เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่ 358 กำเนิดใหม่วิหคสวรรค์
ตู้ม!! ตู้ม!! ตู้ม!!
การต่อสู้ของทั้งสองคนทำให้ซากโบราณสถานโดยรอบถูกทำลายลงเกือบทั้งหมด..เหล่าสัตว์อสูรทะเลต่างหวาดกลัวต่อพลังที่น่าสะพรึงทำให้พื้นที่โดยรอบไร้ซึ่งสัตว์อสูร..
เมดูซ่าเคลื่อนไหวดุจภูติพรายทำให้การโจมตีของเซร่านั้นล้วนคลาดเคลื่อนทั้งหมด!!
ตู้ม!!
เซร่าเข้ามาในระยะประชิดพร้อมปล่อยหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งความมืด..แต่ดูเหมือนว่าเมดูซ่านั้นรับรู้ได้ถึงเจตนาของปีศาจสาวผู้นี้..
ราวกับว่าจงใจให้นางเข้ามาในระยะประชิดได้…
“ อสรพิษเพลิงคราม!! ”
เซร่าทิ้งระยะห่างพร้อมกับหลบการโจมตีของสัตว์อสูรสรพิษที่อยู่ๆก็โผล่มาสะกัดดั้นการโจมตีของตัวเองไว้….
“ ดูเหมือนว่าเจ้าจะคิดง่ายเกินไปหน่อยนะ..อายุก็หลายหมื่นปีแล้วแต่ไม่ได้ทำให้ความคิดของเจ้าพัฒนาขึ้นเลย…มีดีแค่พลังอย่างเดียวไม่ทำให้เจ้าชนะข้าได้หรอกนะ… ”
เมดูซ่าพูดพลางหยิบกระบี่เล่มหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ..แม้ภายนอกจะดูเป็นกระบี่โบราณเล่มหนึ่งแต่เซร่ากลับรู้จักมันเป็นอย่างดี…
“ กระบี่ปราบมาร…เจ้ามีกระบี่เล่มนั้นได้เช่นไร!! ”
“ เจ้าอย่าลืมสิว่าข้าเป็นผู้ที่ถูกสวรรค์เนรเทศลงมายังแดนมนุษย์..ข้าก็ต้องเอาอะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง..แต่ใครจะคิดเล่าว่ากระบี่ปราบมาร..จะมีประโยชน์ในตอนนี้.. ”
สาเหตุที่เซร่ารู้สึกตื่นตระหนกนั้นก็เพราะความสามารถของกระบี่ปราบมารคือยับยั้งการฟื้นฟูบาดแผลได้อย่างเด็ดขาด..มิหนำซ้ำธาตุศักดิ์ที่ถูกตีขึ้นเป็นดาบเล่มนั้น
ย่อมเป็นพิษโดยธรรมชาติของเหล่ามารและปีศาจ..แม้จะเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่มีพลังในการฟื้นฟูในระดับสัตว์ประหลาด..ดาบเล่มนี้จึงเป็นที่น่าหวาดหวั่นสำหรับปีศาจเช่นกัน!!
เมดูซ่าตะหวัดคลื่นดาบผสมผสานกับพลังเทพทำให้พลังทำลายของกระบี่เพิ่มเป็นทวีคูณ..
ตู้มม!! ตู้ม!!! ตู้มม!!!
“ ม่านปีศาจจำแลงกาย!! ”
เซร่าสร้างม่านปีศาจขึ้นมาป้องกันการโจมตีของกระบี่ปราบมารแต่ทันทีที่คลื่นดาบปราบมานกับม่านปีศาจจำแลงกายนั้น..
กลับถูกสะบั้นเป็นสองส่วนถูกทำลายลงได้อย่างง่ายดาย!!
“ บ้าน่า..นี่มัน!! ”
ปีศาจสาวตัดสินใจเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเพื่อหลบเลี่ยงคมกระบี่..การต่อสู้ของทั้งสองยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆภายใต้การเฝ้ามองของอู้เฉียง..
แต่ทว่าในขณะที่เมดูซ่ากำลังจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ก็ได้มีบางอย่างค่อยๆคลืบคลานเข้ามาอู้เฉียงที่ยืนอยู่โดยไม่ได้รู้สึกตัวแม้แต่น้อยว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามา
……………………………………………………
ณ ตำหนักเทพกลาง
บัดนี้มหาเทพทั้งสี่ได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้งโดยมีไป๋หลงเป็นผู้ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าของสี่มหาเทพ..ได้แก่ ซุสเทพแห่งสายฟ้าผู้ควบคุมอัสนีทั้งปวง โพไซดอนเทพแห่งท้องทะเลผู้ควมคุมสายน้ำและให้กำเนิดน้ำทั้งมวล
ฮาเดสเทพแห่งความตายและการดับสูญ เรียกได้ว่าเป็นเทพที่มีพลังในการทำลายที่สูงอยู่พอสมควรคล้ายกับซุสและสุดท้าย อาเธน่า เทพแห่งปัญญาที่เป็นมันสมองสำคัญของแดนสวรรค์ที่คอยดูแลและวางแผนการรบต่างๆ..
“ ผู้ที่เรียกพวกเรามาคือเจ้าเองอย่างงั้นเหรอ..จ้าวสวรรค์คนใหม่แห่งแดนเทพ…”
“ ท่านเฮร่าได้ฝากฝังเจ้าไว้กับพวกเราให้พวกเราคอยดูแลและสนับสนุนเจ้า..แต่อย่าคิดว่าพวกข้าจะยื่นมือเข้าไปช่วยเจ้าตลอด..ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ทั้งนั้น นอกเสียจากว่าเจ้าจะต้องช่วยตัวเอง…อีกอย่างที่ข้าอยากจะถาม..เจ้าแอบเข้าไปในคลังสมบัติแดนเทพ..เพราะเหตุผลอันใด.. ”
ฮาเดสกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก..
“ ที่ข้าเรียกพวกท่านมาก็เพราะข้ามีเรื่องอยากจะสอบถามพวกท่าน..แต่ก่อนอื่น..มีผู้ที่ต้องการคุยกับพวกท่านนอกจากข้า..ส่วนเรื่องที่ท่านถามเขาจะเป็นคนบอกให้ท่านได้เข้าใจ ”
“ ใครกัน… ”
ซุสกล่าวถามขึ้นด้วยความสงสัย…ในขณะนั้นเองรูปลักษณ์ของไป๋หลงค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเป็นบุรุษรูปงามผู้หนึ่งที่มีออร่าสีทองออกมาทั่วทั้งร่าง..
ใบหน้าที่ได้รูปนัยน์ตาเฉียบคมเปรียบเสมือนคมกระบี่ศึกที่ผ่านสนามรบมานับไม่ถ้วน..คิ้วสีทองเป็นสง่า..และปีกสีทองที่ปรากฏขึ้นด้านหลังของบุรุษผู้นั้น!!!
ทั้งฮาเดสและซุสต่างเก็บอาการความตื่นตะลึงเอาไว้ไม่อยู่..
“ ผู้พิทักษ์คลังสมบัติแดนสวรรค์..กาเบรี่ยล!! ”
…………………………………………………….
ขณะเดียวกันใต้ท้องสมุทร…
เเขนซ้ายของเซร่านั้นถูกคมกระบี่ปราบมารทำให้เกิดบาดแผลขึ้นที่แขนซ้ายของเซร่า..ส่วนทางด้านของเมดูซ่านั้นไม่ได้มีท่าทีเหนื่อยหอบหรืิอบาดแผลบนร่างแต่อย่างใด..
มีเพียงแค่รอยถลอกที่แก้มเท่านั้น..แต่ไม่นานบาดแผลก็ถูกสมานจนเป็นปกติ แตกต่างจากเซร่าที่ตอนนี้นั้นไม่อาจที่จะฟื้นฟูบาดแผลที่เกิดจากกระบี่ปราบมารได้…
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเมดูซ่ากลับรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย..ก่อนจะหันหลับกลับไปมองอู้เฉียงแต่ทว่าทันใดนั้น..
ในช่วงระยะเวลาที่เมดูซ่าลดการป้องกันลงเซร่าใช้เลือดของตนอัญเชิญปีศาจรับใช้ออกมา..
“ ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางทมิฬ!! ”
จิ้งจอกตัวขนาดใหญ่ลำตัวสีดำนัยน์ตาสีแดงก่ำพร้อมกับหางทั้งเก้าที่เพียงแค่สะบัดไปมาก็ทำให้เกิดกระแสลมจนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดถูกทำลายลงในทันที..
ปีศาจจิ้งจอกตนนั้นอ้าปากกว้างพร้อมกับดูดซับพลังธรรมชาติโดยรอบก่อนจะดูดเข้าไปจนเป็นลูกบอลแสงสีแดงขนาดใหญ่..
ตู้มมม!!!
ปีศาจจิ้งจอกตนนั้นปลดปล่อยลำแสงออกมาโจมตีเมดูซ่าแต่ทว่าเมื่อเมดูซ่ามองกลับมาใบหน้าของนางนั้นน่ากลัวซะจนเซร่านั้นขาสั่นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว..แต่ทว่า
เมดูซ่าเพียงใช้แขนปัดลำแสงนั้นทิ้งไปในทันทีแต่ดูเหมือนว่าเศษเสี้ยวของพลังที่ถูกสร้างขึ้นจากจิ้งจอกเก้าหางจะมีมากจนเกินไป..ส่งผลให้ม่านพลังอ่อนกำลังลงจนเริ่มมีมวลน้ำจากใต้สมุทรไหลผ่านเข้ามา..
“ บ้าน่า!! ปัดลำแสงที่ถูกสร้างขึ้นจากจิ้งจอกเก้าหางได้…แข็งแกร่งสมคำร่ำลือจริงๆแต่ทว่าน่าเสียดาย..เป้าหมายของพวกเราสำเร็วลุล่วงแล้ว.. ”
อยู่ๆก็มีปีศาจตนหนึ่งโผล่ออกมาจากความว่างเปล่าพร้อมกับจับตัวอู้เฉียงเอาไว้..ชายหนุ่มพยามขัดขืนและส่งเสียงออกมาแต่ดูเหมือนว่าอู้เฉียงนั้นจะถูกผนึกกล่องเสียง..
ทำให้ไม่อาจส่งเสียงออกมาได้แม้กระทั่งคุยผ่านกระแสจิตก็ตาม..
“ เพราะแบบนี้ไงข้าถึงไม่ไว้ใจให้เจ้ามาเจอกับสัตว์ประหลาดเช่นนี้เพียงคนเดียว… ”
ปีศาจตนนี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเดียร์รอสผู้ที่เป็นมือซ้ายของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพปีศาจ..
“ เผ่าปีศาจยังไงก็เป็นปีศาจอยู่วันยังค่ำ..เจ้าเล่ห์เพทุบาย..ทำให้ข้าสนใจจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ แล้วเจ้าก็ใช้โอกาสที่มีเพียงครั้งเดียวลักพาตัวเด็กคนนั้นไป…เดียร์รอส.. ”
เมดูซ่ากล่าวพลางปลดปล่อยศาสตร์ตราเทพนับสิ้นชิ้นออกมาราวกับว่าจะถล่มโลกใต้สมุทรให้พังทลายลง!!
“ ถือเป็นเกียรติจริงๆ ที่รู้จักชื่อของข้า..แต่ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่เวลามาพูดคุยกันแล้ว..ยังไงข้าก็ขอตัวเด็กคนนี้ไปก่อนนะ.. ”
“ ไม่มีทาง.. ”
เมดูซ่ากางปีกสีขาวนวลออกมาสี่คู่พร้อมกับศาสตร์ตราเทพที่หมุนวนรอบตัวเอง..
“ โจมตีนางพร้อมกัน!! ”
เดียร์รอสและเซร่ารวมพลังกันจนเกิดเป็นบอลเพลิงสีม่วงทมิฬซึ่งเป็นเพลิงที่แฝงไปด้วยพิษร้ายต่อให้หลบได้แต่มันก็ยังติดตามเป้าหมายต่อไป..
เพียงแค่สะเก็ดเพลิงก็ทำให้ชนชั้นเทพสงครามต้องเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส..แต่นี่กลับ..
“ บอลเพลิงพิษบรรพกาลผสาน!!! ”
เมดูซ่าไม่คิดหลบเลี่ยงพุ่งตรงไปปะทะกับบอลเพลิงจนเกิดระเบิดขึ้น..
อู้เฉียงที่ทำได้แค่มองรู้สึกสมเพชตัวเองขึ้นมาในทันที…
“ บัดซบ!! บัดซบ!! บัดซบ!! ที่สุดเป็นแบบนี้อีกแล้ว..ทั้งไป๋หลง..ทั้งเมดูซ่า สหายคนสำคัญของข้า…ล้วนต้องเจ็บปวดเพราะข้า.. ”
ชายหนุ่มได้แต่สถบขึ้นในใจ..แต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียงของเด็กสาวดังขึ้นภายในจิตสำนึกอู้เฉียง..
“ ทุกอย่างไม่ใช่ความผิดของเจ้า..ทั้งตอนนี้และเมื่อก่อน..หยุดโทษตัวเองได้แล้วเจ้าคนขี้แย..จะต้องทำให้ข้าเป็นห่วงเจ้าให้ได้ตลอดเลยอย่างงั้นหรือ..ตัวเจ้าแข็งแกร่ง..แข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร…เจ้าในตอนนี้ไม่ใช่ตัวเจ้าในอดีตอีกต่อไปแล้ว..”
ชายหนุ่มรับรู้ถึงเจ้าของเสียงนี้ได้เป็นอย่างดี..ก่อนจะปรากฎภาพของเด็กสาวที่ส่วมใส่อาภรณ์สีฟ้าคราม..อู้เฉียงในตอนนี้ไม่สามารถแยกได้ว่าตอนนี้เป็นความฝันหรือความจริงกันแน่…
“ ปะ..เป็นเจ้าแต่ว่าทำไม..”
“ ใช่แล้วเจ้าเด็กขี้แยอู้เฉียง..ข้าเฝ้ามองเจ้ามาตลอดทุกช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา..”
“ เป็นไปได้ยังไงในเมื่อเจ้า… ”
“ ใช่ข้าตายไปแล้ว…แต่ที่นี่คือพื้นที่ภายในจิตใจของเจ้า…ทำให้ข้าสามารถปรากฎตัวให้เจ้าเห็นได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง…นี่ก็นานแล้วนะที่ข้าไม่ได้พูดกับเจ้าโดยตรงเช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือเมื่อก่อนเจ้ายังคงเป็นอู้เฉียงที่อ่อนโยนและใจดีไม่เปลี่ยนแปลง…แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไปในตอนนี้ก็คือ เจ้ามีสหายคนสำคัญที่ต้องปกป้อง…”
อู้เฉียงยิ่งได้ฟังก็มีน้ำตาเอ่อล้นออกมาก่อนจะพยามพยามจะจับแขนของนางเอาไว้แต่ทว่ากลับมีแต่เพียงความว่างเปล่า…
“ ทำไมเจ้าไม่เคยบอกข้าเลย..ทำไมกัน.. ”
“ ถ้าเจ้ารู้ว่าข้ายังอยู่ในจิตใจของเจ้า..เจ้าก็คงตัดใจจากข้าไม่ได้..ข้ารู้ดี..เอาล่ะ..ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว..หากชาติหน้ามีจริงขอให้พวกเราสองคนได้เจอกันอีกนะ..ข้ารักเจ้าอู้เฉียง รักแรกและรักสุดท้ายของข้า.. ”
สตรีสาวนางนั้นประทับริมฝีปากของอู้เฉียง…ก่อนจะสลายกลายเป็นละอองแสงกลับสู่วัฏจักรแห่งชีวิต..ทุกอย่างเกิดขึ้นโดนที่ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัว..
“ ม่ายยยยย!!!!! ”
ตึง!!!!
ขณะเดียวกันเดียร์รอสและเซร่าจำเป็นต้องปล่อยอู้เฉียงและเว้นระยะห่างออกไปในทันที..
“ นี่มัน!! ”
เซร่ามองแขนของตนที่คล้ายกับว่าถูกบางอย่างแผดเผาไจนหม้ที่ผิวหนังของนาง..เมดูซ่าที่เห็นเช่นนั้นก็หยุดการเคลื่อนไหวพร้อมกับมองอู้เฉียงที่ถูกเพลิงอัคคีล้อมรอบเอาไว้…
เฟิงหวงที่อยู่ภายในจิตใจของอู้เฉียงย่อมรับรู้ได้ถึงความปราถณาอันแรงกล้า..และในตอนนี้นั้นอู้เฉียงก็พร้อมสำหรับ…การกำเนิดใหม่!!
ร่างของอู้เฉียงที่ห่อหุ้มด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์..ที่แม้แต่เดียร์รอสและเซร่าก็ไม่อาจที่จะแตะต้องอู้เฉียงโดยตรงได้อีกต่อไป..
“ อู้เฉียง..คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของข้าที่จะปกป้องเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเช่นกัน..ในนามของวิหคอัมตะ..ข้าขอถ่ายทอดพลังทั้งหมดให้กับเด็กหนุ่มผู้นี้..”
อู้เฉียงในตอนนี่อยู่ในสภาวะไม่อาจควบคุมร่างกายได้…แม้จะรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็ตาม..
“ เฟิงหวง..ท่านจะทำอะไร..”
“ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้เจ้าลงละลึกไวเสมอว่าเจ้าเป็นใครและเหตุใดถึงมีพลังนี้ หน้าที่ของเจ้าคืออะไร..จงอย่าลืมสิ่งสำคัญเหล่านี้เป็นอันขาด..”
บัดนี้นั้นตัวตนของเฟิงหวงค่อยๆถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับอู้เฉียงแล้วตามเจตจำนงของนาง..อัคคีหลากสีสันปรากฎขึ้นรอบตัวของอู้เฉียง..
เช่นนั้นก็หมายความว่าต่อไปนี้อู้เฉียงจะต้องใช้ชีวิตในฐานะ สัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ วิหคอัมตะ!! สาเหตุที่นางทำเช่นนี้เพราะส่วนหนึ่งร่างกายของอู้เฉียงไม่อาจที่จะแบกรับพลังของเทพเอาไว้ได้ด้วยร่างกายของมนุษย์
ถ้าหากไม่ทำเช่นนี้ทุกครั้งที่ร่างสถิตวิหคสวรรค์สิ้นชีพ..ก็จะถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่ทว่าจะค่อยๆสูญเสียตัวตนของตนเองไป..มีทางเดียวก็คือ..ต้องทำให้อู้เฉียงนั้นกลายเป็นเทพซะเอง!!
เปลวเพลิงทั้งหมดค่อยๆหลอมรวมเข้าไปอยู่ในร่างกายของอู้เฉียง..เคล็ดวิชาที่หายสาบสูญ..และเป็นเคล็ดวิชาเฉพาะที่สัตว์อสูรและผู้เป็นนาย เข้าใจกันอย่างถ่องแท้..
สามารถแลกชีวิตให้กันได้..ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจะมีคนใดคนหนึ่งหายไปตลอดกาล..นั่นก็คือตัวตนของเฟิงหวง!!
“ สองประสานรวมเป็นหนึ่ง!! ”
จบตอน..