เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่1 ตอนที่ 1 ปีก
ย้อนกลับไปเมื่อ5 ปีก่อน ณ ป่าอสูร …
ตู้มมมม!!
เสียงของอะไรบางอย่างตกลงมาใจกลางป่าอสูรที่ขึ้นชื่อมีอสูรระดับสูงเยอะที่สุดในทวีป จรัสแสง!! มีเทพอสูร นามว่า ไป๋หยาง เป็นผู้ปกครองอยู่ที่ป่าอสูร….
เสียงที่เกิดจากการมีวัตถุตกลงมาจากฟากฟ้าทำให้สัตว์อสูรหนีตายกันจ้าระหวั่น เมืองหลวงของทวีปจรัส ยังได้ยินเสียงนี้ดังมาจากภายในป่าอสูรจึงเกิดความกังกลคิดว่าเป็นสัตว์อสูรที่สามารถเลื่อนขั้นเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้นไปอีก องค์ จักรพรรดิ์ จึงสั่งให้ เหล่าทหารเตียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าสัตว์อสูรจะบุกเข้ามาภายในเมือง…
ตัดมาทางป่าอสูร…
เสียงที่เกิดขึ้นทำให้ เทพอสูรไป๋หยางตื่นมาจากการบ่มเพาะพลัง ทำให้เทพอสูรไป๋หยาง ที่ใกล้จะทะลวงเทพอสูร ขั้นที่8 แต่ต้องเป็นอันยกเลิกเพราะเสียงที่เกิดขึ้น เทพอสูรไป๋หยางได้มุ่งหน้ามาที่ บริเวณที่เกิดเสียงดังกล่าวขึ้น ด้วยความโกรธจึงตะโกนออกไปว่า
“มันผู้ใดบังอาจบุกรุกป่าอสูรของข้าจงออกมาก่อนที่ข้าจะไปเด็ดหัวเจ้าทิ้งซะ!! ”
เทพอสูร ไป๋หยาง ได้ตะโกนเรียกและข่มขู่สารพัด จนสัตว์อสูรทุกตัวพากันสั่นภะหวา แต่เมื่อไป๋หยางและเหล่าอสูรที่ตามมาด้วยเห็นภาพตรงหน้าพวกมันทุกตนล้วนคุกเข่า ต่อหน้า เทพองค์หนึ่ง ความโกรธที่ประทุออกมาหายไปจนหมดสิ้นเหลือไว้แต่ความยำเกรง และนับ ถือ เทพองค์นี้มีเส้นผมสีทองสวมเกราะเต็มตัวในมืออุ้มเด็กทารกอยู่ซึ่งทำให้ เทพอสูร ไป๋หยาง แปลกใจอย่างมากแต่ไม่ได้เอ่ยถามออกไป….
“ข้าน้อยขอคาราวะ ท่านราฟาเอล เทพแห่งความรักและการทำลาย ไม่ทราบท่านมาที่ต่ำต้อยแบบนี้ท่านมาเพื่อจุดประสงค์อันใดกันข้าผู้น้อยขอทราบเหตุผลได้หรือไม่”
เทพอสูรไป๋หยาง กล่าวอย่างนอบน้อมเพราะรู้ว่าบุคคลตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่ควรไปยุ่ง…
“ไม่ต้องมากพิธีหรอก ท่านเทพอสูรไป๋หยาง ข้าได้ยินมาจาก อัลบาร์ เรียบร้อยหมดแล้วล่ะ ถึงท่านจะเป็นอสูรที่จิตใจของท่านและนิสัยของท่านนั้นดียิ่งกว่าเทพและมนุษย์บางคนที่จิตใจต่ำช้าเกินมนุษย์ ข้ามาที่นี้เพื่อมาขอร้องท่าน!!”
พอมาถึงตรงนี้ ราฟาเอลเทพที่แข็งแกร่งทางด้านการทำลายและความรักกำลังคุกเข่าต่อหน้าเทพอสูรไป๋หยาง ทำให้ตัวมันกับอสูรตนอื่นๆที่ตามมาด้วยแทบจะเป็นลมล้มพับ บางตัวถึงขนาดสลบไปแล้ว เมื่อเทพอสูรไป๋หยางเห็นแบบนั้น มันพูดอะไรแทบไม่ออก เพราะเทพที่ว่ากันว่าหยิ่งในศักศรีไม่ยอมก้มหัวให้ใครยกเว้น คนที่มีระดับ สูงกว่าตัวเอง แต่ต้องเป็นเผ่าเทพเท่านั้น แต่ตรงหน้า เทพอสูรไป๋หยาง มีเทพที่แข็งแกร่งกว่าเทพทุกตนกำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าตัวเองทำให้มันอึ้งค้างทำอะไรไม่ถูก พอมันรวบรวมสติได้ก็รีบกล่าวขึ้นมา
” ทะ ท่านราฟาเอลโปรดอย่าทำแบบนี้เลยข้าขอล่ะ โปรดลุกขึ้นเถิดมันทำให้ข้ารู้สึกไม่ดี ทั้งที่ท่านจะสั่งก็ได้แต่ทำกลับขอร้อง ข้าก็จะทำให้ดีที่สุดท่านมีอะไรจะขอให้ข้าช่วยล่ะ!! ” เมื่อราฟาเอลได้ยินก็คลี่ยิ้มออกมาแล้วแล้วกล่าวต่อเทพอสูรไป๋หยางไปว่า
” ท่านช่วยดูแลบุตรของข้า และสั่งสอนให้เขาเป็นคนดี ปกป้องเขาจากสิ่งที่เป็นอันตรายต่อตัวเขา ข้าขอแค่นี้ แล้วอีกอย่างที่ท่านเห็นตรงหน้า ไม่ใช่กายเนื้อของข้าหรอก นี้เป็นเพียงจิตวิณญาณเพียงแค่เศษเสี้ยวที่ข้าแบ่งแยกออกมาก่อนที่ข้าจะโดนปิดผนึก เด็กคนนี้ในวันข้างหน้าจะเป็นผู้กอบกู้ของเหล่าเทพ ข้าขอฝากบุตรข้าด้วยล่ะ”
เมื่อราฟาเอลกล่าวด้วยน้ำจิงจัง และบอกกล่าวแก่ไป๋หยาง มันแทบจะสลบตามพวกมันที่เหลือทันทีแต่มันต้องทำใจให้เข้มแข็งไว้…
“ทะ..ท่านบอกว่าเป็นบุตรของท่านอย่างงั้นเหรอ!!”
” ใช่แล้ว นี้เป็นบุตรเพียงคนเดียวของของข้า และ อัลบาร์ ”
เมื่อราฟาเอลกล่าวจบ เทพอสูรไป๋หยางก็นิ่งค้าง ล้มหงายหลังไปในทันที หมดสติทันใด เมื่อราฟาเอลเห็นก็อดยิ้มไม่ได้เพราะป็นอย่างที่อัลบาร์กล่าวมาไป๋หยางนั้นเป็นอสูรที่ดี แต่มักจะโดนเข้าใจผิดอยู่เสมอ เนื่องจากรูปลักษ์ภายนอกที่ดูแล้วสร้างความหวั่นเกรงให้กับฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ…
” นี้เจ้าน่ะ หลังจากไป๋หยางฟื้นขึ้นมาแล้วบอกเขาด้วยล่ะว่าข้า ผนึกพลังของเขาเอาไว้ เมื่อครบ7 ปีเมื่อไหร่พลังของเขาจะประทุออกมา เจ้าบอกไป๋หยางให้หาอะไรมาก็ได้ช่วยปกปิดพลังของเขาไม่ให้เทพเบื้องบนสัมผัสได้ หวังว่าเจ้าคงเข้าใจน่ะ” อสูรตนนั้นที่อยู่ใกล้กับไป๋หยางก็ตอบกับไปแบบกระตุกกระตัก
“ขะ..ข้าน้อยทะ..ทราบแล้วขอรับ” มันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ กลัวจนขึ้นสมองขนาดนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของจิตวิณญาณ ถ้ามาทั้งกายเนื้อล่ะ เป็นครั้งแรกที่มันได้เห็นเทพตัวเป็นๆ แถม ยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย
“ถ้างั้นก็ดี ฝากบอกไป๋หยางด้วยว่า ห้ามบอกเรื่องนี้กับบุตรของข้าเป็นอันขาด!!!”ราฟาเอลกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขะ ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ” เสียงของอสูรตนนั้นขานตอบ
“ข้าไปล่ะ ฝากลูกของข้าให้พวกเจ้าดูแลด้วยล่ะ” เมื่อกล่าวจบราฟาเอลก็กลายเป็นแสงแล้วหายไปเหลือเพียงเด็กทารกที่อยู่ในอ้อมผ้า กำลังหลับสนิท
” ข้าสลบไปได้อย่างไรเป็นฝันที่แปลกมากข้าฝันว่า ท่านราฟาเอล กับท่านเทพอัลบาร์มีบุตรด้วยกันซึ่งแน่แท้มันเป็นไปไม่ได้เพราะมันเป็นกฎเหล็กของสวรรค์ ฮ่าๆๆๆ ข้าแค่ฝันไปนี้เอง”
เมื่อไป๋หยาง หัวเราะด้วยความดีใจจบแล้ว มันก็เหลือบไปเห็น เด็กทารกในอ้อมผ้าซึ่งเหมือนกับในฝันไม่มีผิด ตัวมันเริ่มจะกล่าวอะไรออกมาแต่พวกอสูรองค์รักษ์ ก็เข้ามาซะก่อน…
“ท่านเทพอสูรไป๋หยางท่านฟื้นแล้วข้าและอสูรตนอื่นๆช่วยกันนำพาท่านมาที่พำนักตอนที่ท่านหมดสติอยู่ ก่อนที่ ท่านราฟาเอลจะจากไป ท่านได้ฝากข้อความมาว่า ท่านราฟาเอลได้ผนึกพลัง ของบุตรนางเอาไว้จนกว่าจะอายุ7 ปีเพื่อไม่ให้ เทพด้านบนสัมผัสพลังของเขาได้”
เมื่อเทพอสูรไป๋หยางได้ฟังสิ่งที่อสูรตนนั้นพูดมันแทบจะเป็นลมอีกรอบแต่ยังดีที่มันพอมีสติ ประคองตัวเองไว้ได้ มันหันกลับมามอง เด็กที่อยู่ในอ้อมผ้า แล้วได้แต่ถอนหายใจออกมา..
“เฮ้ออ ท่านอัลบาร์ นี้ท่าน คิดว่าข้าจะดูแลบุตรของพวกท่านได้ดีขนาดนั้นเลยเหรอ”
เทพอสูรไป๋หยางได้แต่ถอนหายใจ และ ดูเด็กที่อยู่ในอ้อมผ้าด้วยสายตาที่ อ่อนโยน จน อสูรที่ใกล้ๆสังเกตุเห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยน แล้วได้แต่กลั้นหัวเราะเอาไว้ ” ปากบอกไม่แต่ใจกลับทำอีกอย่าง เฮ้อ ปากชั่งไม่ตรงกับใจจริงๆเลย” อสูรตนนั้นได้แต่คิดในใจ
อุแว้ อุแว้ เสียงเด็กทารก ร้องขึ้นมาทำให้เทพอสูรไป๋หยางต้องอุ้มขึ้นมาแล้วกล่อมให้เด็กทารกหยุดร้องให้ ซึ่งแน่นอนการกระทำทั้งหมดล้วนประจัก แก่สายตาของอสูรทุกตนที่อยู่ในนี้
“พ่อ จ๋า” นี้คือคำแรกที่เด็กทารกน้อยคนนี้พูดออกมาสร้างความตกตะลึงให้แก่เหล่าอสูรและรวมทั้ง ไป๋หยางเองด้วย
“สมแล้วที่เป็นลูกของท่านทั้ง2 ขนาดเป็นทารกสามารถพูดได้แล้วซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เด็กทารกทั่วไป ไม่สามารถสื่อสารได้จนกว่าจะ5ขวบ แต่นี้แค่ ขวบเศษ สามารถสื่อสารได้แล้ว ช่างมีความสามารถอะไรเช่นนี้”
เมื่อเด็กน้อยคนนี้ พูดคำว่า พ่อ ทำให้แววตาอ่อนโยนลงมาก และยิ้ม อ่อนๆ ในชีวิตนี้เทพอสูร ไป๋หยางไม่เคยมีบุตร นั้นทำให้จิตใจของไป๋หยางนั้น ยังมีรูโหว่อยู่ แต่ตอนนี้ รูโหว่นั้นได้โดนปิดทับไว้แล้วโดยเด็กทารกตัวน้อย รูโหว่ที่ได้รับการเติมเต็ม คือ ความรัก การได้รับความรักจากคนอื่นซึ่งในชีวิตนี้มันไม่เคยได้ความรักจากใคร ยกเว้น เด็กน้อยคนนี้ที่ให้ความรัก แก่ตน ทำให้ไป๋หยางอ่อนโยนขึ้นกว่าแต่ก่อน…
“เอาล่ะตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าชื่อ ไป๋หลง ” เมื่อเทพอสูรไป๋หยางกล่าวออกมา อสูรตนอื่นๆ ก็ คุกเข่าคำนับ ไป๋หลง ในฐานะ นายน้อย ของป่าอสูร
กลับมาบัจจุบัน ณ ป่าอสูร..
ตอนนี้เวลาผ่านมา5ปีแล้ว ไป๋หลงมีเส้นผมสีดำ มันวาวราวกับได้รับการดูแลอย่างดี สีผิวที่ขาวสะอาดสะอ้าน หญิงใดเห็นต้องอิจฉาเป็น ดวงตาสีแดง ราวกับอัญมณี ตอนนี้ไป๋หลง อายุ6ขวบแล้ว ไปหล๋งเดินมาหาไป๋หยางซึ่งตอนนี้ก็เปรียบเสมือนพ่อจริงๆของไป๋หลง แต่ ไป๋หลงยังไม่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดในอดีตเพราะ เทพอสูรไป๋หยาง คิดว่ายังไม่ถึงเวลา ไป๋หลง เดินมาหยุด อยู่หน้าประตูทางเข้าห้องของไป๋หยาง มีอสูรที่เป็นองค์รักษ์ เฝ้าอยู่หน้าประตู 2 ตน เมื่อเห็นไป๋หลงเดินมา พวกมันทั้งสองตนก็ทำความเคารพไป๋หลง ไป๋หลง ส่งยิ้มให้ อสูรทั้ง2ตนก็เปิดประตู ให้ไป๋หลงเข้าไปในห้อง…
“ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้ว วันนี้ข้าไปเล่นไล่จับกับพวกพี่สัตว์อสูรด้วยล่ะแต่ไม่มีใครจับข้าได้สักคนเลยท่านพ่อ ข้าเก่งรึเปล่า” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียง สดใส ทำให้ไป๋หยางฟังแล้วรู้สึก จิตใจสบายเป็นอย่างมาก ราวกับ น้ำเสียงของเทพธิดาลงมาโปรด
“ฮ่าๆๆๆ เจ้าเก่งมากเลยที่ไม่มีใครจับเจ้าได้ว่าแต่เจ้าทำอย่างไรถึง ไม่โดนจับล่ะ ลูกพ่อ ไหน บอกหน่อยสิว่าเจ้าทำเช่นไร” ไป๋หยางก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมถึงไม่มีใครจับลูกของตนได้ จึงเกิดความอยากรู้ เลยแกล้งถามไป๋หลงไป
“ท่านพ่อคอยดู ข้าจะให้ท่านดู ” เมื่อไป๋หลงกล่าวจบก็ทำบางอย่างให้ไป๋หยางดู ทำให้ไป๋หยาง ดูอยู่ถึงกับ อ้าปากค้าง…
ย้อนกลับไป ตอนที่ ไป๋หลงเล่นไล่จับกับอสูรตนอื่นอยู่ เพราะไป๋หลงได้ชวนอสูรที่ทำหน้าที่ เฝ้าบริเวณนั้นอยู่ มาเล่นกับตน…
” นี้ๆ พวกท่านมาเล่นกับข้าหน่อยได้ไหม ข้าเหงา”
ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนแบบเด็กๆ เมื่อทหารยามที่เป็นอสูร ให้ไป๋หลง ชวนตนและคนอื่นๆ มันเลยตอบกลับไปว่า
“ได้ขอรับนายน้อย ว่าแต่ ท่านจะเล่นอะไรล่ะพวกข้าจะได้เล่นเป็นเพื่อน”
อสูรตนนี้มีรูปร่างผอมแห้ง แขนขารีบ จนออกจะดูน่ากลัว แต่ไป๋หลงไม่ได้คิดว่ามันน่ารังเกียจเลย
ไป๋หลงยื่นมือมาจับ มือของอสูรตนนั้น ทำให้อสูรตนนั้น รู้สึกดีขึ้นไปอีกที่มีนายน้อยที่ไม่ได้รังเกียจมัน ขนาดพวกเดียวกันยังไม่กล้าจะคุยด้วยเลย..
“เรามาเล่นไล่จับกัน ข้าจะหนีส่วนพวกท่านจับข้าให้ได้ ขอให้พวกท่านใช้ความสามารถอย่างเต็มที่น่ะ เอาล่ะเริ่มได้”
เมื่อสิ้นเสียงคำบอกกล่าว ของไป๋หลง ไป๋หลงก็ได้หายไป อยู่ด้านหลังของพวกตน จนไม่สามารถตามการเคลื่อนไหวได้ทัน!!
“พวกท่านข้าอยู่ทางนี้ รีบๆมาจับข้าได้แล้ว”
ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ทันใดนั้น อสูร5 ตน ก็ระเบิดพลัง ระดับราชันย์อสูรออกมา ไล่ตาม ทั้ง5 ตนเริ่มตามความเร็วของไป๋หลงทัน ซึ่งมันตกใจเป็นอย่างมาก ขนาดพวกมันระเบิดพลัง จนถึงขีดสุด แต่มิอาจตามความเร็วของไป๋หลงทัน เมื่อไป๋หลงเห็นว่าอสูรทั้ง5 ใกล้จะเข้ามาถึงตน ไป๋หลงเลยคิดจะทำบางอย่าง..
“เอาล่ะสงสัยข้าต้องเอาจริงด้วยเช่น!!”
ฟึบ!!
ขณะนั้นเองพวกมันทั้ง5 ตน อาปากกว้างตกใจแล้วตะโกนพร้อมกันว่า
“ปะ ปะ ปะ ปีกกกกกก!! ”
ตัดมาตอนบัจจุบัน ตอนนี้ไป๋หลง ได้เอาปีก1คู่ออกมาซึ่งมีสีขาวและสีดำมันวาวข้างขวาคือปีกสีขาว ข้างซ้ายคือปีกสีดำ ระดับพลังของไป๋หลง เพิ่มขึ้นทันทีเมื่ออีกออกมา ทำให้ ไป๋หยางถึงกับกุมขมับ…
“เอาล่ะข้าจะบอกอะไรให้ฟังน่ะเมื่อเจ้าออกไปโลกภายนอกเมื่อไหล่ข้าขอสั่งเด็ดขาดห้ามเผยปีกให้ใครเห็นเด็ดขาด เข้าใจน่ะ”
ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไป๋หลงสังเกตุเห็นว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นผู้เป็นพ่อกล่าวด้วยน้ำจริงจัง
“ขอรับข้าเข้าใจแล้ว”
ไป๋หลงเก็บปีกของตนเองทันทีพร้อมหันหน้าไปมองบิดาของตน…
“เอาล่ะพรุ้งนี้เราจะเริ่มฝึกวิชากัน เจ้าเข้าใจน่ะ”
“ขอรับ”
ไป๋หลงตอบรับทัน ก่อนจะขอตัวกลับไปยังห้องของตนและเริ่มนั่งทำสมาธิทันที..