เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่ 376 นามนั้นคือ...
หลังจากที่โซโลม่อนกลับมาจากนครอันธกาลนั้นก็ได้พาผู้ติดตามมาทั้งหมดเพียงหนึ่งคน..ส่วนที่เหลือนั้นจะเคลื่อนทัพในทันทีหากได้รับคำสั่งจากโซโลม่อน..
หนึ่งคนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนั้นก็คือ..บิดาแท้ๆของอู้เฉียง..ผู้พิทักษ์ประตูแห่งนครอันธกาลผู้มีพลังและจิตสองขั้วที่แข็งแกร่งท่ี่สุด!!
อีกอย่างจะเห็นได้ว่าทหารเทพนั้นได้ทำการแบ่งช่องว่างเว้นระยะห่างเอาไว้..ไม่ให้คนนอกเข้าไปในที่พักของเหล่าเทพชั้นสูง เว้นแต่จะมีเรื่องด่วนหรือได้รับอนุญาติเท่านั้น…
การที่โซโลม่อนอยู่ๆก็ปรากฎตัวออกมาก็ทำให้เหล่าเทพล้วนตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนที่สถานการณ์ทั้งหมดจะกลับเข้าสู่ช่วงปกติ…
“ บุตรของเจ้าอยู่ในนั้นเข้าไปสิ.. ”
โซโลม่อนบอกให้เว่ยซิ่วนั้นไปหาบุตรของตน…เพราะผ่านมาหลายสิบปีแล้วที่เว่ยซิ่วนั้นไม่ได้พูดคุยกับอู้เฉียงเป็นเรื่องเป็นราว..
เพราะครั้งล่าสุดที่เจอกันก็คือปีที่แล้ว..ตอนอู้เฉียงนั้นอยู่กับไป๋หลงในเขตสลัม..และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ตนได้เจอกับไป๋หลงด้วยเช่นกัน…
“ ข้าขอบคุณท่านมากที่ให้ข้าติดตามมาก่อนเวลาที่กำหนด..ข้าขอตัว.. ”
เว่ยซิ่วสวมใส่เกราะดำดูองอาจคิ้วหนา นัยน์ตาแหลมเฉียบคมดุจกระบี่เพียงแค่การเดินก็สร้างความกดดันให้กับทหารเทพสองคนที่กำลังเฝ้าหน้ากระโจมของอู้เฉียง..
ซึ่งทหารเทพสองคนนั้นก็รับรู้ได้ในทันทีว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมากเพียงใดและจากการพูดคุยกันเมื่อครู่ทำให้รับรู้ว่า..นี่คือบิดาของร่างสถิตวิหคสวรรค์ จึงเก็บทวนเข้าลำตัวปล่อยให้เว่ยซิ่วนั้นผ่านทางเข้าไปได้…
ส่วนทางด้านโซโลม่อนที่มาถึงก็มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นไป๋หลง..จึงได้เดินไปถามแม่ทัพสวรรค์ตนหนึ่งที่กำลังกางแผนที่เพื่อเตรียมรับมือกับศึกที่ใกล้จะมาถึง…
“ ไป๋หลงยังไม่กลับมาอย่างงั้นเหรอ..ทำไมข้าถึงไม่เห็นเขา.. ”
แม่ทัพสวรรค์ตนนั้นได้ยินโซโลม่อนกล่าวถามตนก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยจึงสั่งให้ข้าราชบริวารออกไปให้หมดเสียก่อน..
จึงเหลือเพียงแค่แม่ทัพสวรรค์และโซโลม่อนที่อยู่ในบริเวณนี้…
“ ตอนนี้ท่านจ้าวสวรรค์ยังไม่กลับมาเลย..อีกอย่างท่านยังรับสั่งไม่ให้พวกเราตามไปด้วย..แต่ก่อนที่ท่านจ้าวสวรรค์จะไป..ดูเหมือนว่าท่านจะโกรธเคืองพวกเราอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว.. ”
“ โกรธเคืองพวกเจ้า? ”
“ ก็อย่างที่ท่านได้ยิน..ก่อนที่ท่านจะจากไปมีเทพหลายตนคัดค้านและไม่เชื่อใจท่านที่มาอยู่ฝ่ายเทพและมนุษย์เช่นนี้..เพราะท่านเองเป็นบุตรของราชันย์เทพปีศาจเบลเซบับ..ทำให้เหล่าเทพนั้นไม่เชื่อใจท่านอย่างสนิทใจ..ทำให้จ้าวสวรรค์นั้นโกรธเคืองอยู่พอสมควรก่อนที่ท่านจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง.. ”
โซโลม่อนที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกขบขันเล็กน้อยเท่านั้น..เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกไป..ก่อนจะกล่าวขอบคุณที่บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ตนได้เข้าใจ..แต่ทว่าการขอบคุณเพียงเล็กน้อย
ทำให้แม่ทัพสวรรค์ตนนั้นถึงกับแสดงท่าทีตะลึงงันอยู่พอสมควร…เพราะนี่ไม่ใช่คำกล่าวขอบคุณธรรมดา..แต่คำพูดของผู้ซึ่งเป็นจ้าวปกครองนครอันธกาลที่ลึกลับและแข็งแกร่งที่สุดในโลกเบื้องหลัง..
ในตอนนี้โซโลม่อนนั้นเพียงนั่งลงใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งใกล้กับเขตที่พักพร้อมกับมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีดวงจันทร์สีแดงโลหิตลอยเด่นอยู่กลางนภา..
หลังจากนั้นโซโลม่อนก็หลับตาลงพร้อมกับพูดบางอย่าง…
“ ไป๋หลง..ข้าจะรอการกลับมาของเจ้า..พร้อมกับบริวารทั้ง72…”
………………………………………………………
ในขณะเดียวกันนั้นตอนนี้..เสาหลักแห่งโลกมารทั้ง72 อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของไป๋หลงโดยสมบูรณ์แบบ…เพราะในสายตาของพวกมันนั้นบัดนี้ ไป๋หลงคือผู้เป็นนายโดยสมบูรณ์อีกทั้งยัง..เป็นสายเลือดแท้ของตระกูล ดิไคร์ เซอร์ เพียงหนึ่งเดียว..บุตรแห่งเทพมารและเป็นผู้มีสิทธิสืบราชบัลลังก์อย่างแท้จริง!!
“ ไป๋หลงหลังจากนี้เจ้าจะทำเช่นไรต่อไป..”
อัลเบียร์กล่าวไป๋หลงผู้เป็นหลานชาย…เพื่อดูว่าไป๋หลงนั้นจะมีแผนการรับมืออย่างไรต่อไป…ซึ่งตรงหน้าของไป๋หลงนั้นก็มีเสาหลักแห่งโลกมารทั้ง 72 ตนกำลังนั่งอยู่ในท่าชันเข่าพร้อมรับคำสั่งของไป๋หลงผู้เป็นนายท่านอยู่ทุกชั่วขณะ..กองกำลังเพียงเท่านี้ก็สามารถลบทวีปหนึ่งทวีปไปได้ย่อมไม่เกินจริงแม้แต่น้อย..
เพราะผู้พิทักษ์ทั้ง 72 ล้วนเป็นเสาค้ำจุนโลกมารที่แข็งแกร่งที่สุด!! มีระดับความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับแม่ทัพปีศาจเลยทีเดียว..
“ ท่านป้า เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ก็คืออัญเชิญผู้พิทักษ์ทั้ง 72 ตนออกมา..ซึ่งบัดนี้ข้าก็ได้บรรลุวัตถุประสงค์ไปหนึ่งอย่างแล้ว..กำลังรบก็เพิ่มมากขึ้นด้วย..อีกทั้งในครั้งนี้ยังมี ท่านโซโลม่อน และ ท่านเมดูซ่าที่เป็นจอมทัพหลักในสงครามครั้งนี้…หากว่าท่านป้า.. ”
“ ข้าก็มีเรื่องและหน้าที่ของข้าที่ข้าจะต้องทำ ส่วนเจ้าก็มีภาระหน้าที่ของเจ้า..ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่ข้าไม่อาจร่วมศึกช่วยเหลือกับเจ้าได้..”
อัลเบียร์พูดขึ้นพร้อมกับลูบหัวไป๋หลงด้วยความเอ็นดู..และเป็นห่วงเป็นใยแตกต่างจากเมื่อครู่อย่างชัดเจน…
“ เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว..เจ้าเรียกให้ผู้พิทักษ์ทั้ง 72 เข้ามาในสัญลักษณ์แห่งเทพมารเถอะ..ยิ่งช้าเวลาก็จะยิ่งหมดไปเรื่อยๆ.. ”
“ ทำเช่นนั้นได้ด้วยหรือ.. ”
ไป๋หลงกล่าวถามด้วยความสงสัย..
“ ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว..ไว้ข้าจะอธิบายคราวหน้า..ตอนนี้เจ้าต้องตั้งจิตให้มั่นใช้ตรีศูลเทวะปีกดำเรียกเสาหลักทั้ง 72 ให้มาอยู่ในศาสตราเทพที่ถูกก่อร่างขึ้นจากสัญลักษณ์ทั้งสอง มันจะช่วยให้พลังของตรีศูลเทวะปีกดำเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเลยทีเดียว..แต่ที่สำคัญเลยห้ามจิตหวั่นไหวเป็นอันขาดระหว่างนั้นข้าและแม่นางน้อยผู้นี้จะคอยดูแลเจ้าเอง.. ”
ซึ่งไป๋หลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำตามอัลเบียร์ในทันที..ส่วนเทียร์นั้นก็เพียงแค่เฝ้ามองไป๋หลงอยู่เงียบๆด้วยความเป็นห่วง..
ไป๋หลงหยิบตรีศูลเทวะปีกดำออกมาก่อนจะใช้ด้ามของมันปักลงสู่พื้นดิน..ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเสาหลักหลักทั้ง 72 เริ่มกลายเป็นละอองแสดงสีขาวเข้ามาสิงสถิตในศาสตราเทพขิ้นนี้อย่างต่อเนื่อง..
อีกทั้งระดับพลังของตรีศูลเทวะปีกดำก็กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ..หากได้ตวัดเพียงหนึ่งครั้งในตอนนี้ก็สามารถตัดภูเขาได้ง่ายราวกับกระดาษ ย่อมไม่เกินจริงแต่อย่างใด..
ไป๋หลงจำต้องใช้จิตตั้งมั่นระดับสูงในการกำหนดระดับพลังไม่ให้มันสะท้อนเข้าหาตัวเองเพราะมันอาจจะระเบิดเส้นพลังทั้งหมดของตนได้อย่างง่ายดายหากพลาดเพียงนิดเดียวก็เท่ากับตาย!!
ซึ่งในขณะที่ไป๋หลงนั้นกำลังซึมซับพลัง..ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ๆก็โผล่ออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจ..
ที่มาของเสียงนั้นก็คือตรงบรรไดทางขึ้นปราสาทนั่นเอง…ในจังหวะนั้นเองก็มีลูกศรแห่งแสงจำนวนหนึ่งพึ่งมาโจมตีไป๋หลงในขณะที่เด็กหนุ่มอยู่ในสภาวะไร้การป้องกัน…
แต่มีหรือที่อัลเบียร์และเทียร์นั้นจะไม่รู้สึกตัว..
ตู้มม!!!
อัลเบียร์และเทียร์ทำลายลูกศรแห่งแสงนั้นทิ้งได้อย่างง่ายดายก่อนจะเผยให้เห็นโฉมหน้าของผู้ที่ลงมือในครั้งนี้..
ใบหน้าที่ขาวซีดนัยน์ตาสีแดง..อีกทั้งธาตุแสงบริสุทธิ์เข้มข้นที่แผ่ออกมานั่นอีก..
“ เจ้าเป็นใคร…มนุษย์ที่มีธาตุแสงแบบนี้มัน..หรือว่า.. ”
ดูเหมือนว่าอัลเบียร์นั้นพอจะรู้จักบุคคลที่อยู่ตรงหน้านี้แล้ว..ส่วนเทียร์นั้นเรียกศาสตราจิตวิญญาณเคียวมรณะสีม่วงทมิฬออกมาเพื่อปกป้องไป๋หลง..
ที่อยู่ในสภาวะสมาธิขั้นสูงทำให้ไม่อาจรับรู้ได้ถึงเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น…
“ ฮ่าฮ่าฮ่า!!! ในที่สุดก็เจอ กลิ่นอายที่น่าขยะแขยงที่แผ่ออกมาจากตัวของเจ้า..มันทำให้ข้าต้องรีบมุ่งหน้ามาที่นี่เลยรู้ตัวบ้างไหม.. ”
อัลเบียร์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ปลดปล่อยจิตสังหารออกมาในทันที!! เพราะอัลเบียร์นั้นย่อมรู้จุดประสงค์ของคนผู้นี้ที่มีต่อไป๋หลงในทันที..จักรพรรดิ์ธาตุที่มีความเคียดแค้นต่อจักรพรรดิ์เงามากที่สุด…
“ 1 ใน จักรพรรดิ์ธาตุ…จักรพรรดิ์แห่งแสง เซเรฟ!!! ”
จบตอน..