เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - บทที่ 1673 ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1673 ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
ห้าร้อยปีในชีวิตแรกของฟางหยวน
พิธีบูชาเทพสมุทร
ไร้เดียงสา?
เผชิญหน้ากับคํากล่าวของผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็ง ฟางหยวนเงียบ
แต่เขาเงียบเพียงชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะและตอบกลับ “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้สิ่งที่เจ้าพูดงั้นหรือ? เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กไร้ประสบการณ์งั้นหรือ? ไม่ ข้าเข้าใจกลอุบายเหล่านี้ แท้จริงแล้วข้ารู้ ข้าเข้าใจ และยอมรับพวกมัน”
ฟางหยวนถูกบังคับให้ออกจากภูเขาชิงเหมา เร่รอนทั่วภาคใต้ เดินทางไปยังทะเลทรายตะวันตกท่องเที่ยวอยู่ในทะเลตะวันออก ดิ้นรนอยู่บนขอบเหวแห่งความตาย เขาต้องต่อสู้เพื่อหินวิญญาณเพียงหนึ่งหรือสองก้อน คํานับและคร่ําครวญต่อหน้าผู้แข็งแกร่ง มีชีวิตที่ยากลําบาก ครั้งหนึ่งเขายังเคยได้รับสถานะที่สูงส่งและฟังรายงานจากลูกน้องขณะดื่มชาอย่างสะดวกสบาย
เขาเคยอยู่ในจุดต่ําสุด เขาเคยรุ่งโรจน์ เขาเคยสูงส่ง เขาเคยเป็นคนธรรมดา
เมื่อพิจารณาถึงชีวิตของเขาบนโลกมนุษย์ใบเดิมและประสบการณ์หลังจากเดินทางมายังโลกวิญญาณใบนี้ เป็นธรรมดาที่วิสัยทัศน์ของเขาจะเหนือกว่าคนทั่วไป เขามีประสบการณ์มากมายและมีความรู้ที่หลากหลาย
คนเช่นนี้จะไม่เข้าใจกลอุบายเหล่านั้นได้อย่างไร?
ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งรู้สึกหงุดหงิดและเร่งตอบกลับ “เมื่อเจ้ารู้อยู่แล้ว เจ้าก็ควรรู้ว่าเจ้ากําลังเสี่ยงมากนี่คือการต่อสู้ทางการเมืองภายในของเผ่ามนุษย์เงือก เจ้าเป็นผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ ที่อ่อนแอเจ้าจะเข้ามายุ่งเพื่อสิ่งใด? เจ้าชอบเสี่ยฮันโม่งั้นหรือ? หลังจากจบเรื่องนี้ ข้าจะมอบนางเงือกที่งดงามมากมายให้เจ้า อย่าสงสัยความจริงใจของข้า ข้าสาบานต่อเทพสมุทร!”
“ไม่จําเป็นต้องสงสัยความจริงใจของมนุษย์เงือกที่สาบานต่อเทพสมุทร แต่…” ฟาง หยวนกล่าวต่อ“แม้ข้าจะยอมรับความจริงเหล่านี้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าข้าชอบพวกมัน เจ้าคิดว่าข้าชอบเชี่ยฮันโม่งั้นหรือ? ไม่ ไม่ ข้าเพียงต้องการช่วยนาง เหตุใดข้าถึงเสี่ยงเพื่อนาง? เพราะข้ามีหลักการของตนเอง ข้าจะตอบแทนความเมตตาและแก้แค้นศัตรูอย่างสาสม”
“ข้าเคยใช้วิญญาณอายุยืน ข้ามีชีวิตอยู่มานานกว่าที่เจ้าจะคิด ข้าเคยปรารถนาชีวิตที่ยาวนานมาก่อน แต่ตอนนี้ข้าเหนื่อยกับความคิดนี้แล้ว ชีวิตกลายเป็นน่าเบื่อ บางครั้งเป้าหมายสุดท้ายของการเดินทางก็ไม่สําคัญ สิ่งสําคัญคือกระบวนการมุ่งสู่จุดหมายและความรู้สึกระหว่างการเดินทาง”
ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งเบิกตากว้างโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อได้ยินถ้อยคําเหล่านี้ มันยากที่จะทําความเข้าใจชีวิตของฟางหยวน “เจ้ากําลังบอกว่าตําแหน่งเทพธิดาเงือกไม่สําคัญ สิ่งสําคัญคือการช่วยเซี่ยฮันโมในการแข่งขันครั้งนี้งั้นหรือ?”
“ถูกต้อง แต่ยังมีมากกว่านั้น เจ้ากล่าวถึงด้านมืดของการเมืองและสัญญาว่าจะมอบนางเงือกที่งดงามให้ข้า ทั้งคู่ไร้ความหมายสําหรับข้า ข้าจะบอกเจ้า ข้าอยู่มานานพอแล้ว ข้าเบื่อหน่ายการสวมหน้ากาก ความตายไม่ได้น่ากลัวสําหรับข้า ตอนนี้ข้าขอเพียงได้ใช้ชีวิตตามอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของข้าเท่านั้น ข้าจะบรรลุเป้าหมายในแบบของตนเอง มีเพียงการใช้ชีวิตเช่นนี้ที่สามารถทําให้ข้ารู้สึกถึงความตื่นเต้นของชีวิตและต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป”
ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งมึนงงก่อนจะสามารถทําความเข้าใจและตะโกน “เจ้ามันบ้า! เจ้าเป็นคนบ้า! เจ้ากล่าวออกมามากมายแต่ไม่มีสิ่งใดมากกว่าการบอกว่าเจ้าอยู่มานานพอแล้วและไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้อมตะหรือเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสาม หากต้องการใช้ชีวิตในแบบของเจ้าเอง มันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น!”
ฟางหยวนยิ้ม “เจ้าคิดว่าการเป็นผู้อมตะสามารถทําให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ตามต้องการและมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากากงั้นหรือ? ทุกที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ย่อมมีความขัดแย้ง ความอยู่รอดและการใช้ชีวิตเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน การใช้ชีวิตไม่ต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งหรือระดับ การบ่มเพาะแต่ต้องใช้หัวใจ”
ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งตะลึง เขาอ้าปากค้างโดยไม่สามารถกล่าวสิ่งใด
สายตาของเขามองผ่านฝูงชนไปยังฟางหยวน เขาเห็นรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าของฟางหยวนและรู้สึกหนาวเย็นอยู่ภายใน เขาคิด คนผู้นี้มีความคิดที่แปลกประหลาดและแตกต่างจากตรรกะทั่วไป เขามีแนวโน้มที่จะทําลายตัวเอง เขาเป็นปีศาจ!”
มันไม่สําคัญหากเขาไม่เล่นตามกฏกติกา สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือเขาไม่มีความคิดที่ยึดติดกับกฏใดๆ กระบวนการคิดของเขาแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เขาอยู่ไกลจากมาตรฐานของสังคมมากเกินไป
นี่คือปีศาจ!
“นี่คือปีศาจที่แท้จริง!” ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งรู้สึกเย็นเยียบไปถึงแกนกระดูก เขารู้สึกว่านี่คือธรรมชาติที่แท้จริงของฟางหยวน แม้ฟางหยวนจะไม่เข่นฆ่าผู้คนอย่างปาเถื่อนและจะตอบแทนความเมตตาแต่เขากลับมีทัศนคติที่บ้าคลั่ง
ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งรู้สึกถึงความไร้อํานาจของตน
หากฟางหยวนเป็นเด็กไร้ประสบการณ์ ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งอาจแสร้งทําตัวเป็นผู้อาวุโสเพื่อชี้ ทางและบอกถึงความจริงอันมืดดําของสังคม
แต่ฟางหยวนเข้าใจพวกมันเป็นอย่างดี เขารู้ทุกอย่างชัดเจนเกินไป สิ่งที่ทําให้ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งรู้สึกหมดหนทางยิ่งขึ้นคือความคิดของฟางหยวนแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
“เขามีจิตใจที่แข็งแกร่งและดิ้นรั้นเกินไป เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสามเขากล้าดีอย่างไร ไร้เหตุผล ไร้เหตุผล! คนบ้า! เขาเป็นคนบ้า! เขาเย่อหยิ่งเกินไป เขากระทั่งดูถูกชีวิตและความตาย! ถูกตอ้ง เขาไม่กลัวแม้แต่ความตาย แล้วคนเช่นนี้จะกลัวสิ่งใด? ไม่ว่าจะเป็นกวามมั่งคั่งหญิงงามหรืออํานาจ ทุกสิ่งอาจไร้ความหมายหากเปรียบเทียบกับความรู้สึกที่แท้จ ริงของเขา!แล้วข้าจะจัดการเขาได้อย่างไร?
ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งกําลังจะเป็นบ้า
ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งเข้าใจฟางหยวน คนผู้นี้ไม่มีความหวาดกลัวและจะไม่ถูกล่อลวง อาจมีวันที่เขาถูกล่อลวง แต่มันจะเกิดขึ้นเพราะความต้องการของเขาเอง
มันไม่ง่ายที่ผู้คนจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ มนุษย์เงือกก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งมีอํานาจและสถานะที่สูงส่ง แต่เขาก็มีความยากลําบากมากมายในชีวิต
ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองเงือกศักดิ์สิทธิ์กดดันเขาจากเบื้องบน ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนของเขากําลังวางแผนและต่อสู้กันเอง บางคนยังต้องการขโมยตําแหน่งของเขา ลูกน้องหลายคนต้องการอํานาจมีความขัดแย้งระหว่างภรรยาหลายคนของเขา เขาต้องดูและและจัดการทุกสิ่ง
ผิดหรือที่เขาทุจริต?
ไม่!
การทุจริตคือสิ่งใด?
การทุจริตไม่มีสิ่งใดมากไปกว่าการได้รับผลประโยชน์มากขึ้นและผลประโยชน์เหล่านี้จะทําให้ผู้ครอบครองผลประโยชน์รายอื่นรู้สึกไม่ยุติธรรม
มันคล้ายกับการแบ่งเค้ก ในสถานการณ์ปกติอาจเป็นเจ้าได้รับหนึ่งชิ้น ข้าได้รับหนึ่งชิ้น แต่ตอนนี้ข้าได้รับอีกหนึ่งชิ้นและทําให้เจ้ารู้สึกอิจฉา เจ้าบ่นว่า “เจ้าฝ่าฝืนกฎของการแบ่งปัน เจ้ามีสิทธิ์รับสิ่งนี้นั้นหรือ?”
นี่คือการทุจริต
คิดว่าผู้อาวุโสสูงสุดที่สนับสนุนเทพธิดาเลือกไม่ทุจริตงั้นหรือ?
การทุจริตจะเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย กระทั่งตัวผู้อาวุโสสูงสุดจะไม่ทุจริต แล้วลูกน้องของนาง? บุตรธิดาของนาง? มันเป็นเพียงว่าพวกเขาอาจไม่ได้ทุจริตมากเท่ากับผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งเท่า
แม้ฝ่ายของผู้อาวุโสสูงสุดจะไม่มีการทุจริตแม้แต่น้อย พวกเขาก็ยังเป็นคนชั้นสูงที่ชื่นชอบเค้กและเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
จากแง่มุมนี้ ทุกคนต่างเป็นผู้แสวงหาผลประโยชน์ มีความแตกต่างกันอย่างไร?
พวกเขาเหมือนกัน!
ดังนั้นผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งจึงไม่เคยรู้สึกว่าการทุจริตของเขาเป็นความผิด เขาเพียงต้องการได้รับความมั่งคั่ง หญิงงาม และอํานาจมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อการทุจริตของเขาเพิ่มขึ้น เขาจะสร้างกฎของการแบ่งปัน แต่เขาจะไม่หยุด ความ โลภในตัวเขาไม่ยอมให้เขาหยุด
ไม่ มันไม่ใช่ความโลภ มันเป็นความทะเยอทะยานของข้า!” หลายครั้งที่ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งตะโกนสิ่งนี้ในใจ
เขาคิดถึงเรื่องตลกที่ไม่ตลกเรื่องหนึ่ง
พ่อถามลูกว่าโตขึ้นต้องการสิ่งใด?
ลูกชายตอบ “ข้าต้องการความมั่งคั่งและหญิงงาม”
พ่อตบลูกชาย!
ลูกชายตอบอีกครั้ง “ข้าต้องการอาชีพและความรัก”
พ่อเผยรอยยิ้มบางและพยักหน้าเบาๆ
อาชีพและความรักเป็นความทะเยอทะยาน ความมั่งคั่งและหญิงงามก็เป็นความทะเยอทะยานเช่นกัน
ดังนั้นผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งจึงมั่นใจในตัวเอง มีสิ่งใดผิดหากเขาจะไล่ล่าความมั่งคั่ง หญิงงามอํานาจ และชื่อเสียง?
มันเลวร้ายงั้นหรือ?
ทั้งหมดคือความทะเยอทะยาน
ผู้ใดบ้างไม่มีความทะเยอทะยาน?
ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งชอบความทะเยอทะยานนี้และความทะเยอทะยานนี้กระตุ้นเขา มันยังล่อลวงให้ผู้อื่นเสียลสะเพื่อความปรารถนาของเขา
ไม่มีสิ่งใดผิดเกี่ยวกับการทุจริตของเขา นี่คือความทะเยอทะยานของเขา!
ความทะเยอทะยานควรนําไปปฏิบัติจริงและต้องพยายามเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย
เมื่อผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งทุจริตเป็นครั้งแรก เขารู้ว่าตนเองต้องมีช่วงเวลาที่ถูกต่อต้านและตําหนิจากผู้อื่น
แล้วอย่างไร?
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมชาติและเป็นความเจ็บปวดที่เขาต้องประสบเพื่อเติมเต็มความทะเยอทะยานของตน
ตราบเท่าที่เขาสามารถก้าวข้ามความยากลําบากเหล่านี้ ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งจะสามารถเติมเต็มความทะเยอทะยานของตน
ตราบเท่าที่เขาใช้กลยุทธ์ทางการเมืองที่หลากหลายเช่นการบิดเบือน การใช้ทางอ้อม การคุกคาม และอื่นๆ เขาจะสามารถเติมเต็มความทะเยอทะยานเหล่านั้น
ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งที่อยู่ในอํานาจมาอย่างยาวนานมั่นใจในแง่มุมนี้ เขามีรากฐานของความมั่นใจ หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของฟางหยวน เขาจะผลักเซี่ยฮันโม่ลงจากตําแหน่งเทพธิดาเงื่อกด้วยตนเอง
เมื่อเขาประสบความสําเร็จในเรื่องนี้ เขาจะสามารถเอาชนะผู้อาวุโสสูงสุดและปกป้องผลประโยชน์จากการทุจริตของเขา
จากนั้นเขาจะใช้เทพธิดาเลือกเป็นหุ่นเชิดเพื่อวางนโยบายในอนาคต เขาจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ที่เสียหายของตนและใช้กฏชําระล้างชื่อเสียงของเขา
ในเวลานั้นผู้ใดจะบอกได้ว่าเขาทุจริต!
แต่ก่อนที่ผู้นําคลื่นน้ําแข็งจะประสบความสําเร็จ เขากลับล้มเหลวเพราะเขาบังเอิญพบฟางหยวน!
คนผู้นี้ไม่มีความทะเยอทะยาน ไม! นั่นไม่ถูกต้อง ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งเชื่อว่าฟางหยวนชอบความมั่งคั่ง หญิงงาม อํานาจ และชื่อเสียง แต่เขาชอบทําตามความรู้สึกของตนเองมากกว่า! นั่นคือความทะเยอทะยานของเขา!
สิ่งใดคือต้นกําเนิดของความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่นี้?
ด้วยความทะเยอทะยานดังกล่าว คนส่วนใหญ่จะไม่จบลงด้วยการถูกมองว่าชั่วร้ายและบ้าคลั่งงั้นหรือ?
เขากําลังรนหาที่ตาย!
ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งกัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง ความเกลียดชังยิ่งรุนแรงมากขึ้น เมื่อมันเกิดจากสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งหวังว่าจะสามารถเอาชนะฟาหยวน เขาต้องการให้ฟางหยวนตายทันที!
แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทําได้เพราะพวกเขาอยู่ในพิธีบูชาเทพสมุทร
เพลงสุดท้าย เชี่ยฮันโม่และฟาหยวนเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยกัน
ฟางหยวนเล่นดนตรี เชี่ยฮันโม่ร้องเพลง
ทะเลสีครามกําลังหัวเราะ คลื่นยักษ์กําลังพลุ่งพล่าน
ล่องลอยไปตามกระแส ให้ความสําคัญเพียงวันนี้
สวรรค์หัวเราะโลกมนุษย์ที่วุ่นวาย
ผู้ใดชนะหรือพ่ายแพ้ มีเพียงสวรรค์ที่รู้
ชีวิตมนุษย์มีขึ้นมีลงเหมือนคลื่นสมุทร
บางครั้งสูง บางครั้งต่ํา แล้วเหตุใดต้องกังวลว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้
แม่น้ําและภูเขาเย้ยหยันสายฝนที่โปรยปราย
วีรชนกี่คนที่ถูกกระแสน้ําพัดพาไป ยิ้มรับสายลม ดื่มความเงียบ
ความกล้าหาญของวีรบุรุษสะท้อนให้เห็นในค่ําคืนอันเหน็บหนาว
ความกล้า ความสูงส่ง ความทะเยอทะยานทั้งหมดจะถูกคลื่นซัดหายไปไม่เว้นแม้แต่ชีวิต
บุรุษผู้สูงศักดิ์ไม่ใช่คนสันโดษที่ห่างไกลจากโลกหล้าและผลประโยชน์
โชคชะตาไม่แน่นอน แล้วเหตุใดจึงไม่รักษาความรู้สึกของตนเอาไว้ ทิ้งหน้ากากและค้นหาตัวตนที่แท้จริง
ตัวตนที่แท้จริงคือความเด็ดเดี่ยว ตัวตนที่แท้จริงคือความเดียวดาย กระทั่งชีวิตจะเหมือนตะวันตกข้าก็จะใช้ชีวิตอย่างสง่างาม
ทะเลสีครามกําลังหัวเราะ คลื่นยักษ์กําลังพลุ่งพล่าน
ล่องลอยไปตามกระแส ให้ความสําคัญเพียงวันนี้
สวรรค์หัวเราะโลกมนุษย์ที่วุ่นวาย
ผู้ใดชนะหรือพ่ายแพ้ มีเพียงสวรรค์ที่รู้
แม่น้ําและภูเขาเย้ยหยันสายฝนที่โปรยปราย
วีรชนกี่คนที่ถูกกระแสน้ําพัดพาไป
ผู้คนหัวเราะ ปราศจากความเหงา
แต่จิตวิญญาณที่เด็ดเดี่ยวในตัวข้าจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ฟื้นคืนสู่ชีวิต หลอมรวมกับโลก ใช้ชีวิต ทําตามความรู้สึกของตนเอง
แม้คลื่นชีวิตจะพัดข้าขึ้นและลง ส่งข้าไปแดนมรณะ ข้าก็จะไม่มีวันโศกเศร้า คร่ําครวญ หวาดกลัว หรือกังวล
ข้าจะลิ้มลองรสชาติทั้งหมด ข้าจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไปจนสุดทาง
ข้าซื่อสัตย์ต่อธรรมชาติของข้า
ข้าคือตัวของข้าเอง
บนเวที ฟางหยวนปิดเปลือกตาบรรเลงวิญญาณพิณ
ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า เขาพึมพําออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ “นี่ ปีศาจตนนี้”
เซียฮันโม่รู้สึกประทับใจมาก นางมองฟางหยวนด้วยดวงตาส่องประกายและคิด ชีวิตที่อิสระและไร้ขอบเขต นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการมิใช่หรือ? ฟางหยวนสามารถแต่งเพลงเช่นนี้ เขามีทัศนคติของผู้อมตะ!”
กลับสู่ปัจจุบัน
ถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า เมืองทะเลศักดิ์สิทธิ์
พิธีบูชาเทพสมุทร
เซี่ยหลินขึ้นเวทีและร้องเพลงที่สาม
ทะเลสีครามกําลังหัวเราะ คลื่นยักษ์กําลังพลุ่งพล่าน
ล่องลอยไปตามกระแส ให้ความสําคัญเพียงวันนี้
สวรรค์หัวเราะโลกมนุษย์ที่วุ่นวาย
ผู้ใดชนะหรือพ่ายแพ้ มีเพียงสวรรค์ที่รู้
ทุกคนตะลึง ซูอี้หน้าซีดเผือด ผลลัพธ์ชัดเจนมาก
เซี่ยหลินจมกับอยู่กับบทเพลง
ท่วงทํานองที่คุ้นเคยดังขึ้นในหูของฟางหยวนและเชื่อมโยงกับความทรงจําของเขา
ครั้งหนึ่งเขาเคยยืนอยู่บนเวทีในฐานะนักดนตรี บิดเปลือกตา และเผยรอยยิ้มบาง
ตอนนี้เขายืนอยู่นอกเวทีในฐานะผู้ชมและซ่อนดวงตาที่มีดมิดเอาไว้
หลังจากมีชีวิตอยู่มานานหลายร้อยปี สิ่งต่างๆอาจเปลี่ยนไป แต่ดูเหมือนไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
เขายังเป็นฟางหยวนมาตลอด