เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - บทที่ 1835 มือสังหารหยินหยาง
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1835 มือสังหารหยินหยาง
เดี๋ยว! นี่เป็นอาณาจักรแห่งความฝัน ข้าไม่ใช่อู๋ส่วยตัวจริง เหตุใดข้าต้องรู้สึกเกลียดชัง? ร่างแยกมนุษย์มังกรตก ตะลึงเมื่อความคิดของเขากลับมากระจ่างชัดอีกครั้ง
เขากระพริบตาและตบหน้าผากของตนเองโดยไม่รู้ตัว
เขาไม่รู้สึกถึงเหงื่ออันเย็นเยียบแต่สัมผัสได้ถึงเขามังกรที่อบอุ่น
หัวใจของเขากลายเป็นเย็นยะเยือก
พี่ใหญ่ เราจะทําอย่างไรต่อไป ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรถาม
ฟางหยวนมองเขา
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรผู้นี้คือฮวงเว่ย ครั้งหนึ่งเขาเคยเข้าร่วมในพิธีคัดเลือกศิษย์ของนักพรตมดเขียวพร้อมกับอู๋ส่วยแต่เขาแพ้
อย่างไรก็ตามคนผู้นี้มีความสามารถและไหวพริบเพียงพอ นอกจากนั้นด้วยตัวตนมนุษย์มังกร พวกเขาจึงมีความเป็นหนึ่งเดียวกันมากกว่าเผ่ามนุษย์ พวกเขาไม่มีความขัดแย้งภายใน สิ่งนี้ทําให้อัจฉริยะหนุ่มเผ่ามนุษย์มังกรทั้งหมด สามารถเติบโตขึ้นอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอัจฉริยะเช่นฮวงเว่ยที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นพิเศษ
อู๋ส่วยรู้จักพรสวรรค์ของฮวงเว่ยเป็นอย่างดีและต้องการผูกมิตรกับเขา เนื่องจากเหตุบังเอิญบางอย่าง อู๋ส่วยช่วยชีวิตฮวงเว่ยเอาไว้และทําให้ทั้งสองสาบานเป็นพี่น้อง
สองสามฉากที่ผ่านมาของอาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้ดําเนินไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้อู๋ส่วยกลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว
ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับมันและกันเสียงเย็น หากไม่สามารถอดทนกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ แผนการของเราจะสําเร็จได้อย่างไร? เราจะทําเหมือนไม่เคยรู้เรื่องนี้เช่นเคย
ชูจิ่วหลิงเคยตั้งท้องลูกของฟานจื่อ นางถูกทอดทิ้งและโกรธมาก นั่นทําให้นางจัดพิธีเลือกคู่ครองเพื่อหาสามี
อู๋ส่วยเชื่อฟังคําสั่งของบิดาและกลายเป็นสามีของชูจิ่วหลิงเพื่อสร้างสายสัมพันธ์กับท่านหญิงวังอักษรศิลป์ซึ่งเป็นผู้อมตะระดับแปด
แต่ชูจิ่วหลิงไม่สามารถหยุดคิดถึงฟานจื่อหลังจากคลอดบุตรชายของเขา
จากนั้นไม่นานฟานจื่อก็คิดถึงชูจิ่วหลิงเช่นกัน เขาตัดสินใจเข้าหานางอีกครั้ง
ชูจิ่วหลิงไม่สามารถควบคุมตนเอง นางลอบติดต่อฟานจื่อ ทั้งสองลอบพบกันนับครั้งไม่ถ้วนและกลายเป็นความลับที่รู้กันในวงกว้าง
อู๋ส่วยที่เป็นสามีของนางกลายเป็นตัวตลกของโลกผู้อมตะภาคกลาง
เขาเคยเป็นอัจฉริยะที่กล้าหาญและหลักแหลม มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนเช่นเขาจะอดทนกับสิ่งนี้
‘ยิ่งระดับการบ่มเพาะของข้าสูงเท่าใด ข้าก็ยิ่งประสบความสําเร็จในอาณาจักรแห่งความฝันได้ง่ายเท่านั้น’
‘หลังจากอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันนี้มานาน ข้าเกือบคิดว่าตนเองคืออู๋ส่วยจริงๆ’
‘หรือบางที… นี่อาจเป็นการทดสอบที่แท้จริงของวังมังกร?’
ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและตระหนักถึงความจริง
อาณาจักรแห่งความฝันนี้เป็นบททดสอบผู้สืบทอดวังมังกร แต่มันไม่ใช่การทดสอบบุคลิกของพวกเขาเพราะตัวเลือกในอาณาจักรแห่งความฝันอาจไม่สะท้อนถึงความตัวตนที่แท้จริงของคนผู้หนึ่ง
แม้คนผู้หนึ่งจะไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้สืบทอดวังมังกร แต่ตราบเท่าที่พวกเขาอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันนานพอ พวกเขาจะเริ่มเกลียดชังวังสวรรค์และรักเผ่ามนุษย์มังกร พวกเขาอาจกลายเป็นเหมือนอู๋ส่วยที่พร้อมแบบรับความคาดหวังของเผ่ามนุษย์มังกร
เป็นไปได้ที่ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ของทะเลตะวันออกจะเคยสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันนี้มาก่อน กระบวนการนี้ทําให้จิตใจของพวกเขาบิดเบี้ยวและกลายเป็นแม่ทัพมังกร!
‘ข้าควรทําอย่างไร?’
‘ข้าเริ่มได้รับผลกระทบจากมันแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะตื่นตัวตลอดเวลา’
‘ยิ่งข้าสํารวจมันมากเท่าใด สถานการณ์ก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น! หากข้าล้มเหลว ข้าจะกลายเป็นแม่ทัพมังกร หากข้าประสบความสําเร็จ ข้าจะถูกดัดแปลงจิตใจและกลายเป็นเจ้าวังมังกร ร่างหลักของข้าจะไม่มีความสําคัญอีกต่อไป ข้าจะมีเพียงความคิดที่ต้องการกอบกู้เผ่ามนุษย์มังกร!’
หัวใจของร่างแยกมนุษย์มังกรสั่นสะท้านเมื่อเขาตระหนักถึงสิ่งนี้
ไม่ว่าเขาจะประสบความสําเร็จหรือล้มเหลว ผลลัพธ์ก็จะไม่เป็นไปความต้องการของเขา
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือแม้เขาจะต้องการจากไปตอนนี้ มันก็สายไปแล้ว ร่างหลักของฟางหยวนไม่รู้เรื่องนี้ขณะที่ร่างแยกมนุษย์มังกรก็ไม่มีวิธีติดต่อร่างหลัก
‘ข้าตกลงสู่หลุมพรางของวังมังกรแล้ว!’ ร่างแยกมนุษย์มังกรไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ในสถานการณ์นี้
ทันใดนั้นเขาพลันคิดไปถึงชีวิตก่อนหน้า ‘เดี๋ยว! เหตุใดไปหนึ่งปิงจึงสามารถควบคุมวังมังกรและกลายเป็นเจ้าวังมังกรในชีวิตก่อนหน้าของข้า?’
ฟางหยวนไม่เคยรู้ความจริงเบื้องหลังเรื่องนี้
‘ในชีวิตก่อนหน้า ราชันมังกรนาวังมังกรจากไป แต่เขาไม่ต้องผ่านการทดสอบของอาณาจักรแห่งความฝัน หลังจากนั้นมันตกเป็นของไปหนึ่งซึ่งด้วยเหตุผลบางอย่าง นั่นหมายความว่าราชันมังกรไม่ได้รับการยอมรับจากวังมังกรอย่างสมบูรณ์ เขาเพียงปราบปรามมันด้วยกําลังเท่านั้น’
‘อย่างไรก็ตามกระทั่งเขาจะปราบปรามมันด้วยกําลัง แต่เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร? หากเขารู้เหตุใดเขาจึงวางวังมังกร ไว้ในถ้ํามังกรเว้นแทนที่จะเป็นวังสวรรค์ที่ปลอดภัยมากกว่า’
‘วังมังกรเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาส ในชีวิตก่อนหน้า ตี้จางเฉิงถูกกําหราบเช่นกัน ดูเหมือนราชันมังกรพยายามใช้วังมังกรกําหราบตี้จางเฉิง?’
‘ในที่สุดวังมังกรสามารถกดขี่ตี้จางเฉิงแต่มันกลับต่อต้านวังสวรรค์…’
‘ไป่หนิงปิงไม่ควรมีเวลาส่ารวจอาณาจักรแห่งความฝัน แม้นางจะทํา แต่นางก็ไม่ควรประสบความสําเร็จในการสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันนี้’
‘เนื่องจากอาณาจักรแห่งความฝันถูกวังสวรรค์ชิงไป ไป่หนิงปิงจึงกลายเป็นผู้โชคดี?’
ร่างแยกมนุษย์มังกรสายศีรษะ หลังจากพิจารณาเรื่องราวทั้งหมด เขาเริ่มรู้สึกปวดหัว
ข้อมูลมีน้อยเกินไป เขาไม่สามารถค้นหาความจริงของเรื่องนี้
‘ตอนนี้ข้าต้องถ่วงเวลาจนกว่าร่างหลักของข้าจะสังเกตเห็นปัญหาและช่วยข้า’ ร่างแยกมนุษย์มังกรไม่รู้ว่าร่างหลักของฟางหยวนกําลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับราชันมังกร
ในสถานการณ์ปัจจุบัน หากเขาสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันอย่างจริงจัง เขาจะถูกล้างสมอง
หากเขาล้มเหลว เขาจะกลายเป็นแม่ทัพมังกร ในกรณีที่เขาประสบความสําเร็จ เขาจะกลายเป็นเจ้าวังมังกรและทรยศต่อร่างหลัก ไม่ว่าจะเป็นบุคลิก ความคิด และเป้าหมายในชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไป
ไม่มีเส้นทางใดเป็นไปตามความคาดหวังของเขา
สวรรค์สีขาว
เขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ
บึม!
การระเบิดที่รุนแรงส่งคลื่นกระแทกพุ่งออกไปรอบๆ
สายลมกรรโชกแรงทําให้ศาลานกกระเรียนเหมือนเรือกระดาษที่ลอยท่ามกลางคลื่นยักษ์มันสามารถแตกสลายได้ทุกเมื่อ
ฟางเจิ้งเวียนศีรษะขณะที่ใบหน้าซีดขาว
ข้าเป็นผู้อมตะ แต่ข้ายังมีคุณสมบัติไม่พอที่จะดูการต่อสู้ครั้งนี้ หากไม่ได้รับการคุ้มครองจากท่านราชันมังกร ข้าคงตายไปแล้ว
เมื่อฟางเจิ้งมองไปที่ราชันมังกร สายตาของเขาปรากฏให้เห็นถึงความชื่นชมและความขอบคุณ
หลังจากการต่อสู้อันยาวนาน ราชันมังกรยังกระฉับกระเฉงและยืนตัวตรง เกล็ดมังกรของเขาส่องแสงเจิดจ้า ดวงตาของเขาลุกไหม้ไปด้วยความโกรธ ทะเลปราณ เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง แต่เจ้าเลือกที่จะโจมตีผู้อ่อนแอ เจ้าไม่มีนิสัยของผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง!
ฟางหยวนหัวเราะ การโจมตีจุดอ่อนของศัตรูเป็นวิธีที่ถูกต้อง นั่นเป็นวิธีการต่อสู้พื้นฐานที่สุด นอกจากนี้ข้าก็อยากรู้ว่าผู้ใดอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ เหตุใดราชันมังกรผู้ยิ่งใหญ่จึงต้องปกป้องพวกเขาซ้ําแล้วซ้ําอีก?
ฟางเจิ้งไม่รู้ว่าบรรพชนทะเลปราณคือฟาหงยวนและฟางหยวนก็ไม่รู้ว่าน้องชายของเขาฟางเจิ้งอยู่ในศาลานกกระเรียน
คล้ายกับการต่อสู้ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากบุคคลที่อยู่ในศาลานกกระเรียน
ฟางหยวนโจมตีศาลานกกระเรียนหลายครั้งแต่ราชันมังกรกลับปกป้องมันเสมอ
เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงคํารามของมังกรดังขึ้นท่ามกลางหมอกหนาทึบ
‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฟางหยวนรู้สึกสับสน
กลุ่มหมอกเริ่มรวมตัวกันและกลายเป็นปราณมังกร
นี่เป็นท่าไม้ตายแฝง ช่างแยบยลนัก หมอกจางหายไปและเผยให้เห็นร่างจริงของฟางหยวน
เผชิญหน้ากับบรรพชนทะเลปราณ ราชันมังกรถูกบังคับให้ใช้พลังที่แท้จริงออกมา
ท่าไม้ตายนี้เรียกว่าสิ่งใด? ฟางหยวนมองปราณมังกรยักษ์และต้องถอนหายใจด้วยความชื่นชม
ราชันมังกรหัวเราะเสียงดัง ความโกรธบนใบหน้าของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์ การเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้เป็นเพียงการถ่วงเวลา
ในการต่อสู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ คํากล่าวและการแสดงคืออาวุธ
ประสบการณ์ของราชันมังกรเหนือกว่าฟางหยวน เขาสามารถใช้ทักษะการแสดงระหว่างการต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย กระทั่งฟางหยวนก็ยังไม่ทันระวังตัว
ท่าไม้ตายนี้เรียกว่ามังกรผงาด ข้าประสบความสําเร็จหลังจากฝึกฝนมาสิบปี เจ้าทําถูกต้องแล้วที่ไม่โจมตีมันทันที เพราะทุกวิธีที่เจ้าใช้จะช่วยให้มันเติบโตขึ้น จากหนอนสู่มังกร พลังของมันจะเพิ่มขึ้นนับร้อยเท่า เจ้าจะไม่สามารถป้องกันมันได้ ราชันมังกรอธิบายอย่างสบายๆ
เขากล่าวเรื่องนี้ออกมาเพราะต้องการให้ฟางหยวนโจมตีน้อยลง ในเวลาเดียวกันเขาก็กําลังเตรียมท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลัง กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถปกปิด
สมองของฟางหยวนทํางานอย่างรวดเร็ว
เขาไม่เคยเห็นราชันมังกรใช้ท่าไม้ตายอมตะมังกรผงาดในชีวิตก่อนหน้า
แท้จริงแล้วเมื่อราชันมังกรอาละวาดในชีวิตก่อนหน้า เขาไม่เคยใช้คําพูดหรือการแสดงเพื่อหลอกลวงศัตรูของเขา
นี่หมายความว่าราชันมังกรกําลังปฏิบัติต่อบรรพชนทะเลปราณในฐานะศัตรูที่ทรงพลัง ตอนนี้เขากําลังต่อสู้อย่างจริงจัง
ความลึกซึ้งของท่าไม้ตายอมะตมังกรผงาดไม่ด้อยกว่าท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขต นอกจากนี้ฟางหยวนยังไม่ลืมท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนปราณทั้งสามของราชันมังกร
ดูเหมือนท่าไม้ตายอมตะมังกรผงาดจะถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโต้เขตแดนอมตะโดยเฉพาะหากปราณเหล่านี้พัฒนา เป็นปราณมังกร พวกมันจะแข็งแกร่งมาก’
‘แต่แล้วอย่างไร?’
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฟางหยวนก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน เขาโจมตีทันที
ปราณดาบก่อตัวขึ้นและฟันลงไปอีกครั้ง
ราชันมังกรตะลึง ‘เขามองทะลุท่าไม้ตายนี้อย่างชัดเจน เขาไม่หลีกเลี่ยงแต่กลับโจมตี เขาพยายามหยุคข้าจากการใช้ท่าไม้ตายอมตะต่อไปงั้นหรือ?’
การกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังต้องใช้เวลา แต่ฟางหยวนไม่ให้เวลาราชันมังกร
ราชันมังกรไม่หดหู่ เขาหยุดท่าไม้ตายอมตะและนําศาลานกกระเรียนหลบการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
เจ้าต้องการปราบปรามข้า แต่เจ้ากําลังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่างให้กับมังกรผงาดของข้า เมื่อพวกมันเติบโตขึ้น และกลายเป็นมังกร ข้าจะมีโอกาส! ราชันมังกรเต็มไปด้วยเจตจํานงแห่งการต่อสู้
ดังคาด ปราณดาบถูกดูดซับขณะที่ปราณมังกรนับสิบก่อตัวขึ้น
เปรียบเทียบกับพวกมัน ศาลานกกระเรียนเหมือนยุงตัวเล็กๆที่อยู่ข้างช้าง
ช่างทรงพลังนัก ในที่สุดท่านราชันมังกรก็ตอบโต้! ฟางเจิ้งมีความสุขมาก
ฟางหยวนกล่าวซ้ําๆ นี่คือท่าไม้ตายอมตะมังกรผงาดงั้นหรือ? มันทรงพลังจริงๆ แต่ มันยังไม่เพียงพอ
หลังกล่าวจบคำ ฟางหยวนก็กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ มือสังหารหยินหยาง!
ครืน ๆ
มือสองข้างปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า หนึ่งสีขาว หนึ่งสีดํา
มือทั้งสองมีขนาดใหญ่มาก พวกมันแทบสามารถปิดท้องฟ้าเอาไว้ทั้งหมด
เมื่อพวกมันปรากฏขึ้น พวกมันคว้าลําคอและหางของปราณมังกรเอาไว้ทันที
ปราณมังกรคํารามและพยายามดิ้นรนต่อสู้ แต่มือยักษ์ขาวดําไม่ขยับเขยื้อนราวกับพวกมันถูกสร้างขึ้นมาจากโลหะ
ฟางหยวนบีบมือทั้งสองข้างของเขาจากระยะไกล
บึม!
ปราณมังกรถูกระเบิดทําลายโดยไม่สามารถต่อต้าน
ฟางเจิ้งอ้าปากค้างและไม่สามารถหุบมันได้
ฟางหยวนมองราชันมังกรและกล่าวอย่างชัดเจน เอาล่ะ ข้าอุ่นเครื่องเสร็จแล้ว
ราชันมังกรแสดงออกอย่างจริงจัง ดวงตาของเขาจ้องมองฟางหยวนราวกับต้องการกลืนกินฝ่ายหลัง
เขาเปิดปากกล่าว เยี่ยมมาก เจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควรจริงๆ