เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่123 หอคอยต้องสาป 1
หลังจากอู้เฉียงและเหล่าสมาชิกกองกำลังปีกสวรรค์ทั้งหมดออกมาทุกคนถูกยกระดับความแข็งแกร่งขึ้นจาก กล่องย่นเวลาที่ไป๋หลงได้สร้างขึ้น…
ทั้งหมดได้รู้ความจริงจากปากของเหิงฟู..หลังจากพักรักษาอาการบาดเจ็บ จางลี่ใช้เวลารักษาอีกสักระยะเพราะบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตี..ซ้ำร้ายระดับพลังที่ยังไม่ถึงขั้นทำให้ทนรับพลังการโจมตีดังกล่าวได้…
” บัดซบ!! พวกนั้นแน่มากที่กล้ามาหยามหน้าพวกเราแบบนี้…หากพี่ใหญ่ไปช่วยไว้ไม่ทันละก็… “กังเหอกล่าวขึ้นอย่างเดือดดาล
เหล่าสมาชิกกองกำลังปีกสวรรค์ก็ต่างแสดงความไม่พอใจออกมาเช่นกัน..
ภายในห้องพักของไป๋หลงที่ยามนี้กำลังรักษาบาดแผลจากกังจักรทมิฬดังกล่าว..
” ความสามารถในการฟื้นฟูบาดแผลของข้า..ยังมิอาจรักษาบาดแผลนี้ได้โดยทันที..ร้ายกาจนัก!! ”
ไป๋กลงกล่าวขบคิดก่อนจะจดจ้องไปยังตรีศูลสีแดงที่ตั้งพิงอยู่กับผนังห้องกำลังส่งเสียงเอะโวยวายตลอดเวลา…
” เอ้ยๆๆๆ..ข้าเป็นถึงเทพศาสตร์ตรา..นี้เจ้ากล้านำข้ามาวางพิงไว้กับฝาผนังงั้นรึ..บัดซบ!! ”
ไป๋หลงหาได้สนใจเสียงเอะอะโวยวายไปมา…ก่อนจะเรียกอู้เฉียงเข้ามาพูดคุยเพื่อวางแผนการที่เหลือ
” อู้เฉียง..งูขาวของเจ้าตื่นขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่? ” ไป๋หลงเอ่ยถามขึ้น
เมื่ออู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าปั้นยากก่อนจะกล่าวตอบออกมา..
” ใช่แต่หลังจากข้า..พูดคุยกับนางเรื่องนั้น..นางก็ไม่ยอมตอบรับข้าอีกเลย ”
ไป๋หลงพอจะเข้าใจเรื่องราวดั่งกล่าวจึงขอให้อู้เฉียงเรียก เฟยเฟย ออกมา..
ไม่นานเฟยเฟย ก็ยอมออกมาแต่เป็นเพราะไป๋หลงขอเท่านั้น..
” เฟยเฟย..พลังของเจ้าในตอนนี้อยู่ระดับใด? ”
เฟยเฟยในร่างของหญิงสาวผมขาวรูปร่างสง่าสมอิสตรีแม้จะอยู่ในร่างมนุษย์ก็ตาม…
” เรียนท่านไป๋หลง..ระดับพลังของข้าชนชั้นระดับราชันย์ ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็คิดวิเคราะห์..ซึ้งแน่นอนระดับชนชั้นราชันย์ของมนุษย์เมื่อเทียบกับระดับพลังราชันย์อสูรยังยังมิอาจนำม่เปรียบเทียบกันได้ด้วยซ้ำ..อาจจะต้องใช้ชนชั้นราชันย์2-3คนต่อการปะทะกับพลังระดับราชันย์อสูร!!!!
” ระหว่างที่พวกเราไม่อยู่ข้าจะสร้างค่ายกลปกป้องที่แห่งนี้เอาไว้เพื่อไม่ให้ใคร..แอบลอบเข้ามาระหว่างที่พวกเราไม่อยู่ซึ้งแน่นอนว่า..ข้าอยากให้เจ้าเป็นผู้ถือกุญแจเปิดปิดกลไกค่ายกลแห่งนี้.. ”
ไป๋หลงกล่าวอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้..ซึ้งถ้าตัว เฟยเฟยไม่อยากทำหน้าที่นี้ไป๋หลงก็คงต้องหาวิธีอื่น..
” ข้าตกลงข้าจะเป็นคนเปิด-ปิดค่ายกลที่ท่านจะสร้างขึ้นเอง..ข้าไม่จำเป็นต้องอยู่กับอู้เฉียงตลอดเวลา!!! ”
เฟยเฟยชายตามองอู้เฉียงชั่วครู่เท่านั้น…อู้เฉียงยิ่งแสดงสีหน้าปั้นยากเข้าไปอีกนี้เป็นครั้งแรกที่นางเรียกชื่อตน..แทนคำว่าสามี!!
ไป๋หลงได้ยินเช่นก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีแต่ตนนั้น..ไม่อาจไปยุ่งเกี่ยวได้เป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องหาทางแก้และปรับความเข้าใจกันเอาเอง…
หลังจากนั้นไป๋หลงก็ออกจากห้องพักเพื่อสร้างค่ายกลให้เสร็จภายในวันนี้..เพราะพรุ้งนี้ไป๋หบงตั้งใจจะเข้าห้องเรียนเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามา..เพื่อหาความแปลกใหม่..
” เฟยเฟยข้า… ” อู้เฉียงพยามจะเอ่ยถามขึ้น..
” ข้าไม่มีอะไรต้องคุยกับท่าน!! ข้าขอตัว ” เฟนเฟยไม่ได้กลับเข้าไปในตราพันธะสัญญาแต่เลือกที่จะเดินออกไปจากตรงหน้าอู้เฉียงเหลือเพียงเด็กหนุ่มเท่านั้นที่กำลังสับสนกับตนเอง…
หลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหก….
ไป๋หลงได้เข้าศึกษาศาสตร์ทุกแขนง..แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีศาสตร์ไหนที่ไป๋หลงให้ความสนใจเป็นพิเศษ..แม้กระทั่งปรุงยาไป๋หลงหาได้สนใจไม่..คงจะต้องหาวิธีเข้าไปในสถานที่ของศิษย์สายในเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม..
ระหว่างนั้นไป๋หลงได้เดินเข้าในหอสมุดกลางที่เป็นเพียงสถานที่เดียวเท่านั้นที่เหล่าศิษย์ทุกชั้นปีสามารถใช้ร่วมกันได้..ปกติสถานที่แห่งนี้ไม่ค่อยมีผู้คนยิ่งวันที่หอคอยเทพสถิตจะเปิดออก..ทำให้เหล่าศิษย์ต่างเก็บตัวเสียมากกว่า…
ไป๋หลงเดินเข้ามาก็พบกับบรรณารักษ์สาวที่คอยให้คำแนะนำ..
” หายากนะ..ที่จะมีคนมาใช้ห้องสมุดในช่วงเวลานี้..ลงชื่อในใบนี้แล้วเข้าไปได้.. ” บรรณารักษ์สาวเอ่ยขึ้นพลางยื่นกระดาษให้ไป๋หลงชื่อ..
” เข้าใจแล้ว..ว่าแต่ว่าในหอสมุดแห่งนี้มีหนังสือเกี่ยวกับหอคอยรึเปล่า? ” ไป๋หลงเอ่ยถามขึ้นระหว่างเซ็นชื่อ..
” เจ้าหมายถึงหอคอยเทพสถิต? ” บรรณารักษ์สาวเอ่ยขึ้นพลางมองตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่…ไม่ใช่เพื่อดูถูกเหยียดหยามแต่เพื่อสำรวจบางอย่าง..
” ตามมาสิ.. ” บรรณารักษ์สาวเอ่ยขึ้นก่อนจะเก็บใบที่ไป๋เซ็นชื้อไว้และเดินนำหน้าไป๋หลงระหว่างทางเดินไป๋หลงสังเกตุเห็นลวดลายต่างๆมากมายตามผนังแถมยังมีลวดลายสมัยเผ่าเทพเป็นผู้ปกครองโลกเบื้องล่างอีกด้วย!!!
” ลวดลายพวกนี้ใครเป็นคนวาดกัน?… ”
ไป๋หลงเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยและตะหงิดใจบางอย่าง..
” ลวดลายพวกนั้น..เทพองค์หนึ่งเป็นคนวาดไว้เมื่อนานมาแล้ว!!! ”
บรรณารักษ์สาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมจนไป๋หลงจับสังเกตุบางอย่างได้
” ถึงแล้ว…จะทำอะไรก็รีบทำ..ข้าเห็นเจ้าเป็นศิษย์ลำดับที่1 ข้าเลยอนุญาติเจ้าเป็นพิเศษโดยปกติแล้วจะไม่มีศิษย์คนใดได้เข้าไป!! ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็คิ้วขมวดในทันที..
” นี้เจ้ารู้? ”
ไป๋หลงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจมิใช่น้อย..
” รีบเข้าไปได้แล้ว ” บรรณารักษ์สาวเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินกลับไปทิ้งให้ไป๋หลงยังคงตกตะลึงว่ารู้ได้ยังไงกันไม่มีทางที่บรรณารักษ์อย่างนางจะรู้ ดูจากอาหารที่กินเสร็จแล้วตั้งไว้…นางยังไม่ได้ออกไปไหนแน่
ไป๋หลง..สลัดความคิดทิ้งไปก่อนจะเข้าไปด้านใน..ภายในนั้นประกอบไปด้วยหนังสือมากมายประมาณด้วยสายตาราวๆหมื่นเล่ม!!! ชั้นหนังสือในแต่ละชั้นถูกวางตั้งไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยแม้แต่ฝุ่นก็ไม่มีแม้แต่น้อย..
” หนังสือมากมายขนาดนี้..คงช่วยไม่ได้ต้องหาทีละเล่มก็แล้วกัน ”
ไป๋หลงเลือกหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่มจากชั้นวาง..ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้น..
” เจอแล้ว!! ประวัติหอคอยทั่วโลก และ ลักษณะทั่วไป ของหอคอย ” ไป๋หลงอ่านไปเรื่อยก่อนจะสังเกตุว่าหนังสือที่ตั้งใกล้กันก็เกี่ยวกับหอคอยเช่นกัน!!!
ไป๋หลงคิ้วขมวดก่อนจะดูหนังสือไปทีละเล่มๆจนทั่วทั้งชั้น..
” หนังสือในห้องนี้ทั้งหมดอย่าบอกนะว่า..เกี่ยวกับหอคอยทั้งหมด!! ”
ทั้งวันไป๋หลงขลุกอยู่กับหนังสือพวกนี้..ทั้งประเภทของหอคอย ประวัติ และ ลำดับชั้นทั้งหมดของหอคอยทั่วไปคือ 120 ชั้น ส่วนหอคอยอีกประเภทคือหอคอยพิเศษมีถึง 200 ชั้น ไป๋หลงอ่านมาถึงจุดนี้ก็ เห็นถึงความแตกต่าง…
หอคอยแบบพิเศษยังมีแบ่งแยกประเภทไปอีก นอกจากหอคอย เทพสถิต ณ สถาบันแห่งนี้ยังมีหอคอยมังกร และ หอคอยอีกมากมายภายในยุทธภพ ซึ้งหอคอยที่เกิดขึ้นตกทอดมาจากยุคบรรพกาล….ระหว่างที่ไป๋หลงอ่านอยู่นั้นเองไป๋หลงสะดุดชื่อหอคอยและประวัติของมัน…
” หอคอยต้องสาป!! เป็นหอคอยเพียงแห่งเดียวที่ถูกสร้างขึ้นโดย เทพมารที่แข็งแกร่งที่สุด.. สร้างไว้เพื่อนำสมบัติและของบางอย่างเฝ้ารอผู้เหมาะสม..แต่ถึงกระนั้นผู้ที่เข้าไปในหอคอยล้วนไม่ได้กลับออกมาแม้แต่คนเดียว..แม้แต่ราชวงศ์เผ่ามารก็ตาม!! อีกทั้งยังแฝงไว้ด้วยพลังแห่งบรรพกาล ชื่อของเทพมารที่สร้างหอคอยต้องสาปขึ้นคือ……. ”
ไป๋หลงอ่านมาจนถึงช่วงสุดท้ายปรากฏว่าตรงชื่อของผู้สร้างหอคอยตรงส่วนนั้นโดนฉีกออกไป!!…
ไรท์ – ต่อจากนี้จะไม่ค่อยมีฉากบู๊จนกว่าจะถึงช่วงเข้าหอคอยเทพสถิต..จะเป็นการอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ซะมากกว่า