เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่ 372 รอยยิ้มที่หวนกลับมา
หลังจากที่เกิดเรื่องหลายๆอย่างขึ้นนั้นทำให้การป้องกันของประตูสวรรค์นั้นดูเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด..ทหารสวรรค์ประมาณ 30กว่าคนต่างจับกลุ่มพูดคุยกัน..ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น..ซึ่งระดับความแข็งแกร่งแต่ละคนนั้นอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งพอสมควร
“ ตอนนี้แดนมนุษย์กำลังตกอยู่ในความวุ่นวายกำลังพลของแดนสวรรค์ถูกเกณฑ์เอาไปร่วมสงครามกว่าครึ่ง..ข้าไม่อยากจะคิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับ..พวกเราที่เป็นผู้เฝ้าประตูสวรรค์คงโดนโจมตีเป็นที่แรกแน่ๆ..หากเราโดนโจมตีขึ้นมาแย่แน่”
“ เจ้าอย่าพูดอะไรไร้สาระ ในเมืองหลวงยังมีท่านทหาเทพทั้ง 4 คอยคุ้มครองแดนเทพ. คงไม่มีใครโง่พอที่จะบุกมายังแดนสวรรค์หรอก.. ”
ทหารเทพรักษาประตูสวรรค์บางคนจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นต่างๆนาๆ โดยระดับความแข็งแกร่งของทหารเทพเหล่านี้อยู่ที่ชนชั้นเทพสงครามขั้นที่ 9
หากเป็นที่แดนมุษย์ก็อาจจะเป็นถึงเทพยุทธ์แต่ที่นี่คืออยู่ในระดับมาตฐานเท่านั้น..แต่ในขณะนั้นเองทหารเทพเหล่านั้นก็ต่างรู้สึกถึงบางอย่างได้พร้อมกันกำลังออกมาจากทางเชื่อมระหว่างแดนมนุษย์และเเดนเทพ..
ทหารเทพทั้งหมดต่างชักกระบี่พร้อมกับเร่งเร้าพลังออกมาในทันที..
“ เจ้าเป็นใคร เผยตัวออกมาเดี๋ยวนี้ โทษของการลักลอบเข้าแดนสวรรค์มีโทษสูงถึงประหารชีวิต เผยตัวตนของเจ้าออกมาซะ!!! ”
ไม่นานก็มีสตรีผู้หนึ่งก้าวเท้าออกมาจากทางเชื่อมเส้นผมสีดำนัยน์ตาสีทองอัมพันผิวกายขาวเนียนดุจหยก..
อาภรณ์ที่สวมใส่อยู่ถูกถักทอด้วยด้ายแห่งสวรรค์เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายได้อย่างชัดเจนถึงความงาม…เหล่าทหารเทพต่างแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา..
ไม่ใช่เพราะความงามแต่เป็นตัวตนของนาง!!!
“ ทะ..ท่านเมดูซ่า!! ”
“ แหมๆ จำข้าได้ซะด้วย นานแล้วนะที่ข้าไม่ได้กลับมาแดนสวรรค์แห่งนี้ ยังคงสว่างตาไม่เคยเปลี่ยน งั้นก็ง่ายหน่อย ข้ามาเอาของบางอย่างแล้วจะรีบกลับไปในทันที..ไม่ต้องห่วงข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าหรอกนะ..ถ้าไม่มาขวางทางข้าละก็.. ”
เหล่าทหารเทพต่างเกิดความลังเลใจและสั่นสะท้านไปทั้งตัวเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาพวกมันนั้นมั่นใจเลยว่า ในที่นี่ไม่มีใครที่จะต่อกรกับเมดูซ่าได้อย่างแน่นอนยกเว้นมหาเทพทั้ง4
“ ตะ..แต่ว่า..ท่านถูกสั่งห้ามกลับมาแดนสวรรค์.. ”
“ อ่อ..ถ้าเป็นแบบนั้น ท่านจ้าวสวรรค์คนใหม่อนุญาติข้าให้กลับขึ้นมาแล้ว เพื่อมาเอาของบางอย่าง ซึ่งแน่นอนว่า..เจ้าจะไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูดก็ได้..แต่การที่เจ้าขัดต่อประสงค์จ้าวสวรรค์..ก็มีโทษร้ายแรงเช่นกัน.. ”
เมดูซ่าพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มเย็นราวกับราชินีน้ำแข็ง..เหล่าทหารสวรรค์ต่างไม่มีทางเลือกจำต้องเปิดทางให้กับเมดูซ่า…การห้ามเมดูซ่าไม่ให้เข้าไปก็ไม่ต่างจากการขัดประสงค์ของจ้าวสวรรค์..ซึ่งแน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน..
“ ถือว่าตัดสินใจได้ดี..”
ทหารเทพต่างถอนหายใจอย่างหนักหน่วงหลังจากที่เมดูซ่าเดินจากไป..ทั้งความกดดันบรรยากาศมันทั้งน่ากลัวและน่าอึดอัด…
“ เกือบไปแล้ว…หากเป็นคำสั่งของจ้าวสวรรค์ก็ไม่มีปัญหา..น่ากลัวเหมือนที่เขาล่ำลือกันจริงๆ..แต่ความงามของนางนั้นก็เป็นของจริงเช่นกัน.. ”
แน่นอนว่าในเวลาต่อมาการกลับมาของเมดูซ่านั้นถูกประกาศให้รับรู้ทั่วทั้งแดนเทพ..อย่างรวดเร็วเพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามมหาเทพทั้ง4และเทพระดับสูงก็รับรู้ได้ถึงการมาของนาง
……………………………………………………..
ณ ตำหนักแห่งแสง…
“ ข้าคิดแล้วว่าเจ้าต้องมาที่นี่..เมดูซ่า ไม่เจอกันนานนะ..บาดแผลที่ซุสทำเอาไว้ดูเหมือนจะหายไปแล้วสินะ..แล้วนั่นเจ้าคิดจะเอาของชิ้นนั้นไปอีกอย่างงั้นเหรอ… ”
สตรีเลือนผมสีทองนัยน์ตาสีทองอัมพันใส่เกราะทองเต็มตัวอีกทั้งยังมีมหาเทพอีก 3 ตนนอกเหนือจากอาเธน่า…คอยยืนอยู่ด้านหลัง..
“ ดูท่าบาดแผลที่ข้าสร้างเอาไว้จากอัสนีศักดิ์สิทธิ์คงจะไม่พอสั่งสอนเจ้าสินะ..เมดูซ่า สาเหตุที่เจ้ากลับมาที่นี่คืออะไร!! แล้วใครเป็นคนรักษาบาดแผลที่ข้าสร้างเอาไว้!! ”
มหาเทพทั้ง4 ต่างมาอยู่พร้อมหน้ากัน ณ ตำหนักแห่งนี้เพราะพวกตนนั้นรู้ว่าเมดูซ่ากลับขึ้นมาก็จะต้องมุ่งหน้ามาที่นี่อย่างแน่นอน จากการรายงานข่าวของเทพผู้พิทักษ์ประตู..ซึ่งในตอนนี้เมืองหลวงของแดนเทพหากไม่นับมหาเทพสูงสุดที่พักรักษาตัวอยู่ และมิคาเอล รวมถึงมหาเทพทั้งสี่ คงไม่มีใครต่อกรกับนางได้ในสภาพสมบูรณ์เต็มร้อย…
“ ข้าไม่มีหน้าที่ ที่จะต้องตอบคำถามพวกเจ้า..ข้าแค่มาเอาสิ่งที่เป็นของข้าตั้งแต่แรก แล้วข้าจะออกไปจากแดนเทพในทันที..ข้าไม่ได้อยากต่อสู้กับพวกเจ้าอย่างน้อยก็ในตอนนี้ล่ะนะ..โพไซดอน ซุส ฮาเดส แล้วก็อาเธน่า…จริงสิ ฮาเดสเจ้ารู้รึยังว่า โซโลม่อนกลับมาแล้ว… ”
“ อะไรนะ— ”
ฮาเดสเผลอตัวพูดออกไปตามอารมณ์..หลังจากที่ได้ยินเมดูซ่าพูดแบบนั้นหัวใจของฮาเดสนั้นก็เต้นอย่างไม่เป็นจังหวเ..พร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บปวดลึกจากข้างใน…
แน่นอนว่าซุส โพไซดอน และอาเธน่าต่างเห็นท่าทางของฮาเดสนั้นได้อย่างชัดเจน…
“ อีกอย่างข้าได้รับอนุญาติจากไป๋หลงให้ขึ้นมายังแดนสวรรค์..ซึ่งตัวข้าในตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในแม่ทัพของไป๋หลงในสงครามในครั้งนี้..หากข้าบาดเจ็บขึ้นมาแล้วต่อสู้ไม่ได้..พวกเจ้าก็จะกลายเป็นกบฏในทันที…เพราะที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อสิ่งนี้เท่านั้น..แต่หากพวกเจ้าขัดขวาง.. ”
“ ได้ตกลงเจ้านำของสิ่งนั้นไปได้..แต่หากเจ้าโกหกพวกเราละก็ข้านี่แหละจะเป็นคนตามล่าเจ้าเอง!! ”
“ อาเธน่านี่เจ้ายอมรับอย่างงั้นเหรอ… ”
ซุสพูดขึ้นด้วยท่าทีที่ไม่ชอบใจนัก..แต่การจะลงมือบู่มบ่ามก็ไม่ได้เช่นกันหากเมดูซ่าเป็นแม่ทัพของไป๋หลงจริงนั่นก็หมายความว่านางจะเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้…ในฐานะพันธมิตรที่แข็งแกร่งเลยก็ว่าได้
“ วาจาของเจ้ายังคงทำให้พวกเราต้องยอมจำนนต่อเจ้าโดยไม่มีทางเลือกจริงๆสินะ..ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้เจ้าก็ไม่เคยเปลี่ยน…”
โพไซดอนกล่าวขึ้นด้วยท่าทีสงบพร้อมกับพิจารณาเมดูซ่าไปในตัว…
“ นั่นสิ..จะเป็นแบบนั้นรึเปล่านะ..ขอบใจที่รับฟังข้าทำให้ข้าไม่ต้องมาต่อสู้ในศึกที่ไร้สาระ..ขอบคุณนะ..คำพูดพวกนี้ไม่เหมาะกับข้าจริงๆนั่นแหละ.. ”
เมดูซ่าหยิบของชิ้นนั้นออกมาจากกล่องพร้อมกับรอยยิ้มที่งดงามและสดใสหาใดเปรียบ..ชั่วระยะเวลานั้นราวกับว่าเวลาในตำหนักแห่งแสงถูกหยุดลงด้วยรอยยิ้มที่สดใสและงดงามของนาง..
มหาเทพทั้ง4 ต่างแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาเป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปี…
“ นี่นาง..ยิ้มแบบนั้นก็เป็นด้วยอย่างงั้นเหรอ.. ”
“ ข้าก็ไม่รู้… ”
“ ใบหน้าตายด้านของนางมีรอยยิ้มที่งดงามแบบนี้ซ่อนอยู่ด้วยอย่างงั้นเหรอ..ข้ามั่นใจได้เลยว่าหากทหารเทพได้เห็นรอยยิ้มนั้นคงจะหลงไปในเสน่ห์หาของนางเป็นแน่!!!.. ”
แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่อาเธน่าเท่านั้นที่รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก…
“ ในที่สุด..เจ้าก็เจอแล้วสินะสิ่งที่เจ้าอยากจะปกป้องและดูแลเอาไว้…ดูเหมือนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเจ้าเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว.. ”
ขณะนั้นเองที่เมดูซ่ากำลังจะกลับก็กล่าวบางอย่างขึ้น…
“ พวกเจ้าคงจะรู้อยู่แล้วว่า เบลเซบับกำลังจะฟื้นคืนชีพแล้วแล้ว ไม่เกิน4วันสงครามใหญ่จะเกิดขึ้นเป็นแน่..ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นสงครามแร็คนาร็อคครั้งที่สองก็เป็นไปได้..อีกอย่างโซโลม่อนเองก็เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน..ในฐานะแม่ทัพของไป๋หลงด้วยเช่นกัน… ”
“ !!!!!! ”
คนที่รู้สึกตกตื่นตะลึงมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นฮาเดส…เทพแห่งความตายได้ยินเช่นนั้นก็ขอตัวออกไปในทันที..
ซึ่งแน่นนอนว่าที่ที่นางจะไปก็คือ นครอันธกาลแห่งความมืดเพื่อพบใครบางคน…
ส่วนซุสและโพไซดอนเมื่อเห็นสายตาของอาเธน่าและเมดูซ่าที่มีต่อกันพวกตนจึงตัดสินใจออกไปจากที่แห่งนี้ในทันทีพร้อมกัน เพื่อให้พวกนางพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว…
“ อะไรกัน เจ้าดูสงบกว่าที่คิดไว้นะ..ซุส ข้านึกว่าเจ้าจะพูดเรื่องบาดแผลที่หายไปของเมดูซ่าซะอีก… ”
โพไซดอนพูดขึ้นในขณะที่กำลังเดินอยู่บนอากาศกับซุส..
“ ใครจะไปรู้ว่านางทำหน้าตาแบบนั้นก็เป็นด้วย..แต่เอาเถอะนางก็รับโทษมามากจนเกินพอแล้วเหมือนกัน เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป.. ”
“ ถ้าเจ้าไม่มีบุตรหรือไม่มีภรรยาข้านึกว่าเจ้าจะตกหลุมรักรอยยิ้มของนางไปซะแล้วนะ.. ”
“ โพไซดอน!! นี่เจ้า!!! ”
“ ข้าไปล่ะ..แยกกันตรงนี้.. ”
โพไซดอนพูดจบก็เปลี่ยนสภาพร่างกายเป็นน้ำหายไปในทันทีกลับคืนสู่ท้องสมุทรเบื้องล่าง..
“ เจ้านี่มัน…กวนประสามข้าจริงๆ..แต่ว่า.. ”
ซุสนึกย้อนกลับไปที่รอยยิ้มของเมดูซ่า ก็พลันใจเต้นผิดจังหวะ..ซุสพลันใบหน้าขาวซีดในทันที ก่อนจะรวบรวมอัสนีศักดิ์ไว้ที่หมัดข้างขวา..
และหมัดนั้นที่ถูกอัดแน่นไปด้วยพลังของชนชั้นมหาเทพก็ถูกเหวี่ยงใส่หน้าของตนเองในทันที..
ตู้มมม!!!
เรียกได้ว่าเป็นการต่อยเรียกสติที่หากคนธรรมดาโดนเข้าละก็ได้ไปเฝ้ายมบาลเป็นแน่แท้
จบตอน