุสีแดง
กลิ่นคาวเลือดกระจายออกไปขณะที่เลือดของสัตว์อสูรเดียวดายถูกเสาแสงสีทองดูดกลืนเข้าไป
ในไม่ช้าซากศพของสัตว์อสูรเดียวดายก็แห้งเหี่ยวลงเมื่อเลือดของมันถูกดูดออกไปจนหมด
ปรากฏร่องรอยของแสงสีแดงเลือดอยู่ภายในเสาแสงสีทอง นั่นทำให้มันดูน่ากลัวและทรงพลังมากกว่าก่อนหน้า
ฆ่า ฆ่า ฆ่า…
ฟางหยวนฆ่าสัตว์อสูรเดียวดายเจ็ดตัวอย่างไร้ปรานี
เสาแสงสีทองดูดซับเลือดของสัตว์อสูรเข้าไปทั้งหมดและเปลี่ยนเป็นเสาแสงสีแดงเลือดอย่างสมบูรณ์
ผมที่หกพยักหน้า
เขาตระหนักว่าวิธีที่ฟางหยวนใช้คือท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดที่เรียกว่าเจ็ดสังหาร วิธีนี้มาจากนิกายหลางหยา ผมที่หกเคยได้ยินชื่อของมันแต่ไม่รู้รายละเอียด
ฟางหยวนวิเคราะห์ท่าไม้ตายนี้และนำแก่แท้ของมันมาปรับเปลี่ยนกระทั่งสามารถใช้ประโยชน์ได้ในครั้งนี้
แม้แต่ผมที่หกยังรู้สึกชื่นชม
ฟางหยวนควบคุมเสาแสงสีเลือดขณะที่ผมที่หกเริ่มเคลื่อนไหว
ผมที่หกมีงานใหญ่รออยู่
โดยไม่จำเป็นต้องรอสัญญาณจากฟางหยวน ผมที่หกรู้ว่าเขาต้องทำสิ่งใด
เขานำวัสดุในการหลอมรวมออกมา
มันเป็นดอกไม้หลากหลายชนิด มีดอกทานตะวันหน้าผี ดอกฝ้าย ดอกไม้สวรรค์ ดอกไม้เจ็ดสมบัติ ดอกชานม ดอกเปลือกหอยเหล็ก ดอกเรือใบ ดอกโลหิตพิษ ดอกไม้แสงหลากสี และอื่นๆ
ดอกไม้บางชนิดเป็นทรัพยากรระดับมนุษย์ขณะที่บางชนิดเป็นทรัพยากรอมตะ
ผมที่หกเริ่มแปรรูปดอกไม้เหล่านี้
การจัดการวัสดุในการหลอมรวมต้องใช้ความรู้ที่กว้างขวาง
โชคดีที่ผมที่หกบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม เขามีประสบการณ์มากมาย ในฐานะร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ รากฐานของเขายิ่งล้ำลึกและสามารถจัดการดอกไม้เหล่านี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
หลายนาทีผ่านไป ผมที่หกแปรรูปดอกไม้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
แก่นแท้ของพวกมันถูกสกัดออกมาและหลอมรวมเป็นหนึ่ง
ฟางหยวนควบแน่นเสาแสงสีเลือดให้เล็กลง
“ของเหลวพร้อมแล้ว” ผมที่หกส่งน้ำดอกไม้ที่ดูราวกับฟองอากาศลอยเข้าไปหาฟางหยวน
ฟางหยวนคว้ามันเอาไว้
เขาสูดหายใจก่อนที่เมฆสีดำจะปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ฟางหยวนคำรามและโยนน้ำดอกไม้ขึ้นไปด้านบน
น้ำดอกไม้พุ่งเข้าสู่ก้อนเมฆสีดำและเปลี่ยนมันให้เป็นสีชมพู
สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมา
ฟางหยวนแสดงออกอย่างเคร่งขรึม นิ้วของเขาขยับอย่างรวดเร็วจนสร้างเป็นภาพติดตา
ฝนสีชมพูผสานเข้ากับเสาแสงสีเลือดและหลอมรวมกับร่างผีดิบอมตะ
อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้
เสาแสงสีเลือดค่อยๆหดตัวลงและหายไปอย่างสมบูรณ์
ค่ายกลวิญญาณถูกกระตุ้นใช้งานอย่างเต็มที่
ด้วยความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ยกลระดับปรมาจารย์และแสงแห่งปัญญา เขาสามารถคิดค้นค่ายกลวิญญาณที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการหลอมรวมวิญญาณของเขา
ค่ายกลวิญญาณทำงานอย่างต่อเนื่องขณะที่ฟางหยวนนำท่อนไม้สีเหลืองอำพันที่มีลวดลายเหมือนก้อนเมฆออกมา
มันคือทรัพยากรอมตะไม้ศักดิ์สิทธิ์ลายเมฆสีทอง
ฟางหยวนส่งมันเข้าไปในค่ายกลวิญญาณราวกับเชื้อเพลิง
ไม้ศักดิ์สิทธิ์ลายเมฆสีทองแตกสลายไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไม้ก็ก่อตัวขึ้นบนร่างผีดิบอมตะ
ฟางหยวนสูดหายใจลึกและกล่าวกับผมที่หก “เข้าแทนที่ข้า”
หลังจากแปรรูปดอกไม้ ผมที่หกมีเวลาพักผ่อนเล็กน้อย กระทั่งเขาได้ยินคำสั่งของฟางหยวน เขาจึงเข้าควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะ
ฟางหยวนนั่งลงพักผ่อน
แม้กระบวนการทั้งหมดจะราบรื่นมาก แต่ในความเป็นจริงทุกย่างก้าวราวกับการเหยียบลงบนชั้นน้ำแข็งบางๆ เขาใช้จ่ายพลังงานอมตะไปเป็นจำนวนมากขณะที่จิตใจของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล
แม้เขาจะมาถึงจุดนี้แต่เขาก็แทบไม่สามารถดำเนินการต่อ
มันอันตรายที่จะดำเนินการต่อไปในสภาพนี้ ดังนั้นฟางหยวนจึงเลือกที่จะพักผ่อนและปล่อยให้ผมที่หกเข้าแทนที่
หลังจากทั้งหมดการหลอมรวมวิญญาณอมตะไม่ใช่เรื่องง่าย โดยปกติผู้อมตะจะไม่สามารถเข้าแทนที่ในการหลอมรวมวิญญาณของอีกคนได้โดยง่าย
เนื่องจากแต่ละคนมีแก่นแท้และกลิ่นอายที่แตกต่างกัน มันจะเกิดความขัดแย้งและข้อบกพร่องมากมายในการหลอมรวมวิญญาณ
แต่ฟางหยวนอนุมานมาอย่างชัดเจนแล้ว เขาออกแบบทุกขั้นตอนมาอย่างพิถีพิถันและจะไม่พบปัญหาดังกล่าว