เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - บทที่ 1620 พันธมิตรภาคใต้
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1620 พันธมิตรภาคใต้
วังสวรรค์
ค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ยิงลําแสงไปที่เทพปีศาจจิตวิญญาณราวกับเข็มอันแหลมคม
แม้เขาจะปกป้องตนเองด้วยทุกสิ่ง แต่เขายังถูกกดดันอย่างหนัก
เทพธิดาจื่อเว่ยกําลังควบคุมค่ายกลวิญญาณนี้และดูดซับข้อมูลทุกประเภทจากเทพปีศาจจิตวิญญาณ
หลังจากชั่วครู่เทพธิดาจื่อเว่ยก็หยุดและรู้สึกไม่พอใจ นางมองเทพปีศาจจิตวิญญาณด้วยสายตาลึกซึ้ง
แม้ทั้งสองจะเป็นศัตรู แต่เทพธิดาจื่อเว่ยยังรู้สึกชื่นชมความดื้อรั้นของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง แต่เขายังต่อต้านจนถึงที่สุด เขาคู่ควรที่จะเป็นเทพปีศาจผู้ปกครองโลกหล้าอย่างแท้จริง
เทพธิดาจื่อเว่ยจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด
เมื่อกลับถึงห้องของนาง นางเริ่มอนุมานด้วยความช่วยเหลือจากกระดานหมากรุกกลุ่มดาว
ความคิดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นและหายไปในจิตใจของนางราวกับดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ พวกมันบินเข้าปะทะกันและกลายเป็นจุดแสงสีม่วงจํานวนนับไม่ถ้วนบินออกมาจากร่างของเทพธิดาจื่อเว่ยก่อนจะกระจายไปทั่วห้อง
ไม่นานหลังจากนั้นทุกอย่างก็สงบลง เทพธิดาจื่อเว่ยสูดหายใจลึกก่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ
เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของนาง คิ้วของนางขมวดแน่น ขณะที่นางดูเหนื่อยล้ามากก
“ฟางหยวน เจ้าจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ใด?” เทพธิดาจื่อเว่ยพึมพํา
นางทํางานอย่างหนักและดึงข้อมูลออกมาจากเทพปีศาจจิตวิญญาณซ้ําแล้วซ้ําอีก นางให้ความสนใจกับการจัดเตรียมของนิกายเงาที่เหลืออยู่ในห้าภูมิภาคเป็นพิเศษ
เนื่องจากฟางหยวนพึ่งพาการจัดเตรียมของนิกายเงาเพื่อจับกุมกลุ่มไล่ล่าของภาคใต้ในครั้งเดียว หากเขาต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ มีความเป็นไปได้ที่เขาจะพึ่งพาการจัดเตรียมของนิกายเงาอีกครั้ง มันไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่หยิบยืมความช่วยเหลือนี้
เทพธิดาจื่อเว่ยติดตามความก้าวหน้าของฟางหยวนอย่างใกล้ชิด หลังจากการต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา นางตระหนักว่าฟางหยวนอยู่ไม่ไกลจากระดับแปด
ระดับเจ็ดกับระดับแปดเป็นสองระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในกรณีที่ไม่มีผู้อมตะระดับเก้า ผู้อมตะระดับแปดก็คือจุดสูงสุดของโลกใบนี้
หากฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับแปด การปราบปรามเขาจะยิ่งยากลําบากมากขึ้น เขาจะกลายเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์
“ภัยพิบัติใหญ่ครั้งสุดท้ายของฟางหยวนเป็นจุดสําคัญ หากเราสามารถฆ่าเขาในครั้งนี้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อวังสวรรค์และผู้คนทั้งโลก”
เทพธิดาจื่อเว่ยจะไม่ปล่อยทุกโอกาสนี้หลุดลอยไปแต่นางพบว่าเรื่องนี้ค่อนข้างลําบาก เนื่องจากนางไม่สามารถอนุมานเวลาและสถานที่ที่ฟางหยวนจะใช้เผชิญหน้ากับภัยพิบัติใหญ่ของเขา
ท่าไม้ตายอมตะราชันภูตของฟางหยวนสามารถป้องกันการอนุมาน นอกจากนั้นเขายังมีวิธีการปรับเปลี่ยนเวลาในมิติช่องว่าง ดังนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยจึงไม่สามารถอนุมานได้อย่างแน่ชัดว่าเขาจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใหญ่ครั้งสุดท้ายเมื่อใด
ฟางหยวนมีวิญญาณท่องแดนอมตะและสามารถเผชิญหน้ากับภัยพิบัติได้ทุกที่บนโลกใบนี้ เทพธิดาจื่อเว่ยจะจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างไร?
สิ่งที่นางทําได้ดีที่สุดคือการตัดสวรรค์สีดําและสวรรค์สีขาวออกไป
เนื่องจากแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องดูดซับปราณสวรรค์พิภพมากขึ้นเมื่อผู้อมตะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ดังนั้นมันจึงต้องเป็นห้าภูมิภาคเท่านั้น
โดยธรรมชาติแล้วความเป็นไปได้ที่จะผู้อมตะจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติในสวรรค์สีดํา หรือสวรรค์สีขาวไม่ได้เป็นศูนย์ มีหลายพื้นที่ที่มีปราณพิภพอยู่เป็นจํานวนมาก
สําหรับภูมิภาคทั้งห้า มันใหญ่โตเกินไป แม้วังสวรรค์จะมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะนับ พันก็ยังไม่เพียงพอ นอกจากนี้วังสวรรค์ก็มีกําลังคนไม่เพียงพอที่จะส่งออกไปทั่วทุกมุมโลก
เทพธิดาจ่อเว่ยถอนหายใจ นางไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ดี
แผนตอนนี้ของนางคือใช้กําลังทั้งหมดดึงเบาะแสจากเทพปีศาจจิตวิญญาณและใช้มันอนุมานสถานที่ที่มีความเป็นไปได้ที่ฟางหยวนจะใช้เผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ในเวลาเดียวกันนางจะติดต่อฝ่ายธรรมะของภาคใต้และเผยแพร่เรื่องการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใหญ่ของฟางหยวนออกไป วังสวรรค์ต้องหยิบยืมกําลังของผู้อมตะอีกสี่ภูมิภาคเท่านั้น
ข่าวการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใหญ่ของฟางหยวนแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงกองกําลังฝ่ายธรรมะแต่กระทั่งปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษยังได้ยินข่าวนี้
ฟางหยวนมีชื่อเสียงโดดดังในห้าภูมิภาค แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ความสําเร็จของเขาน่าอัศจรรย์มาก เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวตนอันดับหนึ่งภายใต้ผู้อมตะระดับแปด ทุกคนยังยอมรับว่าฟงจิวเก้อด้อยกว่าเขา เขาเป็นดาวรุ่งที่โดดเด่นที่สุดของฝ่ายปีศาจในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา การเติบโตของเขารวดเร็วจนน่าตกใจ
ดังนั้นข่าวการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใหญ่ของฟางหยวนจึงกลายเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึงอย่างร้อนแรงในโลกของผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาค
“ปีศาจตนนี้กําลังจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด เราจะเพิกเฉยได้อย่างไร?”
“ปีศาจกําลังแข็งแกร่งขึ้นขณะที่ฝ่ายธรรมะอ่อนแอลง เราจะทําสิ่งใดได้?”
“คนผู้นี้ไม่ธรรมดา เขาเดินทางมาจากอนาคตด้วยวิญญาณกาลเวลาและได้รับมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าหลายคน ภัยพิบัติใหญ่ไม่สามารถหยุดเขา”
“ข้ามีความคิดเห็นที่แตกต่าง ดังสุภาษิตที่ว่าคนชั่วย่อมล้มเหลวในที่สุด ปีศาจตนนี้ยโสเกินไป เขาต้องการก้าวข้ามภัยพิบัติแต่เขาต้องดูก่อนว่าวังสวรรค์และคนทั้งโลกอนุญาตหรือไม่?”
บางคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับฟางหยวน ขณะที่บางคนมองโลกในแง่ร้าย แต่จุดหนึ่งที่ทุกคน คิดเหมือนกันก็คือพวกเขาไม่ต้องการเห็นฟางหยวนประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติ
“ปีศาจตนนี้นําความโกลาหลมาสู่โลกเมื่อเขายังเป็นผู้อมตะรดับหกและยิ่งสร้างหายนะเมื่อเขาเข้าสู่ระดับเจ็ด หากเขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาจะไม่พลิกคว่ําโลกทั้งใบนั้นหรือ?”
“ข้าไม่สนหากฟางหยวนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่อื่น แต่หากเขามาที่ภาคใต้ ตระกูลไท่ของข้าไม่อนุญาต!”
โลกของผู้อมตะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เริ่มจัดประชุม เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีจัดการฟางหยวน
แม้ฟางหยวนจะมีตัวประกันอยู่ในมือ แต่หากพวกเขาสามารถกําจัดฟางหยวนในครั้งนี้ กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะมีความสุขมากกว่า
เหตุผลง่ายมาก มันเป็นเพราะผลประโยชน์
การเพิกเฉยต่อฟางหยวนและปล่อยให้เขาแข็งแกร่งขึ้นหมายความว่าเขาจะกลายเป็นภัยคุกคามร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม วันหนึ่งหายนะอาจมาเยือนกองกําลังของพวกเขา
สิ่งสําคัญก็คือฟางหยวนมีวิญญาณอมตะ เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ มรดกและทรัพยากรทุกชนิด เขาเหมือนขุมทรัพย์เคลื่อนที่กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากการฆ่าเขา แม้มิติช่องว่างของเขาจะถูกทําลาย ตราบเท่าที่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่ กองกําลังเหล่านี้ก็สามารถค้นวิญญาณและได้รับมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้า นี่เพียงพอแล้วที่จะทําให้กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เคลื่อนไหว
วูหยงกล่าวด้วยน้ําเสียงที่จริงจัง “ฐานทัพใหญ่ของนิกายเงาอยู่ที่ภาคใต้ ที่นี่ต้องมีการจัดเตรียมของพวกเขาหลายอย่าง ก่อนหน้านี้ฟางหยวนเคยใช้หนึ่งในนั้นเพื่อจับกุมผู้อมตะของพวกเรา มีความเป็นไปได้สูงที่ฟางหยวนจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใหญ่ของเขาที่ภาคใต้!”
ก่อนที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ วูหยงลอบติดต่อเทพธิดาจื่อเว่ยและได้รับข้อมูลมาแล้ว
วูหยงตระหนักดีว่าเทพธิดาจื่อเว่ยกําลังใช้เขาจัดการฟางหยวน แต่วูหยงเต็มใจถูกใช้ เนื่องจากฟางหยวนเล่นตลกกับเขาอย่างรุนแรงโดยการปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่ การมีชีวิตอยู่ของฟางหยวนถือเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลและวูหยง
“การวิเคราะห์ของท่านวูหยงสมเหตุสมผล” ผู้อมตะตระกูลเชียวกล่าว “ฟางหยวนจับตัวผู้อมตะภาคใต้ เขายังเป็นผู้นํานิกายเงาคนปัจจุบัน เขามีวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่ทรงพลัง หลังจากค้นวิญญาณเชลย เขาจะเข้าใจสถานการณ์ของภาคใต้อย่างละเอียด”
“ยิ่งไปกว่านั้นภาคใต้ของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษหรือปีศาจอมตะ พวกเขาล้วนประสบความสูญเสียอย่างหนักโดยเฉพาะฝ่ายธรรมะของเรา หากปีศาจฟางหยวนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่นี่ เขาจะพบสิ่งกีดขวางน้อยที่สุด”
“แม้ฟางหยวนจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ภาคใต้ แต่เราจะเฝ้าระวังอย่างไร? ภาคใต้กว้างใหญ่มาก เขาอาจปรากฏตัวที่ใดก็ได้ เราจะรู้ได้อย่างไร?” ผู้อมตะบางคนถาม
“เราสามารถรู้ได้โดยการตรวจสอบ” ผู้อมตะตระกูลเซียตอบ “เมื่อเขาวางมิติของว่างลงและเชื่อมต่อกับโลกภายนอก เขาจะไม่สามารถซ่อนตัวจากพวกเรา แม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนนอก แต่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของตระกูลเซียก็สามารถอนุมานตําแหน่งของเขาได้ ด้วยความช่วยเหลือจากค่ายกลวิญญารอมตะของเรา”
“แน่นอน หากเราได้รับความช่วยเหลือจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาคนอื่นๆ เราจะมีโอกาสประสบความสําเร็จมากขึ้น” ผู้อมตะตระกูลเซียกล่าวต่อ “อย่างไรก็ตามความยากลําบากที่แท้จริงไม่ใช่การอนุมานตําแหน่งของเขา แต่เราจะไปถึงที่นั่นให้ทันเวลาได้อย่างไร? นอกจากนี้เรายังต้องรวบรวมผู้อมตะจํานวนมากเพื่อจัดการฟางหยวน”
ห้องประชุมตกสู่ความเงียบ
ตั้งแต่อดีตกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ก็เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ไม่มีฝ่ายใดยอมจํานน เพื่อกําจัดฟางหยวน กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ถูกบังคับให้ทํางานร่วมกันเป็นครั้งแรก
นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ฟางหยวนสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นเพียงคนผู้หนึ่ง กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้มั่นใจว่าหากฟางหยวนพบปัญหาระหว่างการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ เขาจะล้มเหลวและอาจเสียชีวิต
กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้มีทั้งผู้อมตะระดับแปดและคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด พวกเขาปกครองภาคใต้มาหลายหมื่นปีและมีรากฐานที่แข็งแกร่ง ในทางตรงข้ามฟางหยวนพึ่งเติบโตขึ้นในระยะเวลาสั้นเท่านั้น
แต่เป็นไปได้หรือไม่ที่กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะทุ่มเทความแข็งแกร่งทั้งหมดเพื่อกําจัดฟางหยวน?
มันเป็นไปไม่ได้!
นี่คือป่า กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่ปกครองอาณาเขตของตน หากสัตว์ร้ายเหล่านี้ออกจากอาณาเขตเพื่อโจมตีสัตว์ร้ายตัวอื่น แม้ตัวหลังจะยังไม่เติบโตเต็มที่ มันก็ยังมีเขี้ยวและกรงเล็บ
ความเสี่ยงสูงเกินไป
แม้มันจะสามารถฆ่าอีกฝ่าย แต่สัตว์ร้ายอาจได้รับบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายสัตว์ร้ายตัวอื่นจะบุกโจมตีมัน
แน่นอนว่าฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะเอ่ยอ้างความชอบธรรมทุกประเภทเพื่อลงมือกําจัดฝ่ายตรงข้าม
แม้พวกเขาจะไม่มีข้ออ้าง พวกเขาก็จะสร้างมันขึ้นมา
ดังนั้นความยากลําบากที่แท้จริงในการจัดการฟางหยวนจึงไม่ได้อยู่ที่ตัวฟางหยวนเอง
เพราะความแข็งแกร่งของฟางหยวนงั้นหรือ?
พลังการต่อสู้ระดับแปดด้วยการบ่มเพาะระดับเจ็ดถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากในประวัติศาสตร์
แต่หากเปรียบเทียบกับกองกําลังใหญ่ต่างๆ?
ฟางหยวนยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับพวกเขา หลังจากต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ฟางหยวนจะเริ่มหลั่งเลือด
กลุ่มผู้อมตะภาคใต้บางคนทําได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขึ้นเพราะพวกเขาเข้าใจว่าสถานการณ์นี้ค่อนข้างน่าขัน เนื่องจากสิ่งที่ผูกมัดพวกเขาเอาไว้ก็คือตัวพวกเขาเอง พวกเขาระแวงกันเอง พวกเขาต้องแบ่งกําลังบางส่วนไว้ปกป้องอาณาเขตของตนเอง
ความเงียบกินเวลายาวนานก่อนที่ผู้อมตะตระกูลไท่จะเปิดปากกล่าว “แท้จริงแล้วมีวิธีหนึ่งที่สามารถแก้ปัญหานี้ ทุกคนรู้จักหอคอยดวงประทีปของตระกูลไท่เป็นอย่างดี”
กลุ่มผู้อมตะนิ่งเงียบแต่ไม่นานเสียงของบางคนก็ดังขึ้น “ข้าเห็นด้วยกับตระกูลไท่ในการสร้างหอคอยดวงประทีป”
ทุกคนตกใจเพราะคนผู้นี้ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลวู วูหยง!
กระทั่งผู้อมตะระดับหกของตระกูลไท่ที่เป็นคนเสนอความคิดนี้ก็ยังแปลกใจที่วูหยงสนับสนุนการสร้างหอคอยดวงประทีปของตระกูลไท่
ขณะที่ทุกคนกําลังตกตะลึง วุหยงก็กล่าวต่อด้วยน้ําเสียงจริงจัง “ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง แล้ว พวกเจ้ายังไม่ตระหนักอีกงั้นหรือว่ายุคที่ยิ่งใหญ่กําลังจะมาถึง กําแพงภูมิภาคทั้งห้ากําลังบางลงเรื่อยๆ หากเราไม่เปลี่ยนแปลงตอนนี้ เราจะจมอยู่ใต้คลื่นของยุคใหญ่”
ทุกคนเงียบ
อีกคนลุกขึ้น เขาคือผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลปา
คํากล่าวของเขาทําให้ทุกคนตกใจอีกครั้ง “ตระกูลปาสนับสนุนวูหยง เราต้องมองไปข้างหน้า ภาคกลางมีวังสวรรค์ ภาคเหนือมีถ้ําสวรรค์นิรันดร แล้วภาคใต้ของเรามีสิ่งใด?”
เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “เรามีกองกําลังมากมาย แต่ทุกกองกําลังเป็นอิสระต่อกัน เราจะถูกกําจัดโดยภูมิภาคอื่นในที่สุด ดังนั้นข้าจึงสนับสนุนวูหยงและเห็นด้วยกับการสร้างหอคอยดวงประทีปของตระกูลไท่”
ไม่นานหลังจากนั้นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อก็แสดงการสนับสนุน
ต่อมาก็เป็นตระกูลลั่ว ตระกูลฮั่ว ตระกูลช่าย และตระกูลอื่นๆ
กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตระหนักได้ทันทีว่าเหตุการณ์นี้มีความสําคัญมากและจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของภาคใต้
ไม่เคยมีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อนและมันไม่ได้เป็นเพียงการร่วมมือแบบผิวเผิน แต่เป็นความร่วมมือที่ใกล้ชิด
บรรยากาศกลายเป็นอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คลื่นความรู้สึกปะทุขึ้นในใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ พวกเขากําลังตื่นเต้นกับการมีส่วนร่วมในหน้าประวัติศาสตร์
“ให้ฟางหยวนเป็นเครื่องสังเวยแรกของการก่อตั้งกองกําลังพันธมิตรภาคใต้ของพวกเรา หลังจากนั้นก็เป็นอีกสี่ภูมิภาคที่เหลือ!” วูหยงไม่ได้ปกปิดความทะเยอทะยานของเขา