เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - บทที่ 1537 สังหารผู้อมตะ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1537 สังหารผู้อมตะ
แปลโดย iPAT
“สมกับเป็นมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็ก” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับกองกำลังใหญ่ของทั้งห้าภูมิภาคเป็นอย่างดีจากข้อมูลของนิกายเงา
ทุกกองกำลังล้วนมีมรดกที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ตัวอย่างเช่นมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็กที่กระทั่งนิกายเงายังต้องการ
นิกายเงาไม่ประสบความสำเร็จในการรับมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็กแต่พวกเขายังได้รับข้อมูลบางส่วน ผู้สืบทอดมรดกนี้ต้องมีหัวใจแห่งความยุติธรรม พวกเขาจำเป็นต้องมีความมุ่งมั่นในการรักษาความยุติธรรมและลงโทษผู้กระทำความผิด
ไม่เพียงเท่านั้นแต่ฟางหยวนยังจำได้ว่าในสงครามห้าภูมิภาค ผู้อมตะไท่เมี่ยนเฉินผู้นี้ยังมีผลงานที่โดดเด่น เขาแสดงความแข็งแกร่งบนจุดสูงสุดของระดับเจ็ดออกมา แต่ในปัจจุบันเขายังห่างไกลจากจากจุดดังกล่าว
ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาอนุมานอย่างต่อเนื่องเพื่อคิดวิธีตอบโต้ปราณทรายเหล็ก
สุดท้ายฟางหยวนก็เลือกวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด
ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!
“โฮก…”
มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นและออกอาละวาด
“อันใด?” ใบหน้าของไท่เมี่ยนเฉินปรากฏให้เห็นถึงความตกใจ
ในช่วงเวลาสำคัญไท่เมี่ยนเฉินสูดหายใจลึกและกระตุ้นใช้ปราณทรายเหล็กอย่างเต็มความสามารถ
แต่ในเวลาน้อยกว่าสองลมหายใจปราณทรายเหล็กก็ถูกกำจัดไปอย่างสมบูรณ์โดยมังกรดาบบรรพกาล
ไท่เมี่ยนเฉินกระอักเลือดออกมาจากปาก เขาต้องการหลบหนีแต่เขาจะไปที่ใดได้?
มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าปิดล้อมเขา
“ท่านไท่เมี่ยนเฉิน!” ไท่รั่วหนานกรีดร้อง
มังกรดาบบรรพกาลจำนวนมหาศาลทำให้ร่างกายของผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบ
หลังจากไม่นานร่างเล็กก็บินออกมาจากฝูงมังกร มันคือไท่เมี่ยนเฉิน
เขาอ่อนแอมาก ร่างยักษ์เหล็กของเขาพังทลายลงแล้ว แต่เขาก็ยอดเยี่ยมมากแล้วที่สามารถหลบหนีจากฝูงมังกรดาบบรรพกาลจำนวนมหาศาล
‘ทรงพลังนัก!’ ไท่เมี่ยนเฉินที่แสดงออกด้วยท่าทางเคร่งขรึมมาตลอดกลับเผยความตกใจออกมาในเวลานี้
เขาต้องการสะสมพลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะปราณทรายเหล็กแต่ฟางหยวนกลับตอบโต้เขาด้วยวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด โดยเฉพาะท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด หากเป็นไท่เมี่ยนเฉินในชีวิตแรกของฟางหยวน เขาจะสามารถต่อต้านการโจมตีนี้ แต่สำหรับตอนนี้เขายังห่างไกลอยู่อีกมาก
ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยสามารถตัดสินผลแพ้ชนะ ตอนนี้พลังโจมตีของไท่เมี่ยนเฉินยังด้อยกว่าฟางหยวนขณะที่การป้องกันของเขาแพ้ฟางหยวนอย่างสมบูรณ์
ไท่เมี่ยนเฉินทำได้เพียงล่าถอยและหลบหนี
เขาเร็วมาก กระทั่งมังกรดาบบรรพกาลก็ยังไล่ตามไม่ทัน
ฟางหยวนไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ เขาไม่สามารถกักขังคนเหล่านี้
‘กระทั่งข้าจะต้องการใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ ข้าก็ยังไม่สามารถใช้งานมันได้ทันที เนื่องจากพลังการต่อสู้ระดับแปดของข้าอยู่ที่การป้องกัน วันนี้คงเป็นเรื่องยากที่ข้าจะฆ่าไท่เมี่ยนเฉิน’
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ
ไท่เมี่ยนเฉินเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งโลหะ ฟางหยวนไม่ต้องการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากเขา สิ่งสำคัญก็คือไท่เมี่ยนเฉินเป็นคนสำคัญของภาคใต้ในการต่อต้านวังสวรรค์
‘สำหรับผู้อมตะระดับหกทั้งสอง’ ฟางหยวนไม่ขยับแต่ชำเลืองมอง
เฉิงชิงชิงและฮั่วเหยาถูกมังกรดาบบรรพกาลปิดล้อม พวกเขาไม่มีทางรอด
แม้พวกเขาจะเป็นเพียงผู้อมตะระดับหกแต่พวกเขาสามารถยืนหยัดมาถึงจุดนี้ นี่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองเป็นตัวตนระดับสูงของแต่ละกองกำลัง
“บึม บึม!”
ด้วยเสียงระเบิดสองสาย เฉิงชิงชิงและฮั่วเหยาไม่สามารถอดทนต่อการโจมตีได้อีกต่อไป ร่างกายของพวกเขาถูกแยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยหมื่นมังกร สำหรับจิตวิญญาณของพวกเขา แม้พวกเขาจะต้องการระเบิดตัวเอง แต่ฟางหยวนเป็นผู้ใด เขาจะปล่อยให้คนทั้งสองทำเช่นนั้นได้อย่างไร แน่นอนว่าเขาจับดวงวิญญาณของทั้งสองเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว
“ฟางหยวนฆ่าพวกเราหากมีความกล้า!”
“ปีศาจชั่ว เจ้ากำลังรุกรานสามกองกำลังใหญ่ของภาคใต้ เจ้ากำลังรนหาที่ตาย ในไม่ช้าเจ้าจะเสียใจกับการกระทำของเจ้า!”
ดวงวิญญาณทั้งสองกรีดร้อง
ฟางหยวนก็ปิดผนึกดวงวิญญาณและเก็บพวกมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับฟางหยวนที่จะสังหารผู้อมตะระดับหก
อีกด้านหนึ่งอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดยังพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน แม้มันจะถูกมังกรดาบบรรพกาลจำนวนมากโจมตีแต่มันกลับเพิกเฉยต่อการโจมตีทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง
ฟางหยวนสามารถมองเห็นความกระหายเลือดในดวงตาของมัน มันสูญเสียความสามารถในการรับรู้ไปแล้ว ฟางหยวนตระหนักว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบางคน มิฉะนั้นมันจะไม่กล้าโจมตีเขาเช่นนี้
ท้ายที่สุดไม่เพียงฟางหยวนจะสะกดข่มมันเป็นทาสแต่เขายังฟักมันออกมาจากไข่และเลี้ยงดูมันมาตั้งแต่ถือกำเนิด
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาและปล่อยให้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินเข้ามาหา เขาเพียงบินขึ้นลงและปล่อยให้มันไล่ล่าเขาเท่านั้น
“ปัง!”
ปีกของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดปะทะแผ่นหลังของฟางหยวนแต่ภายใต้พลังอำนาจของเกราะหวนคืน พลังโจมตีของมันถูกสะท้อนกลับทั้งหมด
ปีกขวาของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดหัก มันร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า แต่ฝูงมังกรดาบบรรพกาลยังบังคับให้มันบินกลับขึ้นไปและโจมตีมันอย่างไม่รู้จบสิ้น
ฟางหยวนสังเกตเห็นความผิดปกติของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดทันทีตั้งแต่เขามาถึง
เนื่องจากเย่ฟานสามารถควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจจับเขาเป็นอันดับแรก
เปรียบเทียบกับสัตว์อสูรแรกกำเนิด ผู้ใช้วิญญาณระดับห้าจัดการได้ง่ายกว่ามาก
เย่ฟาน ไท่รั่วหนาน และคนอื่นๆเฝ้ามองฟางหยวนที่เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ด้วยร่างกายที่แข็งค้าง พวกเขาไม่สามารถขยับเขยื้อน
“ไม่!” เย่ฟานกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เขาต้องการอธิบายตัวเองแต่ตอนนี้เขาไม่สามารถกล่าวสิ่งใดได้มากกว่านี้
ในความคิดเห็นของฟางหยวน คำอธิบายใดก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับการค้นวิญญาณ
‘ข้ากำลังจะตายงั้นหรือ? ข้าเสียใจที่ไม่สามารถรักษาความยุติธรรม!’ ไท่รั่วหนานกัดฟันแน่นด้วยความโกรธและความเกลียดชัง
‘ท่านพี่ไห่ถู…’ เฉินซินซื่อเป็นคนเดียวที่ยังสงบนิ่ง ดวงตาของนางสั่นไหวด้วยอารมณ์อันลึกซึ้ง ‘ท่านช่วยข้าในคราวนั้น ท่านเป็นเหตุผลที่ทำให้ข้าได้รับอิทธิพลในตระกูลเฉิงและเดินมาไกลถึงเพียงนี้ ดังนั้นต่อให้ข้าต้องตายด้วยน้ำมือของท่าน ข้าก็…พอใจแล้ว…’
แต่ในจังหวะนี้บางสิ่งกลับปรากฏขึ้น
ทันใดนั้นสภาพแวดล้อมก็กลายเป็นฉากที่พร่าเลือน
‘ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ!’ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วเกินไป แต่ฟางหยวนก็ตอบสนองได้รวดเร็วเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเขายังติดอยู่ในท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ
ผู้อมตะระดับแปดปรากฏตัวต่อหน้าฟางหยวนและปกป้องผู้ใช้วิญญาณที่อยู่ข้างหลังเขา
“ท่านอาจารย์!” เมื่อเห็นคนผู้นี้ เย่ฟานตะโกนด้วยความตื่นเต้น
“เจ้าคือผู้ใด?” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นชา
“ข้าชื่อลั่วเว่ยหยิน โอ้ ฟางหยวน สิ่งมีชีวิตต่างใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่แล้ว เหตุใดพวกเราต้องเข่นฆ่ากัน? เหตุใดเจ้าไม่หยุดอยู่ตรงนี้?” ผู้อมตะลึกลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม