เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่ 340 นามนั้นคือเดียร์รอส 2 จบ
หลิงหลุนระเบิดพลังอัสนี 7 สีออกมา อัสนีแต่ละเส้นสายที่อยู่รอบตัวหลิวหลุนล้วนอัดแน่นไปด้วยระดับพลังชนชั้นเทวะ…เดียร์รอสที่ได้เห็นสิ่งนั้น ก็แปรเปลี่ยนสีหน้าไปในทันที…
“ ก็ลองข้ามศพข้าไปก่อน!! ปราการอัสนี 7 สีไร้ลักษณ์!! ”
ตึงงงง!!!
สายฟ้าทั้งเจ็ดสีระเบิดออกเหลือไว้เพียงแค่ความว่างเปล่ารัศมีรอบตัวหลิงหลุนนั้น ล้วนสงบนิ่ง…
“ ปราการอัสนีไร้ลักษณ์ เป็นกระบวนท่าขั้นเทวะ ที่รวมอัสนีเจ็ดสีเจ็ดธาตุและก่อเกิดเป็นความว่างเปล่าไร้ลักษณ์ขึ้นมาในรอบรัศมีของตัวเจ้าเอง…นับว่าเป็นเคล็ดวิชาชั้นเลิศเลยทีเดียว ป้อมปราการที่มองไม่เห็น..แต่แฝงไปด้วยความอันตราย..น่าสนใจจริงๆ แต่ว่านะ.. ”
เดียร์รอสกล่าวขึ้นด้วยควาชื่นชมพร้อมกับเดินไปข้างหน้าโดยจับสมุนปีศาจมาหนึ่งตัว..หลิงหลุนที่ได้ยินเช่นนั้น ไม่คิดว่าปีศาจตนนี้จะรู้เคล็ดวิชาชนชั้นเทวะนี้ด้วย ทำให้หลิงหลุนต้องระวังเพิ่มเป็นเท่าตัว!!..
“ นะ..นายท่าน.. ”
“ ทำตัวให้มีประโยชน์หน่อยก็แล้วกัน.. ”
ปีศาจตนนั้นถูกเดียน์รอสสูบเอาโลหิตออกจากร่างจนหมดเพียงแค่การแตะตัวเท่านั้น เหลือเพียงซากร่างที่แห้งเหลือแต่กระดูก..
เดียร์รอสโยนร่างไร้งิญญาณของปีศาจตนนั้นเข้าไปในปราการไร้ลักษณ์ เพียงชั่วพริบตาที่ร่างของปีศาจตนนั่นลอยไปใกล้กับหลิงหลุนก็เกิดอัสนีบาตฟาดลงมา..ทำลายร่างปีศาจตนนั้นจนไมาเหลือแม้แต่เศษธุลี..แต่ทว่า..
“ เคล็ดวิชานี้ยังมีช่องว่างอยู่นะ.. ”
“ เคล็ดวิชาโลหิตปีศาจ!! ”
เพียงชั่วพริบตาเดียร์รอสก็ปรากฏต่อหน้าหลิงหลุนโดยใช้ช่องว่างไม่เพียงกี่วินาทีก็เข้าประชิดหลิงหลุนได้ โดยที่ปราการไร้ลักษณ์นั้นตอบสนองต่อความเร็วในแต่ละช่วงไม่ทัน..
โลหิตสีดำถูกหัดกระแทกเข้าที่หน้าทองของหลิงหลุน..
“ ข้าก็คิดไว้แล้วว่าเจ้าต้องมาไม้นี้..ประชิดตัวในช่วงระยะที่ปราการไร้ลักษณ์พึ่งจะทำลายร่างของลูกน้องของเจ้าไป..ซึ่งเป็นนกต่อหมายจะเข้าประชิดตัวด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงอย่างงั้นสินะ..ข้าไม่ได้ประมาทถึงเพียงนั้น!! ”
“ อัสนีสะท้อนกลับ!! ”
ตู้มมมมม!!!
เดียร์รอสถูกพลังอัสนีสะท้อนกลับไป..แต่ดูเหมือนพลังป้องกันของปีศาจตนนี้จะสูงเกินขอบเขตที่หลิงหลุนคาดการณ์เอาไว้…ทำได้เพียงแค่ให้เดียร์รอสถอยห่างออกไปเป็นแนวยาว.. พื้นโดยรอบปริแตกจนหมด..ทั้งๆที่โดยปกติแล้วเดียร์รอสจะต้องถูกอัสนีทำลายจนสิ้นซาก..แต่นี่..
ผู้อำนวยการสถาบันเทพมารและเหล่าผู้อาวุโสก็แยกกันไปปกป้องศิษย์กลุ่มอื่น..ทำให้เวลานี้มีเพียงหลิงหลุนเท่านั้นที่คอยปกป้องกองกำลังปีกสวรรค์ และองค์หญิงฟา แห่งราชวงศ์เอลฟ์..
“ ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปละก็แย่แน่…ไม่มีทางเลือกแล้ว คงจะมีเพียงแค่วิธีนั้นวิธีเดียวแล้วสินะ..สู้โดยที่ไม่ได้ปลดปล่อยพลังมันลำบากถึงขนาดนี้เชียว..ในรอบกี่หมื่นปีกันนะที่ข้าไม่ได้อยู่ในสภาพแบบนี้.. ”
พยัคฆ์สวรรค์ผู้องอาจบัดนี้ถูกเหล่าปีศาจระดับสูงห้อมล้อมเอาไว้..
“ ท่านเดียร์รอสถึงเวลาที่เราจะลงมือ— ”
“ ใครอนุญาติให้เจ้าพูด? ”
ปีศาจตนนั้นใบหน้าซีดเผือกปากกับขาสั่นราวกับว่าอยู่ต่อหน้าพญามัจจุราช..ไม่ทันที่ปีศาจตนนั้นจะได้กล่าวแก้ต่างก็ถูกระเบิดร่างจนแหลกระเอียดอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่ปีศาจตนนั้นเกือบจะมีระดับพลังเทียบเท่ากับชนชั้นมหาเทพเสียด้วยซ้ำ..
เพียงแค่จ้องมองก็สามารถสังหารปีศาจระดับสูงได้อย่างง่ายดายและไม่รังเรถึงแม้จะเป็นพวกเดียวกันก็ตาม.ปีศาจตนอื่นต่างพากันตัวสั่นเพราะความหวาดกลัว..
หลิงหลุนที่เห็นเช่นนั้นย่อมรับรู้ได้ทันทีว่าปีศาจตนนั้นยังไม่ทันได้เอาจริงซะด้วยซ้ำ…และพลังฟื้นตัวที่ราวกับสัตว์ประหลาดนั่นอีก..
และอัสนีทั้งหมดค่อยๆถูกขับออกมาจากร่างของเดียร์รอส ราวกับขับสิ่งแปลกปลอมออกมาจากร่างกาย…
“ อัสนีพวกนี้ช่างน่ารำคาญซะจริงๆ แต่ก็น่าเสียดายว่าไหม พยัคฆ์สวรรค์ อุตรส่าห์ให้อัสนีพวกนี้แทรกซึมเข้ามาภายในกายข้าทีละน้อย เพื่อที่เจ้าจะทำบางอย่างสินะ… ”
หลิงหลุนนิ่งเงียบ…เพราะเป็นแบบที่ปีศาจตนนั้นพูดขึ้นมาจริงๆ แผนแทรกซึมอัสนีถูกทำลายโดยสมบูรณ์…
“ ข้าว่าจบการละเล่นเพียงเท่านี้ดีกว่า ในเมื่อเจ้าไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้ ข้าก็ไม่มีธุระสำคัญอะไรจะพูดกับเจ้าแล้ว…ปราการอัสนีนั่นก็เป็นปัญหาอยู่พอสมควร..งั้นก็…”
เดียร์รอสนำผนึกสีดำเข้มออกมาจากความว่างเปล่า..หลิงหลุนแสดงสีหน้าไม่สู้ดีออกมาในทันที…และผลึกนั่นก็ไม่ควรที่จะไปอยู่ในมือของเผ่าปีศาจด้วยซ้ำ!!
“ ผนึกสวรรค์!!! เจ้าไปเอามาได้ยังไงกัน… ”
“ ไม่รู้สินะ..หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว.. ”
“ ไม่มีทาง!! ”
ตู้มมม!!!
หลิงหลุนระเบิดพลังอัสนีออกมาก่อนจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่แม้แต่เดียร์รอสเองก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง..เพราะหากให้ผนึกสวรรค์ทำงาน ตนจะถูกผลังของสวรรค์ปิดผนึกพลังโดยสมบูรณ์!!
ซึ่งปกติแล้วผนึกสวรรค์จะใช้สำหรับการลงโทษสัตว์เทพที่ทำผิดกฎ!! เพราะแบบนั้น จะให้มันทำงานไม่ได้เด็ดขาด..หลิงหลุนจึงระเบิดพลังสายฟ้าออกมา…
“ หมัดพยัคฆ์สวรรค์!! ”
หลิงหลุนปล่อยหมัดที่มีพลังเพียงพอที่จะทำลายทวีปได้ทั้งทวีป..แต่ทว่าปีศาจตนนั้นกลับรับหมัดของหลิงหลุนเอาไว้โดยที่ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย..เดียร์รอสแสยะยิ้มออกมาในทันที..
“ ดีแล้วเหรอที่ถอยห่างออกมาจากมนุษย์— ”
เดียร์รอสที่หันไปหาเผ่ามนุษย์ที่อยู่ด้านหลังของพยัคฆ์สวรรค์ผู้นี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา!!
“ นี่เจ้า…ฮ่าฮ่าฮ่า เพราะแบบนี้ไงสวรรค์ถึงมีของเล่นเยอะแยะไปหมดหนึ่งในนั้นก็คือเจ้า พยัคฆ์สวรรค์!! ”
หลิงหลุนสร้างม่านอัสนีเจ็ดสีขึ้นมาทั้งหมด2 ชั้น เป็นปราการไร้ลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ แน่นอนว่าในตอนนี้แม้แต่เดียร์รอสก็ต้องคิดหนักถ้าจะฝ่าเข้าไป..แต่การที่จะทำแบบนี้ได้นั้น ผู้ใช้เคล็ดวิชาจะต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิต!! เพราะโดยปกติแล้วเคล็ดวิชาอัสนีไร้บักษณ์ ใช้ได้เพียงแค่ ชั้นเดียวเท่านั้นตามกฎของเคล็ดวิชา..
หากใช้มากกว่านั้นจะเป็นวิชาต้องห้ามที่กลืนกินชีวิตของผู้ใช้!!
และสาเหตุที่หลิงหลุนต้องออกมานอกปราการไร้ลักษณ์ก็เพราะจะสามารถปลดปล่อยพลังได้เต็มที่โดยมีป้อมปราการไร้ลักษณ์เป็นสิ่งที่คอยปกป้องศิษย์พวกนั้นไว้…
ขณะที่หลิงหลุนอยู่ท่ามกลางวงล้อมเหล่าปีศาจชั้นสูงอยู่ๆก็มีบางอย่างตกมาจากท้องฟ้า…เดียร์รอสที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้ที่มาใหม่ คล้ายกับว่าเป็นกลิ่นอายที่เดียร์รอสคุ้นเคยมาก่อน..
ตู้มมมม!!!
ตรีศูลสีแดงโลหิตที่ปักลงสู่พื้นดินพร้อมกับชายหนุ่มที่มากับผู้พิทักษ์ประจำตัวสองคน!! ซึ่งแน่นอนว่าหลิงหลุนย่อมจำใบหน้าของผู้เป็นนายได้อย่างถูกต้องและชัดเจน..ยิ่งเป็นกลิ่นอาย ยิ่งชัดเจน…หลิงหลุนยกยิ้มขึ้นมาก่อนที่จะสลายพลังทั้งหมดและล้มตัวลง..จากพิษร้ายที่แทรกซึมเข้าไปในร่าง..
“ นายท่าน…ข้าทำตามหน้าที่ที่ท่านได้สั่งการเอาไว้อย่างดีแล้ว..ที่เหลือข้าต้องฝากท่านแล้ว ”
บัดนี้จ้าวสวรรค์คนใหม่ได้เข้าสู่สนามรบโดยสมบูรณ์!!
“ เปลี่ยนตัวกัน… ”
จบ