เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่ 374 ลืมตาตื่น
ไม่นานโซโลม่อนก็เดินมาถึงหน้าห้องรับรองพร้อมกับสั่งให้ผู้คุ้มกันออกไปให้หมด…
เมื่อไม่มีใครแล้วโซโลม่อนก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง..เผยให้เห็นสตรีนางหนึ่งที่กำลังกำหมัดแน่นรออยู่ที่ประตูด้วยท่าทีใจจดใจจ่อ…
พร้อมกับใช้มือขวาต่อยไปที่อกข้างซ้ายของโซโลม่อนผู้ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุด..และน่ากลัวที่สุดแห่งนครอันธกาล!!!
แต่เมื่ออยู่เบื้องหน้าของฮาเดส..บนใบหน้าก็มีเพียงแค่รอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่นและหาได้ยากยิ่งที่โซโลม่อนนั้นจะยิ้มออกมา..
“ ข้ากลับมาแล้วฮาเดส… ”
“ ยินดีต้อนรับกลับ..โซโลม่อน..”
ทั้งสองต่างผสานสายตากันเพียงแค่มองตาทั้งสองก็สามารถรับรู้ได้ความสึกนึกคิดของอีกฝ่ายแม้ไม่ได้เอ่ยวาจา..
“ ตั้งแต่ตอนนั้น..เจ้าหายไปไหนไหนมากันแน่..ทำไมเจ้าถึง— ”
“ ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกเจ้า..ตอนนั้นถ้าข้าไม่เว้นระยะห่างและผนึกความรู้สึกของเจ้าที่มีต่อข้า..พลังเทพของเจ้าก็จะเสื่อมสลายกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา…ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ต่างจากการตายทั้งเป็น…อีกอย่างมนุษย์มีอายุขัยมากสุดก็ไม่เกิน200ปี…เมื่อเทียบกับอายุขัยของเทพที่อยู่มาเป็นพันปีหมื่นปี..ถ้าเจ้าเป็นมนุษย์อายุขัยของเจ้าก็จะสั้นลง..ข้ายอมปิดผนึกหัวใจเจ้าดีกว่ายอมทนเห็นเจ้า…”
โซโลม่อนแสดงอีกด้านหนึ่งที่ไม่เคยมีใครเคยได้เห็น..เป็นด้านที่มีนางเพียงคนเดียวที่ได้เห็น…หากจะให้พูดกันตามตรงแล้วโซโลม่อนเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อยู่ภายใต้ปกครองของตน..ก็มีท่าทีที่เด็ดขาด น่ากลัว สงบนิ่งแต่ภายใต้ความนิ่งสงบกลับแฝงไปด้วยพายุร้ายที่พร้อมจะถล่มทุกอย่างให้ราบ..เรียกได้ว่าไม่มีใครกล้าคัดค้านการตัดสินใจ..ถึงมี โซโลม่อนนั้นก็หาสนใจไม่…
แต่นี่คือด้านที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนราวกับว่าสายน้ำที่สงบนิ่งไม่มีพายุร้ายหรือความน่าสะพรึงเหลืออยู่เลย..มีแค่เพียงความโศกเศร้าเสียใจเพียงเท่านั้น..
“ โซโลม่อนนี่เจ้า..”
“ ข้ารู้ดีว่าสิ่งที่ข้าทำนั้นมันไม่ถูกต้อง…การที่ข้าทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการทรมานความรู้สึกของเจ้า..ข้าขอโทษ.. ”
ฮาเดสจับมือข้างขวาของโซโลม่อนขึ้นมาแตะที่หน้าอกด้านซ้ายของตน…มือของโซโลม่อนสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจเทพแห่งความตายผู้นี้…
“ ข้าเข้าใจเจ้าดี…นี่คือโชคชะตาที่ผู้เป็นเทพแห่งความตายต้องแบกรับเอาไว้…แต่ว่าข้าน่ะ..ไม่ยอมรับโชคชะตาแบบนี้หรอกนะ..หลังจากจบศึกสงครามเจ้าจะต้องกลับมาคลายผนึกให้กับข้า…นี่ไม่ใช่คำสั่งแต่เป็นการร้องขอ..โซโลม่อน..”
“ ถ้าทำแบบนั้นแล้วตัวเจ้าล่ะ..”
“ ข้าอยู่มานานเกินพอแล้ว..ข้าอยากใช้ชีวิตธรรมดาเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไปที่สามารถแสดงความรู้สึก ความรักออกมาได้เต็มที่…เจ้าดูสิแม้มือเจ้ามาแตะที่หน้าอกด้านซ้ายของข้า..ข้ายังไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่ความเขินอาย..ทุกอย่างมันว่างเปล่า ตัวข้าในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างจากตุ๊กตา…แต่ว่าหลังจากที่ข้ารู้ว่าเจ้ากลับมา..ความรู้สึกของข้ามันก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา.. ”
โซโลม่อนรู้ดีว่านั่นคือผลขอวการปิดผนึกความรู้สึกและอารมณ์ที่มีต่อตนเองเอาไว้…ไม่ให้แสดงมันออกมาหรือเกิดความรู้สึกไปมากกว่านี้…
เพราะหากเทพแห่งความตายมีความรักขึ้นมา พลังแห่งเทพก็จะเสื่อมสลายไปทีละน้อยจนกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาในที่สุด..เป็นเทพที่น่าสะพรึงและน่าเศร้าในเวลาเดียวกัน..
“ ข้า… ”
“ โซโลม่อนข้าขอร้องเจ้า..”
ฮาเดสแสดงสีหน้าและแววตาออกมา..โซโลม่อนรับรู้ได้ถึงความต้องการที่แท้จริงของนางได้ทันที..
“ ข้าไม่รับปาก..แต่ข้าจะกลับมาหาเจ้าอีกครั้งนึง..แบบนี้เจ้าตกลงใช่ไหม.. ”
“ ขอบคุณ..”
หลังจากที่ฮาเดสและโซโลม่อนพูดกันได้สักพักในที่สุดก็ต้องถึงเวลาแยกจาก..ต่างคนต่างมีหน้าที่ ที่ต้องไปทำเป็นของตัวเอง…ไม่นานฮาเดสก็กลับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่พยามจะแสดงออกมา..พร้อมกับสะกดข่มความเจ็บปวดในความรู้สึกลึกๆเข้าไปข้างใน..
“ นี่ข้าทำให้นางต้องเจ็บปวดถึงเพียงนี้…ผู้ยิ่งใหญ่ สัตว์ประหลาด ยอดยุทธ์ ผู้ปกครอง ผู้คนต่างขนานนามข้าในหลากหลายรูปแบบและเทิดทูนเกรงกลัวในความแข็งแกร่ง..แต่ข้ากลับรักษาความรู้สึกของนางเอาไว้ยังไม่ได้..ช่างนาสมเพชสิ้นดี!!.. ”
โซโลม่อนกำมือแน่นพร้อมทุบลงไปบนโต๊ะ…
ตึง!!!
โต๊ะหยกโบราณถึงกับเกิดรอยร้าว…ความรู้สึกของโซโลม่อนในตอนนี้คือ ความรู้สึกเสียใจและสับสน..แม้จะเป็นโซโลม่อนผู้นี้เองก็ตามที…ความรักคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำมห้เป็นทุกข์ได้ถึงเพียงนี้..
“ ฮาเดส..”
………………………………………………………
ณ หุบเขาปีศาจ
หุบเขาปีศาจเป็นสถานที่ที่เหล่าปีศาจใช้ในการรวมตัวเพื่อรอรับคำสั่ง และยังเปรียบเสมือนที่มั่นสำคัญที่สุดของเผ่าปีศาจอีกด้วย..หลังจากโยกย้ายสถานที่จากใจกลางวังหลวงของทวีปจรัสแสง…มาเป็นหุบเขาลึกเพื่อง่ายแกการหลบซ่อนตัว…
ลึกเข้าไปในถ้ำมีปีศาจชั้นสูงเดินไปมาเต็งไปหมด..อีกทั้งดูเหมือนว่าพวกมันนั้นกำรออะไรบางอย่าง…
ภายในถ้ำนั้นมีประตูบานใหญ่หลบซ่อนอยู่..หลังประตูบานนั้นมีปีศาจชั้นสูงที่มีสายเลือดบริสุทธิ์เทียบเคียงได้กับระดับราชวงศ์!!!
หนึ่งในนั้นก็คือเดียร์รอสที่ตอนนี้นั้นกำลังวาดอักขระบางอย่างด้วยเลือดโลหิต..ซึ่งมันไม่ใช่โลหิตของปีศาจแต่มันคือโลหิตของวิหคสวรรค์ที่ถูกดึงออกมาส่วนหนึ่ง!!!
ซึ่งนั่นมันก็เพียงพอที่จะปลุกจักรพรรดิ์เทพปีศาจเบลเซบับให้ตื่นขึ้นจากการหลับไหล!!!
ปีศาจระดับสูงที่เหลือต่างอยู่ในท่าชันเข่าขณะที่เดียร์รอสกำลังเขียนอักขระลงบนผลึกใส..บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบสงบ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ..
ไม่มีใครปริปากพูดแม้แต่น้อยเพราะทุกขั้นตอนเดียร์รอสนั้นต้องใช้พลังและสมาธิระดับสูงสุดในการเขียนอักขระโดยใช้โลหิตของวิหคสวรรค์!!!
โลหิตที่ถูกเขียนล้วนถูกซึมซับเข้าไปในคริสตัลสีใส..ทันใดนั้นเองผลึกก็เกิดรอยร้าวขึ้น…แรงกดดันและพลังอำนาจมหาศาลถูกแผ่ออกมาจากรอยแตกของผลึก..
ตึง!!!!!!!
ทั้วทั้งหุบเขาปีศาจสัมผัสได้ถึงพลังที่ยิ่งใหญ่และน่าสะพรึง..ผู้ที่จะมีพลังแบบนี้ได้นั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเบลเซบับ!!!
เหล่าปีศาจต่างยินดีกับการกลับมาของจักรพรรดิ์เพียงหนึ่งเดียวที่เคยเปิดศึกล้มล้างสวรรค์เมื่อนานมาแล้ว..
หลังจากนั้นไม่นานผลึกคริสตัลใสก็แตกออกจนหมด..ร่างที่ถูกผนึกค่อยๆลืมตาขึ้น..ทันทีที่เดียร์รอสได้เห็นก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่างในทันที…
“ ยินดีต้อนรับกลับท่านเบลเซบับ!!! ”
จบตอน