เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - บทที่ 1572 สายเกินไป
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1572 สายเกินไป
เวลาครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้ฟางหยวนบินออกจากเมืองเมฆาและกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะที่กระจัดกระจายอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
แสงสีทองส่องประกายขึ้นและนําฟางหยวนไปยังพื้นที่รกร้างที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งพันลี้ทันที
หลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนดัดแปลงค่ายกลวิญญาณอมตะที่จัดตั้งไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอีกครั้ง ตอนนี้มันมีความสามารถในการขนส่งผู้คนเพิ่มเข้ามา
ในการบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาครั้งก่อนหน้าา ฟงจิวเก้อโจมตีมนุษย์ขนจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมากแต่เขาก็ไม่สามารถทําสิ่งใด
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเรียนรู้จากบทเรียนที่น่าเศร้าและเสนอให้ฟางหยวนเพิ่มวิธีขนส่งเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะ
นิกายหลางหยาช่วยฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนโดยใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของบรรพชนผมยาว ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องตอบแทนด้วยการปรับปรุงค่ายกลวิญญาณอมตะให้พวกเขา
ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดาและด้วยความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา เขาจึงประสบความสําเร็จในการดัดแปลงค่ายกลวิญญาณอมตะดังกล่าว
เมื่อฟางหยวนมาถึงสถานที่รกร้างว่างเปล่า เขาสูดหายใจลึกและเริ่มฝึกท่าไม้ตายของเขา
ท่าไม้ตายอมตะราชันภูต!
ชุดเกราะสีทองและมงกุฏที่งดงามปรากฏขึ้นบนร่างกายของฟางหยวน ขณะเดียวกันใบหน้าของเขาก็ถูกปกปิดไว้ด้วยชั้นเมฆหมอกหนาทึบ ผ้าคลุมราชันภูตปักลายภูตผีจํานวนมากเอาไว้หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน คนผู้หนึ่งอาจมองเห็นภูตผีมากกว่าพันตน
นี่คือผลลัพธ์จากการบ่มเพาะของฟางหยวน
ท่าไม้ตายอมตะระเบิดวิญญาณ!
ฟางหยวนชี้นิ้วออกไปขณะที่กลุ่มหมอกควันสีดําพุ่งออกไปทําลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า แต่ด้วยการป้องกันของค่ายกลวิญญาณอมตะ ทวีปเมฆาจึงปลดปล่อยแสงสีเงินออกมาและสามารถป้องกันท่าไม้ตายอมตะระเบิดวิญญาณได้ในระดับหนึ่ง
หลังจากการระเบิดติดต่อกันเป็นลูกโซ่ พื้นที่รอบๆก็ถูกทําลายล้าง ดินเมฆกระจัดกระจายออกไปทําให้เกิดรูของโหว่ขนาดใหญ่ที่มีรัศมีหลายจํานวนมาก
เมื่อการระเบิดสิ้นสุดลง ภาพภูตผีที่อยู่บนผ้าคลุมของฟางหยวนก็เลือนหายไปหนึ่งตน
นี่คือราคาของการใช้ท่าไม้ตายอมตะระเบิดวิญญาณ
แต่ฟางหยวนไม่สนใจค่าใช้จ่ายนี้ เขายังกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายต่อไป
ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต!
“ฟื้ว..”
สายลมกรรโชกแรงพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนสี
ในพริบตาพื้นที่ขนาดใหญ่ก็กลายเป็นเขตแดนอมตะของฟางหยวน
เขตแดนนี้เป็นมิติสีเขียวซีดปนสีเหลือง มีเมฆหมอกหนาทึบที่ลดประสิทธิภาพในการรับรู้ทิศทางสายลมกรรกโชกแรงทําให้เกิดเสียงโหยหวย
ฟางหยวนปล่อยภูตผีออกมา พวกมันส่งเสียงหัวเราะที่น่าขนลุกและเคลื่อนไหวไปรอบๆ ในสนามรบราชันภูตพลังของภูตผีเหล่านี้จะเพิ่มสูงขึ้น พวกมันเหมือนปลาที่อยู่ในน้ํา
หลังจากทดสอบบางอย่าง ฟางหยวนก็เก็บภูตผีและหยุดใช้เขตแดนอมตะราชันภูต
ท้องฟ้ากลับมาสดใส
ท่าไม้ตายอมตะเขตแดนราชันภูตเป็นความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวนในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนเคยอนุมานท่าไม้ตายเขตแดนอมตะดวงดาวสีม่วงแห่งชีวิตที่พังทลายมันใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ราชันภูเขาม่วงทิ้งไว้เบื้องหลังเป็นแกนกลางฟางหยวนเคยให้มนสังหารสองเทพธิดาแห่งทะเลตะวันออกโหยวชานและฉินไปอี้มาแล้ว
แต่จุดเด่นของเขตแดนอมตะดวงดาวสีม่วงที่พังทลายคือการปกปิดและการซ่อนตัวจากโลกภายนอก จุดอ่อนของมันคือเวลาในการจัดตั้ง มันต้องถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า แต่ผู้อมตะไม่ใช่คนโง่ หากคนผู้หนึ่งพยายามใช้มันระหว่างการต่อสู้ ฝ่ายตรงข้ามจะมีเวลาหลบหนี้ก่อนที่เขตแดนจะถูกสร้างขึ้น
เขตแดนอมตะราชันภูตถูกคิดค้นขึ้นโดยฟางหยวน เขาใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะจํานวนมากที่บันทึกอยู่ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นข้อมูลอ้างอิง
เขตแดนอมตะราชันภูตด้อยกว่าเขตแดนอมตะดวงดาวสีม่วงแห่งชีวิตที่พังทลายในแง่ของการปกปิดและซ่อนตัวจากโลกภายนอก แต่มันมีข้อดีที่สามารถใช้งานได้ภายในเวลาเท่ากับการกระพริบตาสามครั้ง
แม้ในช่วงเวลานั้นฟางหยวนจะไม่สามารถเคลื่อนไหวแต่เขตแดนนี้สามารถใช้งานได้จริงระหว่างการต่อสู้
ตราบเท่าที่ฟางหยวนสามารถคว้าโอกาสและประสบความสําเร็จในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตศัตรูของเขาจะไม่สามารถหลบหนี
หลังจากเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตถูกจัดตั้งขึ้น ความได้เปรียบของฟางหยวนจะยิ่งใหญ่มาก
“ปัจจุบันขาสามารถเลือกที่จะไว้ชีวิตหรือสังหารผู้อมตะระดับหกและระดับเจ็ดได้ตามใจปรารถนา” ฟางหยวนถอนหายใจ
ผู้อมตะไม่ง่ายที่จะเอาชนะและยิ่งยากกว่าในการจับกุมหรือสังหาร
ประการแรก มีวิธีหลบหนีมากมาย คนผู้หนึ่งไม่สามารถจัดการกับความเป็นไปได้ทั้งหมด ประการที่สอง ฟางหยวนต่อสู้เพียงลําพังขณะที่ฝ่ายตรงข้ามของเขาไม่ว่าจะเป็นวังสวรรค์หรือถ้ําสวรรค์นิรันดร พวกเขาต่างมีกําลังเสริม ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องเอาชนะศัตรูของเขาอย่างรวดเร็วที่สุด
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนต้องระวังตัวและเลือกคู่ต่อสู้ หากเฉิงตูไม่มีเขตแดนอมตะที่สามารถกักขังทั้งศัตรูและตัวเขาเองในทุ่งใบมีดร่วงโรยฟางหยวนจะไม่เสี่ยงต่อสู้เป็นตายกับเขา
หลังจากทดสอบเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต ฟางหยวนก็คิดถึงท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ
ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของเขาอยู่ในระดับปรมาจารย์เอก ด้วยการใช้วิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่และท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผีเป็นแกนกลาง ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณของเขาจึงสามารถขโมยวิญญาณอมตะระดับแปด
ฟางหยวนเคยใช้มันเพียงสองครั้งแต่มันกลับสามารถขโมยวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดจากชิงโจวและวิญญาณอมตะกระบี่เห็นระดับเจ็ดของเฉิงตู ทั้งสองครั้งทําให้สถานการณ์ผลิกผันอย่างรวดเร็วหลังจากเพิ่งสูญเสียวิญญาณอมตะดังกล่าว มันทําให้เขาตัดสินใจระเบิตตัวเองทันที
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่สามารถใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณได้บ่อยนักเพราะข้าต้องการ ตบังตัวตนหากข้อมูลรั่วไหลออกไปศัตรูจะระวังตัวมากขึ้นและจะพยายามหาวิธีต่อต้าน สุดท้ายการจัดเตรียมของข้าในทะเลทรายผีเขียวจะถูกค้นพบเช่นกัน
“แต่ด้วยสนามรบราชันภูต ขาสามารถกักขังศัตรูและใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณเพื่อขโมยวิญญาณอมตะของพวกเขา มีโอกาสน้อยมากที่ศัตรูจะสามารถหลบหนี ข้าจะปล้นฆ่าพวกเขาในเขตแดนและเก็บเกี่ยวทรัพยากรในการบ่มเพาะของข้า!”
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายด้วยความไร้ปรานี จิตสังหารปะทุขึ้นในใจของเขา
ด้วยเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต เขาสามารถเริ่มต้นการเข่นฆ่าและขโมยวิญญาณอมตะไปพร้อมกับการกลืนกินมิติช่องว่างเพื่อดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า
ฟางหยวนไม่มีปัญหาในการฆ่าผู้บริสุทธิ์ เขาไม่รู้สึกผิดและไม่โทษตัวเอง
เขาเลียริมฝีปากก่อนจะส่ายศีรษะ “น่าเสียดาย…ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”
หากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาไม่ถูกค้นพบ หากไม่มีแรงกดดันจากวังสวรรค์ ฟางหยวนจะออกไปและเข่นฆ่าผู้คน! แต่สิ่งสําคัญในตอนนี้คือการปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ขณะนี้การรักษาแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเอาไว้มีความสําคัญต่อฟางหยวนมากกว่าการขโมยวิญญาณอมตะ
ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อเวลาผ่านไป ฟางหยวนจะถูกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ
วังสวรรค์จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป พวกเขาจะบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอีกครั้งและ อีกครั้งแม้แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะเตรียมตัวรับมืออย่างเต็มที่แต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้านได้ ตลอดไป
ไพ่ตายของนิกายหลางหยาถูกเปิดเผยในการต่อสู้ครั้งก่อนไปแล้วขณะที่วังสวรรค์มีรากฐานที่ไม่อาจหยั่งถึงพวกเขาอาจมีไพ่ตายที่สามารถกวาดล้างนิกายหลางหยาหรือคิดแผนการอันแยบยลที่เป็นภัยร้ายแรงต่อแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
วิธีรับมือที่ดีที่สุดคือการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก่อนที่วังสวรรค์จะบุกโจมตีเป็นครั้งที่สอง
แต่ระหว่างการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะถูกซุ่มโจมตีโดยวังสวรรค์อย่างแน่นอน บางที่องค์ชายฟงเซี่ยนอาจซุ่มรออยู่แล้วฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน
เปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับแปด แม้ฟางหยวนจะสามารถป้องกันตัว แต่เขาไม่สามารถโจมตึกลับ นี่เป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ
เพื่อแก้ปัญหานี้ เขามีสองทางเลือก
ทางเลือกแรกคือใช้แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปดทางเลือกถัดไปคือใช้วิญญาณอมตะระดับแปดเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปด
ท่ามกลางแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพในการครอบครองของฟางหยวน หุบเขาเหล่าโปเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหรืออาจกล่าวว่ามันเป็นทางเลือกเดียวของเขา
ฟางหยวนมีแรงบันดาลใจในการสร้างท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป แต่โชคไม่ดีที่มันมีความคืบหน้าค่อนข้างช้าแม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญาแล้วก็ตาม
ในแง่ของวิญญาณอมตะระดับแปด ฟางหยวนมีสี่ดวงได้แก่วิญญาณทัศนคติ วิญญาณดาบแห่งปัญญาวิญญาณที่ไหลผ่านราวกับสายน้ําและวิญญาณป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณ
วิญญาณทัศนคติเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย วิญญาณปีไหลผ่านราวกับสายน้ําสามารถผลิตวิญญาณปีมันไม่ได้มีไว้สําหรับการต่อสู้วิญญาณป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณเป็นส่วนสําคัญของท่าไม้ตายอมตะราชันภูตที่ไม่สามารถนําออก
ดังนั้นจึงมีเพียงวิญญาณดาบแห่งปัญญาที่เหลืออยู่
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญาระดับแปดดวงนี้มา นานแล้วเพื่อเลี้ยงดูมันเขาต้องใช้จ่ายทรัพยากรจํานวนมหาศาลขณะที่เขาไม่เคยใช้งานมันแม้แต่ครั้งเดียว
เหตุผลสําคัญคือวิญญาณดาบแห่งปัญญาต้องการพลังงานอมตะระดับแปด นี้เป็นสิ่งที่ราชันภูเขาม่วงออกแบบมาเพื่อโป๊ชิงโดยเฉพาะแต่ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและมีเพียงพลังงานอมตะระดับเจ็ดเท่านั้น
นี่เป็นกฎที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง
ในความเป็นจริงวิญญาณอมตะระดับแปดส่วนใหญ่ต่างต้องการพลังงานอมตะระดับแปด อย่า งไรก็ตามวิญญาณอมตะระดับแปดสามดวงของฟางหยวนเป็นข้อยกเว้น
วิญญาณทัศนคติพึ่งพาเพียงพลังจิต วิญญาณปีไหลผ่านราวกับสายน้ําสามารถใช้พลังงาน อมตะระดับใดก็ได้แต่ประสิทธิภาพของมันจะขึ้นอยู่กับพลังงานอมตะที่ใช้ วิญญาณป้ายคําสั่งอสูร วิญญาณอาศัยรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้ใช้งาน
หลังจากไตร่ตรอง แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะและมรดกมากมาย แต่ท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปดที่เขาต้องการสามารถพึ่งพาเพียงหุบเขาเหล่าโปเท่านั้น
“ข้าสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืนได้ก่อนหน้านี้เนื่องจากความสําเร็จบนเส้นทางแห่งวารีระดับปรมาจารย์ของข้า
“คราวนี้เพื่ออนุมานท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป ข้าต้องพึ่งพาความสําเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แต่น่าเสียดายที่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น มีอุปสรรคขนาดใหญ่ขวางทางข้าอยู่
ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์ในหลายเส้นทาง เขายังเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมและเป็นถึงปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แต่เขาไม่สามารถถ่ายโอนพวกมันไปยังเส้นทางสายอื่น
ตอนนี้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขายังอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
“แต่ข้ามีแสงแห่งปัญญา แม้ความก้าวหน้าจะช้า แต่ข้ายังสามารถบังคับให้ตนเองเดินหน้าต่อไป”
“ปัญหาใหญ่ที่สุดคือเวลา ข้าหวังว่าจะสามารถสร้างมันคือ!?”
ทันใดนั้นวังวนแสงสีดําขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
“โอ้ ไม่!” การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปทันที
เขาตระหนักว่าสิ่งนี้เกิดจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่ฟงจิวเก้อทิ้งไว้เบื้องหลัง
ฟางหยวนเคยตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้มาแล้ว จิตวิญญาณแผ่ นดินหลางหยาก็เช่นกันทั้งสองรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่กําจัดได้ยากแต่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาตัดขาดกับโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เหล่านี้ไม่ใช่ภัยคุกคาม
แต่ผู้ใดจะคิดว่าโดยปราศจากการควบคุมและพลังงานอมตะ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้จะยังเกิดปฏิกิริยาดังกล่าวด้วยตัวของมันเอง
“ทําลายมัน!” ฟางหยวนกรีดร้อง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาออกคําสั่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน
ค่ายกลวิญญาณอมตะที่ฟางหยวนดัดแปลงถูกกระตุ้นใช้งานทันที
อย่างไรก็ตามลําแสงสี่สายกลับพุ่งออกมาจากวังวนแสงสีดําเรียบร้อยแล้ว
วังวนแสงสีดําระเบิดหายไปในเวลาต่อมา ขณะที่แสงสี่สายกลายเป็นผู้อมตะสี่คน
ฟงจิวเก้อ เฉินอี้ และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้ารวมอยู่ในกลุ่มนี้โดยมีผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งเป็นผู้นํา
นางกวาดตามองไปรอบๆก่อนจะเผยรอยยิ้มให้กับฟางหยวน “ฟางหยวน ในที่สุดข้าก็พบเจ้า”
นางก็คือผู้นําคนปัจจุบันของวังสวรรค์ ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่ง เทพธิดาจอเว่ย!