เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - บทที่ 1825 ดอกไม้สีแดง
บทที่ 1825 ดอกไม้สีแดง
ศิษย์หลี่เสี่ยวไปคารวะท่านอาจารย์ทั้งสอง หลี่เสี่ยวไปกล่าวด้วยความเคารพ
นักปราชญ์เฉินยิ้มและพยักหน้า
อาจารย์เจียงถาม เสี่ยวไป เจ้าเตรียมบทกวีไว้บ้างหรือไม่?
อาจารย์เจียงขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความกังวล หลี่เสี่ยวไปผู้นี้มีพรสวรรค์ธรรมดามาก อาจารย์เจียงหวังว่าเขาจะเตรียมบางสิ่งเอาไว้ มิฉะนั้นสถานศึกษาแห่งนี้อาจสูญเสียชื่อเสียง
โดยเฉพาะเมื่อนักปราชญ์เฉินอยู่ที่นี่ ทุกคนรู้ว่าอาจารย์เจียงเป็นคนมีความสามารถ หากศิษย์ของเขาสร้างความอับอาย ผู้คนจะกล่าวว่าเขามีความสามารถแต่ไม่สามารถสั่งสอนศิษย์
ท่านอาจารย์ ข้าเตรียมบทกวีไว้บ้าง หลี่เสี่ยวไปตอบด้วยการแสดงออกที่ค่อนข้างมั่นใจ
เช่นนั้นก็ท่องให้พวกเราฟัง อาจารย์เจียงผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ถ้ําสวรรค์วรรณกรรมไม่เหมือนถ้ําสวรรค์อื่นๆ มันมีเอกลักษณ์พิเศษของตัวเอง
หากบางคนสามารถแต่งบทกวีหรือสร้างสรรค์ผลงานวรรณกรรมที่ดี ถ้ําสวรรค์วรรณกรรมจะมอบผลประโยชน์ให้กับพวกเขา
ดังนั้นการสร้างสรรค์บทกวีจึงมีความสําคัญและจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดํารงชีวิตสถานะชื่อเสียง การบ่มเพาะ และอนาคตของพวกเขา
โดยปกติบัณฑิตส่วนใหญ่จะสะสมรากฐานและเก็บบทกวีดีๆเอาไว้เป็นความลับของตนเองแม้พวกเขาจะไม่สามารถนําบทกวีเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็จะเก็บมันไว้สําหรับอนาคต
ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลี่เสี่ยวไปจะเตรียมบทกวีเอาไว้
ร่างแยกหลี่เสี่ยวไปของฟางหยวนคิด ข้าอ่านบทกวีมามากมายในชีวิตแรกของข้า พวกมันล้วนเป็นผลงานที่ทําให้โลกตกตะลึงแม้จะผ่านวันเวลามานับพันปี
แต่หากข้าพยายามใช้บทกวีเหล่านั้น มันจะเป็นปัญหา
ถ้ําสวรรค์วรรณกรรมเป็นถ้ําสวรรค์บนเส้นทางแห่งข้อมูล มันเชี่ยวชาญด้านการรวบรวมข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีสังเกตปราณวรรณกรรมและปราณพรสวรรค์ เกือบทุกคนมีวิธีการดังกล่าวมันแตกต่างกันเพียงระดับความสําเร็จเท่านั้น
ข้าไม่มีปราณวรรณกรรมและปราณพรสวรรค์ ก่อนที่ข้าจะเข้ายึดครองร่างนี้ เขาเป็นศิษย์ธรรมดาการสร้างบทกวีที่น่าตกใจตอนนี้ไม่เพียงผู้คนจะไม่เชื่อข้า พวกเขายังจะสงสัยและเริ่มตรวจสอบข้า
แม้ข้าจะพยายามอธิบายว่ามันไม่ใช่ผลงานของข้าในภายหลัง มันก็ยังสายเกินไป ข้าจะถูกมองว่าไม่ซื่อสัตย์ ทุกคนจะดูหมินและเกลียดชังข้า
ฟางหยวนวางแผนแทรกซึมเข้ามาในถ้ําสวรรค์วรรณกรรมเพื่อรับผลประโยชน์ทุกประเภท
ร่างแยกหลี่เสี่ยวไปไม่มีปราณวรรณกรรมหรือปราณพรสวรรค์ตั้งแต่แรก แต่มันไม่ใช่ฟางหยวนที่ขาดแคลนพรสวรรค์
ฟางหยวนมีบทกวีที่มีชื่อเสียงจํานวนมากอยู่ในความทรงจํา นอกเหนือจากบทกวีเหล่านี้มันยังมีบทกวีที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นด้วยตัวเอง
ดังนั้นหลี่เสี่ยวไปจึงเลือกหนึ่งในนั้นและเริ่มท่อง
อาจารย์เจียงถอนหายใจ บทกวีนี้สร้างได้ค่อนข้างดี มันอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
อืม ไม่มีสิ่งใดน่าประทับใจแม้แต่น้อย
ข้านั่งข้างหลี่เสี่ยวไปเป็นเวลาสามปีในชั้นเรียน สิ่งนี้เกินมาตรฐานของเขาไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า
มันไม่ดีงั้นหรือ? ด้วยบทกวีพื้นๆของเขา อีกสองคนถัดไปจะโชคดีมาก
ศิษย์ที่อยู่ด้านล่างพูดคุยอย่างมีชีวิตชีวา
บทกวีของหลี่เสี่ยวไปค่อนข้างเข้ากันได้กับความสามารถของเขาที่ทุกคนรู้จัก แต่เขามีสหายร่วมชั้นเรียนที่มีความสามารถเหนือกว่าอีกหลายคน
โดยเฉพาะศิษย์บางคนที่เตรียมบทกวีล้ําค่าเอาไว้ล่วงหน้า
บทกวีเหล่านี้ถูกแต่งขึ้นอย่างพิถีพิถันและตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่จะนําพวกมันออกมา
เมื่อเสียงกลองดังขึ้น ดอกไม้สีแดงก็ถูกส่งผ่านไป ศิษย์ชั้นยอดเหล่านี้รู้สึกตื่นเต้นมากดวงตาของพวกเขาส่องประกายด้วยความคาดหวัง
เมื่อเสียงกลองหยุดลง
ศิษย์ส่วนใหญ่ต่างผิดหวัง พวกเขาไม่ถูกเลือก
ต่อมาดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างขึ้น
ดอกไม้สีแดงหยุดอยู่ที่หลี่เสี่ยวไป! เป็นเขาอีกครั้ง
โอ้? หลี่เสี่ยวไปค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน
กฏก็คือกฏ เจ้าสามารถขึ้นมาอีกครั้ง นักปราชญ์เฉินหัวเราะและสายศีรษะ
อาจารย์เจียงเริ่มกังวล ตามพื้นฐานของหลี่เสี่ยวไป ครั้งที่แล้วเขาทําได้เหนือมาตรฐานของตนเองแล้ว แต่ครั้งนี้
อย่างไรก็ตามหลี่เสี่ยวไปยังท่องบทกวีของเขาเป็นครั้งที่สอง
บทกวีนี้อยู่ในระดับเดียวกับบทกวีก่อนหน้า
ในที่สุดอาจารย์เจียงก็สามารถผ่อนคลาย เขามองหลี่เสี่ยวไปด้วยสายตาอ่อนโยนมากขึ้น ดูเหมือนแม้แต่เจ้าก็ยังทํางานอย่างหนัก เจ้าเก็บบทกวีไว้ถึงสองบท ทั้งสองควรเป็นผลงานการสร้างสรรค์ของเจ้าเองมันไม่ง่ายเลยที่เจ้าจะแต่งพวกมันขึ้นมา
หลี่เสี่ยวไปแสดงออกด้วยท่าทีเขินอาย อาจารย์เจียงหัวเราะอย่างมีความสุข
คนสุดท้าย
หลี่เสี่ยวไปได้รับโอกาสถึงสองครั้ง เห้อ… นั่นเป็นโชคร้ายจริงๆ
หากข้าถูกเลือก นักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน แต่ข้าไม่มีโอกาส!
ข้าสงสัยว่าผู้ใดจะได้รับโอกาสสุดท้าย?
ทุกคนแทบไม่สามารถรักษาความสงบ พวกเขามองดอกไม้สีแดงอย่างไม่ละสายตา
ส่งให้ข้าส่งให้ข้า!
เห้อ…ผ่านข้าไปอีกแล้ว ข้าหวังว่ามันจะวนกลับมาที่ข้าอีกครั้ง
ปัง!
เสียงกลองหยุดลงอย่างกะทันหัน
นักปราชญ์เฉินเปิดเปลือกตาขึ้นและเผยรอยยิ้ม ครั้งนี้เป็นผู้ใด? คือ?
เขามึนงงและไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ เหตุใดเป็นเจ้าอีกครั้ง?
หลี่เสี่ยวไปถือดอกไม้สีแดงเดินออกไปด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม
เขาป้องหมัดให้นักปราชญ์ทั้งสองก่อนจะหันหน้ากลับไปทางศิษย์ร่วมชั้นเรียน สหายทุกท่าน ข้าไม่ได้ทําสิ่งนี้โดยตั้งใจ การได้รับเลือกสามครั้งติดต่อกันทําให้ข้าประหลาดใจและตกใจ มาก ข้าข้ารู้ว่าทุกคนมีความสามารถมากกว่าข้า แต่ข้าต้องท่องบทกวีครั้งที่สาม ข้าขอโทษทุกคนจากใจจริง
แรกเริ่มศิษย์ร่วมชั้นเรียนของเขาตกใจและโกรธ แต่หลังจากได้ยินคํากล่าวและการแสดงออกของหลี่เสี่ยวไปความโกรธในใจของพวกเขาก็จางหายไป
ในความเป็นจริงพวกเขาเริ่มรู้สึกสงสารหลี่เสี่ยวไป
ท้ายที่สุดพรสวรรค์และทักษะของหลี่เสี่ยวไปก็ด้อยกว่าพวกเขาจริงๆ แล้วเขาจะไม่ทุกข์ทรมานกับการแสดงสามครั้งติดต่อกันได้อย่างไร?
โชคของเจ้าช่างน่าเหลือเชื่อนัก ลืมมันไปเถอะ เอาล่ะ เริ่มท่องบทกวีได้แล้ว อาจารย์เจียงหัวเราะ
หลี่เสี่ยวไปท่องบทกวีของเขาอีกครั้ง มันเป็นบทกวีทั่วไปแต่ท่อนสุดท้ายของมันค่อนข้างน่าประทับใจ
แม้มันจะเป็นเพียงจุดเล็กๆแต่มันช่วยยกระดับบทกวีทั้งหมดขึ้นสู่ระดับใหม่
ไม่เพียงนักปราชญ์เฉินจะหัวเราะและชื่นชม กระทั่งอาจารย์เจียงยังรู้สึกประหลาด ใจเล็กน้อย ท่อนสุดท้ายของบทกวีของเจ้าน่าสนใจทีเดียว เจ้าคิดอย่างไรกับมัน
หลี่เสี่ยวไปเผยรอยยิ้มขมขื่น ท่านอาจารย์ ข้าไม่กล้าโกหก เดิมทีบทกวีบทนี้มีเพียงสามบรรทัดข้าพึ่งคิดบรรทัดสุดท้ายอย่างกะทันหัน แต่ผู้ใดจะคิดว่าท่านอาจารย์ทั้งสองจะชื่นชอบมันนี่ทําให้ข้าประหลาดใจมาก
อาจารย์เจียงตกตะลึงก่อนจะหัวเราะเสียงดัง
นักปราชญ์เฉินส่ายศีรษะ หลี่เสี่ยวไปเจ้าพูดตรงมาก
ปรากฏว่าเขาลอบใช้วิธีตรวจสอบปราณวรรณกรรมและปราณพรสวรรค์ของหลี่เสี่ยวไปและพบกว่าเด็กผู้นี้มีความสามารถค่อนข้างธรรมดา
แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะได้รับแรงบันดาลใจและทํางานได้ดีกว่าปกติ นักปราชญ์เฉินไม่มีข้อสงสัย
อาจารย์เจียงต้องมองหลี่เสี่ยวไปใหม่อีกครั้ง
เขาคิด แม้หลี่เสี่ยวไปจะมีพรสวรรค์ธรรมดา แต่เขายังทํางานอย่างหนัก มันเห็นได้จากวิธีที่เขาเตรียมบทกวีไว้ถึงสามบท ความสามารถในการได้รับแรงบันดาลใจและแต่งกลอนสดบนเวทีของเขาแสดงให้เห็นว่าเขามีศักยภาพ แต่สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับเขาคือคํากล่าวในรอบที่สามของเขา เขาขอโทษสหายร่วมชั้นเรียน นั่นเป็นทักษะทางสังคมที่ดี ความสามารถในการพูด การเขียนและการแสดงออกของเขาไม่เลวเลยจริงๆ
เดี๋ยว! อาจารย์เจียงนึกถึงบางสิ่ง ข่าวเกี่ยวกับการแข่งขันระหว่างข้ากับนักปราชญ์เฉินจะแพร่กระจายออกไปทั่วโลก แต่นั่นไม่ใช่จุดสําคัญ สิ่งสําคัญคือหลี่เสี่ยวไปจะโด่งดังจากเรื่องนี้ เขาได้รับโอกาสสามครั้งติดต่อกันเพื่อท่องบทกวี เขาจะกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ
หลังจากจบเรื่องนี้ บางคนอาจมุ่งเป้ามาที่หลี่เสี่ยวไปเพื่อโจมตีข้า!
ปัญหาคือหลี่เสี่ยวไปเป็นศิษย์ธรรมดา
อาจารย์เจียงขมวดคิ้วและตัดสินใจ ข้าต้องเลี้ยงดูหลี่เสี่ยวไปและลอบสนับสนุนเขา! หลังจากนี้ทุกคนจะรู้ว่าหลี่เสี่ยวไปเป็นศิษย์ของข้า แม้ข้าจะมีศิษย์มากมาย แต่เขาจะเป็นคนเดียวที่มีชื่อเสียง
ในอนาคตหากบางคนพูดถึงหลี่เสี่ยวไป ชื่อของข้าจะปรากฏขึ้นเช่นกัน ชื่อเสียงของเราถูกติดกันแล้วข้าต้องดูแลเขาอย่างดี มิฉะนั้น…
อาจารย์เจียงรู้สึกกดดันมาก เขาตัดสินใจที่จะทําให้แน่ใจว่าหลี่เสี่ยวไปจะกลายเป็นบัณฑิตที่ดีแม้เขาจะต้องใช้ความพยายามและทรัพยากรจํานวนมาก เขาก็ต้องแกะสลักหยกชิ้นนี้ให้งดงาม!
ภาคกลาง ภูเขาเฟยอี้
กู้หริวรูหยุดใช้ท่าไม้ตายอมตะและปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก เขาสูดหายใจลึกก่อนกล่าว เรียบร้อยแล้ว เวลาในมิติช่องว่างของเขาถูกเร่งความเร็วจนถึงขีดจํากัดแล้ว เขาจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติบ่อยมาก
ขอบคุณสําหรับการทํางานหนัก ฉินติงหลิงยิ้มขณะมองฟางเจิ้งที่กําลังนอนหลับอยู่
แต่นางกลับอ้าปากค้างอย่างกะทันหัน
เกิดสิ่งใดขึ้น? กู้หริวรูถามด้วยความสงสัย
ฉินติงหลิงกล่าว ข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อตรวจสอบโชคของเขาและพบว่าโชคของฟางเจิ้งเปลี่ยนไปอีกครั้ง โชคเดิมของเขาเป็นเนินเขาสี่เหลี่ยมที่อุดมสมบูรณ์ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นอืม… มันดูเหมือนฝาหม้อ…
มันหมายความว่าอย่างไร?
ฉินติงหลิงส่ายศีรษะ ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
สองเดือนต่อมา
ข่าวบางอย่างทําให้ร่างหลักของฟางหยวนหยุดการฝึกฝนของเขา
ในที่สุดข้าก็พบที่ตั้งของวังมังกร
ดี ข้าเรียนรู้วิธีบนเส้นทางแห่งพลังปราณเรียบร้อยแล้ว ข้าควรดําเนินการล่วงหน้าและขโมยคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้อย่างลับๆก่อนที่วังสวรรค์จะเคลื่อนไหว