เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่ 339 นามนั้นคือ เดียร์รอส 1
“ ถอย ถอย ถอย!! กลับไปตั้งหลักเผ่าปีศาจมันจะเยอะเกินไปแล้วทัพเราใกล้จะต้านไม่อยู่แล้ว!!! ”
เบื้องหน้าของเหล่าทหารและจอมยุทธที่กำลังถอยทัพ ปีศาจหลากหลายสายพันธุ์ต่างเดินบุกเข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด..รูปร่างของมันมีทั้งสูงใหญ่เกือบ 3 เมตร มีทั้งปีศาจที่มีปีก คอยโจมตีอยู่บนอากาศด้วยขนที่แหลมคมของมันที่คล้ายกับปีกของขนนก..
“ เดี๋ยวก่อนนั่นอะไร.. ”
ทหารและเหล่าจอมยุทธต่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ปรากฎเป็นเส้นทางสีทอง..ก่อนจะมีประกายไฟขนาดใหญ่พุ่งตกลงมาที่ใจกลางของเผ่าปีศาจ!!
“ ตู้มมมมมม!!! ”
ลูกไฟขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า..ไม่แค่นั้นมีหอกประกายแสงนับหมื่นพุ่งตกลงมาเสียบทะลุร่างเผ่าปีศาจบริเวณนั้นทั้งหมด..
เพียงแค่พริบตาเดียวเผ่าปีศาจเบื้องหน้าเกือบถูกกวาดล้างจนหมดจะเหลือเพียงแค่เผ่าปีศาจตัวใหญ่ที่มีร่างกายถึกทนต่อการโจมตีทุกโหมกระหน่ำลงมาแบบนั้น..
“ นั่นมันอะไรกัน..พลังโจมตีและการกวาดล้างเช่นนี้มัน.. ”
“ นั่นมัน…เทพสวรรค์!! ”
ทหารนายหนึ่งชี้ขึ้นไปข้างบนก็พบเจอเข้ากับเหล่าเทพกลุ่มหนึ่ง ก่อนที่ทั้งหมดจะกระจายตัวออกไปคนละทิศคนละทาง เพื่อกำจัดเผ่าปีศาจที่อาบะวาดอยู่โดยรอบ..
ส่วนปีศาจตัวใหญ่นั้นดูเหมือนจะทนพิษบาดแผลจากธาตุแสงไม่ได้ก่อนที่มันจะล้มลงและตายไปในที่สุด…
……………………………………………………
ไป๋หลงหลังจากที่ออกคำสั่งกระจายกองกำลังเหล่าเทพสวรรค์ออกไปเพื่อจำกัดการอาละวาดของเผ่าปีศาจ ส่วนตนนั้นก็ลงมายังพื้นเบื้องล่าง พร้อมกับผู้ติดตามสองคนที่ตามมาด้วยซึ่งก็คือ ตุลาการสวรรค์ฝ่ายซ้าย และตุลาการสวรรค์ฝ่ายขวา ขอติดตามไป๋หลงมาด้วย แม้ไป๋หลงจะพยามปฏิเสธสักแค่ไหนก็ตามที..
“ ข้ารู้ว่าท่านต้องการเคลื่อนไหวเพียงคนเดียว แต่ตัวท่านในตอนนี้ต้องคำนึงฐานะของตัวเองเป็นสำคัญ เวลานี้ท่านคือ จอมทัพของเหล่าเทพสวรรค์ หากท่านเป็นอะไรไป นั่นก็ถึงคราวการล่มสลายของสวรรค์ ”
“ ย่อมเป็นเช่นนั้น โปรดท่านอย่าดื้อดึงอีกเลย.. ”
ตุลาการสวรรค์ทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาต่างกล่าวออกมาเช่นนี้ ไป๋หลงจึงไม่มีทางเลือก..ได้แต่ยอมให้ทั้งสองติดตามมาด้วย
ตอนนี้นั้นไป๋หลงอยู่ในรูปร่างของมนุษย์เท่านั้น ส่วนตุลาการสวรรค์ ก็อยู่ในรูปลักษณ์ ผู้อาวุโสที่ใส่ชุดสีขาวดำสลับกัน เพื่อป้องกันการเป็นจุดสังเกต..
เพราะโดยปกติแล้ว เทพสวรรค์จะไม่ลงมายังแดนมนุษย์หากไม่จำเป็น…ขณะที่ทั้งสามคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในป่า ก็สัมผัสได้ถึงการต่อสู้ภายในป่าเบื้องหน้า…
“ ดูเหมือนข้างหน้าจะเกิดการต่อสู้.. ”
ไป๋หลงทะยานร่างไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยใช้พลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของเด็กหนุ่ม..
ไม่นานไป๋หลงก็มาถึงสนามรบขนาดย่อม..
ภาพเบื้องหน้าที่ไป๋หลงเห็นก็คือ ศิษย์จากสำนัก สำนักหนึ่ง ที่กำลังต่อสู้อยู่กับเผ่าปีศาจที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ..แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นไม่ว่ายังไงปีศาจก็คือปีศาจ พลังในด้านกายภาพย่อมเหนือกว่ามนุษย์..
ไป๋หลงไม่รอช้าพุ่งทะยานเข้าสู่สนามรบพร้อมกับสร้างกระบี่สีทองขึ้นมานับร้อยเล่มหมุนวนรอบตัวตัวเองทุกย่างก้าว เผ่าปีศาจโดยรอบไม่อาจที่จะสัมผัสตัวไป๋หลงได้ด้วยซ้ำ รู้ตัวอีกทีก็ถูกกระบี่สีทองแทงทะลุร่างไปเสียแล้ว จากความต่างชั้นของฝีมือ
กระบี่สีทองพุ่งแทงทะลุร่างของเผ่าปีศาจเหล่านั้นอย่างง่ายดาย ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่า ศิษย์ที่ยังเหลือรอดและเหล่าผู้อาวุโส..
ส่วนตุลาการสวรรค์ ฝ่าย ซ้ายและขวานั้นไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของไป๋หลง..แต่ในสายตากลับแฝงไปด้วยความชื่นชม…
“ ทะ..ท่านจอมยุทธเป็นใครกัน ฝีมือลึกล้ำนัก!!…”
“ ข้าเป็นใครไม่สำคัญ ทำไมพวกเจ้าถึงมาอยู่กลางป่าเช่นนี้ทั้งที่เผ่าปีศาจก็กำลังอาละวาดอยู่ทั่วยุทธภพ…แต่เดี๋ยวนะ สัญลักษณ์บนเสื้อของเจ้า..สถาบันเทพมาร!! ”
“ ใช่แล้วพวกข้าคือ ศิษย์จากสถาบันเทพมารแต่ทว่าเวลานี้สถาบันเทพมารถูกโจมตีหนักหน่วงที่สุดในบรรดาสถาบันทั้งหมด..พวกข้าทั้งหมดลอบออกมาเพื่อติดต่อขอกำลังเสริมและตามตัวเหล่าศิษย์หลักกลับไปที่สถาบันโดยด่วน!! ”
ไป๋หลงที่ได้ยินเช่นนั้น ก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา สถาบันเทพมารแข็งแกร่งแค่ไหนไป๋หลงย่อมรู้ดี แต่การถูกโจมตีถึงขนาดที่ต้องขอกำลังเสริมเช่นนี้มัน..
ผนวกกับที่ตนนั้นไม่สามารถติดต่อกับพยัคฆ์สวรรค์หลิงหลุนได้ขณะที่ตนกลับมายังแดนมนุษย์ ราวกับว่ามีพลังที่แข็งแกร่งปิดกั้นการติดต่อทั้งหมด…
“ แล้วพวกเจ้าออกมาได้ยังไง.. ”
“ พวกเราใช้ทางลับของสถาบันในการแอบออกมา แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกเผ่าปีศาจโจมตีจนศิษย์พี่ศิษย์น้องหลายคนถูกสังหาร…แต่สิ่งที่น่าเป็นกังวลที่สุด คือปีศาจตนหนึ่งที่ลอยอยู่เหนือสถาบันเทพมาร คล้ายกับว่ามันกำลังทำอะไรบางอย่าง— ”
ไป๋หลงฟังไม่ทันจบก็ระเบิดพลังออกมาก่อนจะโบกสะบัดปีกสีขาวนวลหนึ่งคู่บินทะยานขึ้นไปบนท้องนภาและมุ่งหน้าไปยังสถาบันเทพมาร…
“ พวกเจ้าอย่าเป็นอะไรนะ…ฟา แล้วก็กองกำลังปีกสวรรค์… ”
ตึงงง!!!
ชายหนุ่มระเบิดความเร็วอีกเท่าตัว ใช้พลังแห่งจอมราชันย์และพลังของจักรพรรดิ์เงาในการเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด…
ซึ่งความเร็วระดับนั่นย่อมสร้างความตกตะลึงให้กับตุลาการสวรรค์ทั้งสองคน…
“ แบบนี้ถ้าพวกเราไม่ใช้พลังที่แท้จริงคงจะติดตามท่านจ้าวสวรรค์ไปไม่ทันแน่ๆ.. ”
ตุลาการสวรรค์ฝ่ายขวากล่าวขึ้น ก่อนที่ทั้งสองจะระเบิดความเร็วขั้นสูงสุดเพื่อติดตามไป๋หลง…
…………………………………………………….
ณ สถาบันเทพมาร
บัดนี้ทุกทั่วสารทิศต่างถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉาน พร้อมกับเปลวเพลิงโดยรอบที่โหมกระหน่ำ เหล่าอาจารย์ ผู้อาวุโส หลายคนต่างถูกสังหารจากเผ่าปีศาจชั้นสูง…
ตู้มมมมมม!!!
หลิงหลุนในสภาพของเสือขาวขนาดใหญ่ ที่ตอนนี้ทั่วทั้งร่างมีแต่บาดแผลจากการโจมตีที่รุนแรง ซึ่งบาดแผลเหล่านั้นกลับไม่ถูกรักษาในทันที โดยปกติแล้ว เหล่าอสูรเทพศักดิ์สิทธิ์จะมีพลังในการฟื้นตัวอย่างมหาศาลโดยธรรมชาติเฉพาะวิหคสวรรค์..แต่บาดแผลของหลิงหลุน กลับไม่สมาน มิหนำซ้ำดูเหมือนว่าทุกการโจมตีจะแฝงไว้ด้วยพิษที่ร้ายแรง…
“ การโจมตีเหล่าที่ข้าโจมตี ถ้าเจ้าจะหลบก็หลบได้นิ พยัคฆ์สวรรค์? เพราะปกป้องเหล่ามนุษย์ที่อยู่ข้างหลังเจ้าอย่างงั้นเหรอ ”
ปีศาจตนหนึ่งที่ให้ความรู้สึกแตกต่างออกไปจากเผ่าปีศาจตนอื่นอย่างสิ้นเชิง ทั้งกลิ่นอายของพลัง นัยน์ตาสีแดงเข้ม ปีกที่คล้ายกับเผ่ามาร และเลือนผมสีเงิน..แสดงให้เห็นถึงเชื้อสายที่สูงส่งที่เผ่าปีศาจ..
“ พูดจบรึยัง…ข้าฟังเจ้าพูดอยู่นานแล้ว.. ”
สมุนเผ่าปีศาจที่ติดตามมาด้วยต่างแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวออกมาด้วยความโกรธ…
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!! ทำไมโกรธข้าอย่างงั้นหรือ? ถ้าแน่จริงก็เข้ามาปีศาจชั้นต่ำอย่างพวกเจ้าข้าจะเป่าด้วยสายฟ้าไม่ให้ไปผุดไปเกิดเลย..”
ด้านหลังของหลิงหลุนก็คือกองกำลังปีกสวรรค์ ที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส บ้างแขนขาด ขาขาด เส้นพลังถูกทำลาย และ ผู้ที่อาการน่าเป็นห่วงที่สุดก็คือ ฟา ราชวงศ์คนสุดท้ายของเผ่าเอลฟ์..
“ เฟยเฟย อาการของท่านฟา เป็นยังไงบ้าง ”
หลิงหลุนกล่าวถามนาง พญางูขาวเฟยเฟย ผ่ากระแสจิต..
“ อาการไม่ดีเลย นางเสียเลือดเป็นจำนวนมาก บาดแผลหน้าท้องก็สาหัสนัก หากไม่ได้รับการรักษา อีกไม่นานละก็…. ”
“ เฟยเฟย ฟังที่ข้าจะพูดต่อจากนี้ให้ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าห่างจากตัวข้าเป็นอันขาด.. ”
เฟยเฟยย่อมเข้าใจหลิงหลุนในตอนนี้ดี เพราะไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่ หากใช้พลังเต็มพิกัดละก็…
“ ข้าเข้าใจแล้ว… ”
หลิงหลุนค่อยๆแปรเปลี่ยนสภาพมาอยู่ในร่างของมนุษย์ ประกายอัสนีสีฟ้าไหลผ่านตามร่างกายและลงสู่พื้นดิน…และประกายสายฟ้าเริ่มที่จะมีสีสันขึ้นอย่างอย่างน่าประหลาด..
“ ข้าจำเจ้าได้แล้ว…รูปร่างแบบนั้นท่าทางแบบนั้น ระดับพลังที่เหนือยิ่งกว่าสัตว์ประหลาด…เจ้าคงจะเป็นมือขวาของเทพปีศาจเบลเซบับสินะ..เดียร์รอสสินะ.. ”
“ หืม? ในเมื่อรู้แบบนั้นยังคิดจะต่อกรกับข้า แทนที่จะบอกที่ซ่อนของวิหคสวรรค์อย่างงั้นเหรอ…ถ้าเป็นแบบนั้นข้าอาจจะไว้ชีวิตมนุษย์ที่อยู่ข้างหลังเจ้าก็ได้นะ.. ”
“ เหอะ!! ถ้าเป็นเช่นนั้นละก็… ”
หลิงหลุนระเบิดพลังอัสนี 7 สีออกมา อัสนีแต่ละเส้นสายที่อยู่รอบตัวหลิวหลุนล้วนอัดแน่นไปด้วยระดับพลังชนชั้นเทวะ…เดียร์รอสที่ได้เห็นสิ่งนั้น ก็แปรเปลี่ยนสีหน้าไปในทันที…
“ ก็ลองข้ามศพข้าไปก่อน!! ปราการอัสนี 7 สีไร้ลักษณ์!! ”
ตึงงงง!!!
จบ