เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่102 จักรพรรดิเงา 2
เมื่อผู้อาวุโสเมื่อเงยหน้าขึ้นไปพลันระเบิดพลังออกมาจนศิษย์รอบข้างพลอยได้รับผลกระทบไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เดือดดาล…
” จักรพรรดิ์เงา!!! ”
เหล่าศิษย์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็บังเกิดความสงสัย เพราะเป็นครั้งแรกที่อาจารย์ของตนแสดงที่ท่าเช่นนี้ออกมา…แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามขึ้น
” พวกเจ้ารีบไปรายงานแก่ผู้อาวุโส12 จักรพรรดิ์เงายังมีชีวิตอยู่เดี๋ยวนี้ รีบไป!!! ”
ผู้อาวุโสชุดดำกล่าวขึ้นก่อนจะจดจ้องไปยังภาพน้ำอักขระแต่ทันใดนั้นเองภาพน้ำอักขระไม่สามารถตรวจสอบตำแหน่งของไป๋หลงได้.. เหล่าศิษย์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็มุ่งหน้าไปหาผู้อาวุโส12ในทันที..
” อันตรายเกินไปแล้วมันยังเหลือพลังขนาดแทรกแซง พลังของภาพน้ำอักขระได้ !! ” ผู้อาวุโสชุดดำกล่าวด้วยความกังวลเพราะไป๋หลงถือเป็นยอดอัจฉริยะในรอบหลายร้อยปีที่เก่งเกาจทางด้านการต่อสู้และยังได้รับของวิเศษจากที่แห่งนี้อีก ถ้าเกิดอะไรขึ้นนับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่หลวง
ภายในหุบเขาแห่งการจองจำ..
ไป๋หลงในตอนนี้มิอาจขัดขืนอะไรได้แม้แต่น้อยอีกทั้งจะเปิดเผยพลังที่แท้จริงก็ไม่ได้ถ้ายังไม่ถึงแก่ชีวิตจริงๆ..
” เจ้าหนูขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์..ตามข้ามาเถอะน่าข้าไม่ให้เจ้าตกการสอบเข้า..ข้าแค่อยากจะคุยอะไรนิดหน่อยกับเจ้าเท่านั้น!!! ” ชายชรากล่าวพลางก่อนจะดื่มสุราที่ปล้นมาจากไป๋หลงอย่างสุขสบายใจ..
” ท่านอยากจะคุยกับข้าแต่บังคับข้ามาเนี้ยนะ..มันจะไม่แปลกไปหน่อยเหรอแล้วทำไมข้าไม่สามารถควบคุมร่างกายข้าได้เลยทั้งที่กำลังเดินแต่ข้ากลับรู้สึกว่าตัวเองอยู่กับที่ด้วยซ้ำไป!!! ” ในตอนนี้ไป๋หลงยังไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าตัวเองเป็นแบบนี้ได้เช่นไร
ถูกวิชาบางอย่างก็ไม่น่าจะใช่เว้นแต่เพียงว่าเจตจำนง!!
” ที่ท่านใช้คือเจตจำนง งั้นสินะถูกหรือไม่?!! ” ไป๋หลงล่าวขึ้น
ชายชราได้ยินเช่นนั้นก็ปริยิ้มออกมา..
” ถูกและไม่ถูก เงาของเจ้าเพียงเชื่อฟังข้าเท่านั้น!! ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไหนล้วนมีเงาซึ้งเงาเหล่านั้นข้าสามารถควบคุมได้หมดทั้งสิ้น ขอเพียงแค่ระดับพลังของข้าอยู่สูงกว่าสิ่งที่ข้าควบคุมก็แค่นั้น ” ชายชรากล่าวขึ้นก่อจะยกไหเหล้าขึ้นและกระดกอย่างสบายใจ
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็สั่นสะท้านในทันทีเพราะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนมีเงาทั้งสิ้นนั้นก็หมายถึงสามารถควบคุมได้เกือบหมดทุกอย่างถ้าขึ้นไปในระดับในจุดที่มนุษย์ไปถึงจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่..
” ท่านทำผิดอะไรถึงโดนจองจำในที่แห่งนี้…แล้วท่านเป็นใครกัน? ” ไป๋หลงเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับลดการป้องกันตัวลงทันใดนั้นร่างกายของไป๋หลงก็เคลื่อนไหวเองได้ตามปกติ..
” แค่นี้ก็หมดเรื่องเจ้าทำแบบนั้นตั้งแแต่ที่แรกข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น..หยุดตรงนี้แหละ!! ” ชายชรากล่าวจบก็ก้มลงแตะพื้นแสงสีแดงส่องประกายจ้าก่อนที่ไป๋หลงและชายชราจะหายไป..
ลึกลงไปใต้ดิน…
” ไม่คิดเลยว่าข้างล่างจะมีที่แบบนี้อยู่ด้วย ” ไป๋หลงเอ่ยขึ้นพลางเดินตามชายชรามาถึงประตูบางหนึ่งที่มีขนาดใหญ่และสีดำทมิฬ…
” เจ้าอยากจะรู้ใช่ไหมข้าเป็นใครแล้วทำไมถึงมาอยู่ในที่แห่งนี้..ตามข้ามาสิหลังประตูบานนี้เจ้าจะรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอีกอย่างเจ้าจงระวังตัวเอาไว้ให้ดี ในสถาบันเทพมารแห่งนั้นมีบางสิ่งที่อันตรายซ่อนตัวอยู่มันรอโอกาสที่สมควรมันจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าแม้แต่เทพและมารชั้นสูงอาจจะไม่ใช่คู่มือของมันด้วยซ้ำแม้แต่ข้าเองก็มิอาจ..ทำสิ่งใดได้จนมาอยู่ในที่แห่งนี้ ”
ชายชรากล่าวจบก็ผลักประตูและเดินเข้าไป..ไป๋หลงไม่รอช้าเดินเข้าไปในทันที..ก่อนประตูจะปิดลงอย่างสมบูณ์.
ตึง!!!
ใครจะคิดเล่าว่าหลังประตูบานนี้จะเป็นห้องคล้ายกับห้องสร้างอาวุธชั้นดีแบบนี้ ภายในประดับประดาไปด้วยแร่ต่างๆที่ไป๋หลงไม่เคยเจอมาก่อนสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับไป๋หลงเป็นอย่างมาก…
” เจ้าหนูนั่งลงสิ..ระดับพลังของเจ้ายังปั่นป่วนอยู่ดูท่าคงจะไปเจออะไรบางอย่างมาละสิท่า..ละถ้าให้ข้าเดามันคงเป็นอาวุธชิ้นหนึ่ง ที่ เห่ยเจี้ย ได้สร้างและทิ้งไว้สินะ!!! ” ชายชรากล่าวพลางใช้สายตาสำรวจไป๋หลง
” ทะ..ท่านรู้ได้ยังไงกันว่าข้าไปเจอกับอะไรมา..ท่านรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ” ไป๋หลงกล่าวด้วยความฉงนปนตกตะลึงไม่คิดว่าชายชราตรงหน้าจะรู้ลึกถึงขั้นนี้ทำให้ไป๋หลงสงสัยขึ้นไปอีกว่าชายชราผู้นี้เป็นใครกันแน่…
” ง่ายมากกลิ่นอายจากเทพศาสตร์ตรามันบ่งบอกอยู่..ดูท่าจะเป็นของดีซะด้วยสินะ แถมนิสัยอาวุธชิ้นนั้นดูเหมือนม้าพยศซะด้วย!! ชื่อของมันน่าจะเป็น ตรีศูลดับสุริยัน!!! ”
ไป๋หลงสั่นสะท้านในทันทีเพราะอาวุธที่ตนได้มานั้นเป็นตรีศูลจริงๆจนถึงขณะนี้ไป๋หลงยังไม่รู้ชื่อของมันด้วยซ้ำจวบจนกระทั่งถึงตอนนี้..
” ตรีศูลดับสุริยัน? ท่านรู้ชื่อของมันได้ยังไง ” ไป๋หลงเอ่ยถามขึ้น
” ข้าบอกเจ้าแล้วว่ากลิ่นอายแห่งศาสตร์เทพจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น ความอ่อนโย ความเกรี้ยวกราด ความโกรธแค้น หรือ แรงสังสาร ย่อมมีเอกลักษณ์ในตัวของมัน!! ซึ้งอาวุธของเจ้ามีกลิ่นอายแห่งความพยศและจองหองเป็นอาวุธที่ถ้าเจ้าไม่แข็งแกร่งพอ…เจ้าจะถูกมันเข้าควบคุมจนเสียสติสัมปชัญญยะไปในทันที!! ”
ชายชรากล่าวพลางถ่ายทอดพลังของตนเพื่อช่วยเหลือในการช่วยลดการปั่นป่วนของพลังภายใน..ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็หยุดความคิดที่จะนำมันออกมาใช้ในทันทีต้องยกระดับตัวเองให้มากกว่านี้..
” ท่านช่วยข้าทำไม..แล้วท่านต้องการอะไรจากข้า ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นเพราะต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ยอมช่วยตนและอธิบายรายละเอียดต่างๆที่ไป๋หลงไม่รู้ให้รับรู้….
ชายชราถอนหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนจะเอ่ยขึ้น..
” ตัวข้า..ข้ารู้ตัวเองดีว่าไม่ต่างกับไม้ใกล้ฝั่งตลอดจนทั้งชีวิตข้าไม่สามารถออกไปข้างนอกได้อีกอย่างที่นี้ก็เปรียบเสมือนเป็นที่คุ้มกันชั้นเยี่ยมสำหรับข้า..ข้าคิดดูแล้วการที่ เห่ยเจี้ย จับข้ามาไว้ในที่แห่งนี้ ข้าต้องขอบคุณเสียด้วยซ้ำแต่หน้าเสียดายที่ตายจากไปก่อนข้า…ที่ข้าพาเจ้ามาก็คือ ข้าอยากจะให้เจ้าเป็นผู้สืบทอด จักรพรรดิ์เงา เจ้าจะต้องเป็น จักรพรรดิ์เงา คนที่2 ต่อจากข้า!!!!! ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็แข็งค้างในทันที..
” ท่านว่ายังไงนะ!! อย่าบอกนะว่าท่านอายุเกือบหมื่นปีแล้วทำไมท่านถึงเหมือแค่100กว่าปีนี้มันอะไรกัน..จักรพรรดิ์เงา ท่านเป็นจักรพรรดิ์เงาอย่างงั้นรึ ทำไมในบันทึกไม่มีเรื่องราวของท่านแม้แต่น้อย ”
ไป๋หลงกล่าวด้วยความตกตะลึงอย่างถึงขีดสุด…ไป๋หลงสียความสงบเยือกเย็นไปในทันที
” ใจเย็นลงก่อน…ไม่แปลกที่ไม่มีเรื่องราวเกี่ยวกับข้าจักรพรรดิ์ธาตุ ทั้ง 9 นั้นล้วนเป็นตัวตนที่ลึกลับแต่ความจริงตัวข้านั้นคือจักรพรรดิ์ธาตุคนที่10 แต่บัจจุบันคงมีแค่9สินะ เจ้าพวกนั้นมันงี่เง่าจริงๆแก่จะลงโลงยังไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริงว่าพวกเจ้าแค่เต้นบนฝ่ามือมันเท่านั้น!!!” ชายชรากล่าวด้วยความเดือดดาล
ไป๋หลงงุนงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น…
” ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าระรับรู้เรื่องนี้ รอให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้แล้วข้าจะบอกเจ้าเอง..แล้วว่าไงละจะเป็นผู้สืบทอดจักรพรรดิ์เงาคนที่2ต่อจากข้าหรือไม่!! ”
ชายชราสงบสติอารมณ์ก่อนจะเอ่ยถามไป๋หลงอีกครั้ง..
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็คิดไตร่ตรองซึ้งแน่อนว่าไป๋หลงในยามนี้อ่อนแอเป็นอย่างมากหากเทียบกับสิ่งที่ไป๋หลงต้องเจอในอนาคต ความแข็งแกร่งคือสิ่งเดียวที่สยบทุกสิ่ง..
” ข้าไป๋หลง ขอตกลง!! ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นด้วยความมาทมั่นเพราะในภายภาคหน้าความแข็งแกร่งย่อมเป็นสิ่งจำเป็น..
ชายชราได้ยินเช่นนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา..
” ฮ่าๆๆๆ!! ดีๆ ข้าชอบพวกที่ตัดสินใจอะไรเด็ดขาด เรามาเริ่มการสืบทอดกันเลย!! ” ชายชรากล่าวจบก็ปลดปล่อยพลังบางอย่างออกมา..
” ข้าต้องทำยังไงบ้าง? ” ไป๋หลงเอ่ยถามขึ้น
ชายชรายกยิ้มขึ้นก่อนจะเอ่ย
” ไม่ต้องที่เหลือข้าจัดการเองมันอาจจะเจ็บนิดหน่อยทำใจไว้ก็แล้วกัน ” ชายชรากล่าวอย่างมีเลศนัยก่อนจะปลดปล่อยพลังออกมาทั่วห้องนี้
” อาณาเขตจักรพรรดิ์!! ”
ด้านบนพื้นดิน…
เวลาผ่านไปเกือบจนพระอาทิตย์เกือบจะลับขอบฟ้าแล้ว..
เก๋อเก๋อเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับผู้อาวุโสชุดดำฟัง..แต่ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้เพราะม่านพลังแห่งนี้แข็งแกร่งเกินไป ซ้ำยังต้องได้รับป้ายเข้าพิเศษจากเบื้องบน..
ขณะนั้นเองเหล่าผู้เข้าแข่งขันนับร้อยคนผ่ายขึ้นมาบนยอดเขาอู้เฉียงมองหาไป๋หลงแต่ก็ไม่เห็นจึงวิตกกังวลทันใดนั้น..
” ปะ ป๋าไม่มี กลิ่นของปะป๋าหายไป เว่ยเว่ยจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ!! ” เว่ยพึ่งขึ้นมาบนยอดเขาได้และกำลังจะกลับลงไปอีกครั้ง..
” เด็กน้อยนั่นจะทำอะไร ”
” ข้าจะไปรู้เรอะ..นั่นอย่าบอกนะว่าจะลงกลับไปบ้าไปแล้ว ”
” ปล่อยไปเถอะ ยังไงลงกลับไปไม่ได้อยู่ดีเพราะม่านพลังละนะ ” หนึ่งในผู้เยาว์เอ่ยขึ้น
ผู้อาวุโสชุดดำแสดงสีหน้าวิตกเพราะตอนนี้ไป๋หลงยังไม่มาถึงอาจจะเกิดบางอย่างขึ้นทันใดนั้นเอง..
” ทำไมเว่ยเว่ยเข้าไปไม่ได้!! มีอะไรใสๆขวางอยู่ ” เว่ยเว่ยเอ่ยขึ้นดึงดูดสายตาของผู้คนที่ขึ้นมาไม่เว้นแม้แต่เผ่าเทพ
” ชิเอลเด็กนั่นมีอะไรแปลกๆ..” เด็กสาวเผ่าเทพเอ่ยขึ้น
” ข้าก็คิดเช่นนั้นเด้กนั่นอาจจะไม่ใช่มนุษย์ ”
ระหว่างที่สองเทพกำลังสนทนาอยู่..
” อย่าขวางเว่ยเว่ยนะ…ได้ถ้าเข้าไม่ได้ก็ทำลายทิ้งซะก็สิ้นเรื่อง!! ” เว่ยเว่ยเอ่ยขึ้นกับตัวเองก่อนจะกำหมัดขึ้น..
ท่ามกลางสายตาของเหล่าผู้เข้าสอบสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้คนเหล่านั้นเป็นอย่างมาก…ทันใดนั้น
ตู้ม!!!
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นทุกสายตาจับจ้องไปยังทิศทางที่เกิดเสียงระเบิดทุกคนใบหน้าขาวซีดเพราะม่านพลังเริ่มสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด…
ผู้อาวุโสชุดดำที่สงบเยือกเย็นตลอดเวลายังอดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้..
” แข็งเกินไป เว่ยเว่ยไม่ยอมหรอก ลองนี้เป็นไง ” เว่ยเว่ยกล่าวจบก็รวบรวมเปลวเพลิงสีแดงเลือดก่อตัวเป็นดอกบัวดอกหนึ่งก่อนดอกบัวนั้นจะบานออก
เปลวเพลิงแห่งอันตกาลรูปแบบที่5 บัวสวรรค์จุติ!