เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่13 หมื่นกระบี่สยบเทวา
หลังจากไป๋หลงคุยกับไปหย่างเสร็จก็เดินออกจากห้องไปหา หน่านเหอ และบุตรของนาง หน่านเหิง ที่คนเคยช่วยไว้ไป๋หลงเข้ามาในห้องรักษาตัวของพวกสัตว์อสูรเมื่อสัตว์อสูรเหล่านั้นเห็นไป๋หลงเดินมาก็ทำความเคารพด้วยความนับถือทันที
“คาราวะนายน้อย ” สัตว์อสูรทุกตนกล่าวออกมาอย่างพร้อมเพียง ไป๋หลงส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินไปหา หน่านเหอ ทันที เมื่อไป๋หลงเดินมาถึงก็เห็นไป๋เหิงเดินมาเกะขาไป๋หลงทันที ไป๋หลงส่งยิ้มให้ทำให้หน่านเหิงหน้าแดงและไปมุดหน้าอยู่ในอ้อมกอดของหน่านเหอ
” ท่านเป็นเช่นไรบ้าง ” ไป๋หลงกล่าวถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
” เรียนนายท่านข้า อาการดีขึ้นมาแล้วโดยเฉพาะหน่านเหิงนางฟื้นตัวได้เร็วจนวิ่งเล่นได้แล้ว ” หน่านเหอกล่าวออกมาด้วยความนอบน้อม
“ข้าขอโทษด้วยที่มิอาจช่วยสามีของท่านได้ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความเสียใจ
“นายน้อยโปรดอย่ากล่าวเช่นนั้นแค่ท่านช่วยพวกเรา ให้ออกมาจากที่เช่นนั้น ข้าก็รู้สึกขอบคุณท่านมากแล้ว หน่านเหอกล่าวออกมาด้วยความรอบน้อม
ไป๋หลงยืนขึ้นก่อนจะกล่าวอะไรบางอย่าง
“พวกท่านทุกคน พรุ่งนี้ข้ามีเรื่องจะบอกกับพวกท่าน พวกท่านไม่จำเป็นต้องออกไปอาศัยเขตนอกป่าอสูรอีกต่อไปจะไม่มีสัตว์อสูรตนใดสามารถทำร้ายหรือเอาเปรียบพวกท่านได้ ข้าขอให้ทุกท่านไปรวมกันอยู่แถวลานประลองตอนเที่ยงตรง ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสัตว์จริง ทำให้สัตว์อสูรทุกตนที่ฟังรวมถึง หน่านเหอด้วยเช่นกันที่ตกตะลึงในคำพูดของไป๋หลง
” นี้ๆ เจ้าว่าจะสามารถทำแบบนั้นได้จริงๆรึ เรามันก็แค่อสูรชั้นปลายแถวเท่านั้นแหละ ไม่มีทางที่ได้มาอยู่เขตรในหรอก ” เสียงสัตว์อสูรตนหนึ่งกล่าวขึ้น
” มันก็ไม่แน่หรอกเพราะข้าอยู่มาเป็น100 ปี ไม่รู้ทำไมแต่ข้ารู้สึกเชื่อมั่นในคำพูดที่ ผู้เยาว์คนนั้นกล่าวออกมา ข้าก็ไม่เข้าใจตนเอง ” สัตว์อสูรที่มีรูปร่างคล้ายเต่ากล่าวขึ้น
เสียงการพูดคุยของสัตว์อสูรต่างๆนาๆ ทั้งดีใจและไม่เชื่อในคำพูด ไป๋หลง เดินออกจากห้องในทันทีเจอมู่จินที่กำลังรออยู่
” คาราวะ นายน้อย ไม่ทราบว่า ท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใด ” มู่จินรู้สึกแปลกใจที่ไป๋หลง เรียกตนให้ออกมาพบ เพราะส่วนใหญ่ไป๋หลงจะไม่เรียกสัตว์อสูรไปพบถ้าไม่จำเป็น
” เอ่อ.. ท่านช่วยไปบอกกับสัตว์อสูรเขตรนอกและเขตในและพวกอสูรทั้งหมดมารวมตัวที่ลานประลองก่อนเที่ยงตรงได้หรือไม่ ? ” ไป๋หลงกล่าวออกมาเช่นนี้ ทำให้มู่จินแปลกใจเล็กน้อยจึงเอ่ยถาม
” นายน้อยท่านต้องการต้องการทำอะไรกันแน่ ?” มู่จินกล่าวออกมาด้วยความสงสัย
” พรุ่งนี้เจ้าก็รู้เองแหละ ฝากจัดการเรื่องที่บอกด้วยล่ะ ” ไป๋หลงกล่าวอย่างมีเลศนัยก่อนจะหันหลังให้มู่จินแล้วเดินจากไป ทำให้มู่จินรู้สึกว่าพรุ้งนี้ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในป่าอสูรอย่างแน่นอน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่ มู่จินเลิกคิดไร้สาระและทำตามที่ไป๋หลงบอกในทันที
ตอนนี้ไป๋หลงมุ่งหน้าไปยังหอคัมภีย์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเอง ให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องกำไลที่เริ่มแตกร้าว ไป๋หลงยังไม่ได้บอกแก่ไป๋หยาง เพราะคิดว่าค่อยบอกหลังจากจบเรื่องนี้ ผ่านไปสักพัก ไป๋หลงก็เดิน มาถึงหน้าหอคัมภีย์ สัตว์อสูรสองตนที่ทำหน้าที่ รักษาความปลอดภัยเช่นเดิมเห็นไป๋หลงเดินมา พวกมันก็ทำความเคารพด้วยความนับถือและยกย่อง
“คาราวะนายน้อย วันนี้ท่านก็จะมาฝึกวิชาเหมือนเคยสินะขอรับ ” สัตว์อสูรตนนั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ให้ความเคารพ
” ใช่แล้ว พรุ่งนี้พวกท่านอย่าลืมไปที่รวมตัวที่ลายประลองก่อนเที่ยงล่ะ ” ไป๋หลงส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าหอคัมภีย์ ทิ้งให้อสูรที่เป็นทหารยาม มองหน้ากันด้วยความงุนงง
“เอาล่ะเพื่อวันพรุ่งนี้ข้าจะต้องเรียนวิชาจากชั้นที่10ให้ได้ ” ไป๋หลงกล่าวกับตัวเองจบก็เดินไปเลือกหาวิชาที่บนชั้น10 แต่ไม่มีวิชาไหนที่ไป๋หลงสนใจสักนิด ไป๋หลงเดินรอบชั้น10 ไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นก็มีหนังสือที่ดูเก่าแก่ล่วงลงมาจากชั้นวาง ไป๋หลงหยิบขึ้นมาก่อนจะรู้สึกแปลกใจกับชื่อวิชา หมื่นกระบี่สยบเทวา
เป็นชื่อวิชาที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนอีกอย่างหนังสือเล่มนี้หล่นลงมาได้อย่างไรในเมื่อไม่มีลมหรืออะไรในห้องนี้ยกเว้นไป๋หลง ไป๋หลงจึงหยุดคิดไร้สาระและนำหนังสือเล่มนั้นลงมาและเข้าไปในห้องฝึกทันทันที
ไป๋หล๋งเปิดตำราเล่มนั้นอ่าน รู้สึกแปลกใจกับเนื้อหาข้างในแต่ไม่ทันไรไป๋หลงก็ได้ยินเสียง เสียงหนึ่งดังขึ้น
“เจ้าหนู เจ้าอย่าวางข้าไว้บนพื้นข้ารู้สึหนาวแปลก ” เสียงที่พูดออกมาเป็นเสียงของชายแก่ชราไม่ผิดแน่ ไป๋หลงได้นินเช่นนั่นก็ตื่นตัวกระโดดขึ้นจากพื้นตั้งท่าสู้ในทันที
” ท่านเป็นใคร ออกมาเดี๋ยวนี้!! ” ไป๋หลงกล่าวด้วยความตกตะลึงที่มีคนอยู่ในห้องนี้ด้วยทั้งๆที่ตนนั้นจับสัมผัสของสิ่งมีชีวิตไม่ได้เลยในห้องคัมภีย์สร้างความตกตะลึงแบะหวาดระแวงเป็นอย่างมาก
” นี้เจ้าหนู ไม่ต้องตั้งท่าสู้ขนาดนั้นข้าได้ ข้าอยู่ข้างล่างนี้หันมาดูข้า ข้าคือตำราที่เจ้าหยิบมาไงรีบๆเอาข้าขึ้นมาจากพื้นได้แล้วข้าหนาวจะตายยุแล้ว ถึง ข้าจะเคยตายมาแล้วก็เถอะน่ะ ฮ่าๆๆ ”
“หนังสือพูดได้? ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นด้วยความงุนงง
” บ้ะ ไอเจ้าหนูนี้ ถ้าข้าไม่ได้อยู่ในหนังสือ ข้าสั่งสอนเจ้าไปนานแล้ว ” เสียงของชายแก่ชรากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“งั้นท่านก็อยู่ตรงนั้นไปซะเถอะข้าไปเลือกตำราเล่มอื่นที่พูดไม่ได้แบบท่านดีกว่า ” ไป๋หลงกล่าวจบก็หันหลังเตรียมที่จะเดินออกจากห้องเสียงของชายชราก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนใจเย็นๆข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเองฮ่าๆๆ จริงจังไปได้ข้าอยู่แต่ในห้องนี้มาเป็น100ปีมีเจ้าคนแรกนี้แหละที่ข้าคุยด้วยข้าใช้พลังเฮือกสุดท้ายทำให้ตัวเองหล่นลงมาข้างหน้าเจ้าเพราะข้าเห็นเจ้า เลือกดูตำราวิชาอยู่แต่ก็ไม่มีวิชาที่เจ้าชอบใช่ไหมล่ะ ” ชายชรากล่าวออกมาด้วยน้ำสียงขบขัน
“ก็ใช่เป็นอย่างที่ท่านว่า ท่านพูดอย่างกับว่าวิชาของท่านมีค่าพอให้ค่าลองฝึกอย่างงั้นแหละ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ เมื่อชายชราได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
” หึ ได้ ข้าจะบอกให้เจ้าฟัง วิชา หมื่นกระบี่สยบเทวา เป็นวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของกระบวนท่ากระบี่ทั้งหมดไงล่ะ เป็นไงล่ะรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของวิชานี้หรือยังล่ะ ” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
” ท่านอย่ามาโกหกข้าให้ยาก วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดมิใช่ กระบี่ตัดสวรรค์หรอกรึ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความสงสัย
” ห้ะ!!! เจ้าโง่รึเปล่าเอาวิชาระดับเทพของข้าไปเทียบกับวิชกิ้กก็อกนั้นหน่ะ ข้าจะบอกอะไรให้เมื่อ1000 ปีก่อนข้าคือยอดยุทธ์ที่เชี่ยวชาญและแข็งแกร่งด้านกระบี่เป็นอันดับ1ของยุทธภพ ” ชายชรากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองเล็กน้อย
ตอนนี้ไป๋หลง กำลังตกตะลึงในคำพูดของชายชราเป็นอย่างมาก วิชากระบี่ตัดสวรรค์ที่มีอำนาจพลังทำลายล้างสูงโดนชายชราผู้นี้เรียกว่าวิชากิ้กก็อก ทำให้ไป๋หลงสับสนมิใช่น้อย
“ถ้าสิ่งที่ท่านพูดมาเป็นความจริงแล้วท่านที่เป็นถึงอันดับ1 ด้านกระบี่ถึงได้ตายลงล่ะ ” ไป๋หลงกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย เมื่อชายชราได้ยินเช่นนั้นเสียงก็เงียบไปทำให้ไป๋หลงรู้สึกแปลกใจ ก่อนที่ชายชราจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ ข้าโดนศิษย์รักของตัวเองทรยศหักหลัง เพราะความลุ่มหลงในอำนาจของมันมันจึงลงมือฆ่าได้แม้กระทั่งอาจารย์ตนเอง!! ”
เสียงของชายชราเต็มไปด้วยความโกรธแค้นทำให้ไป๋หลงรู้สึกผิดที่ถามไม่เข้าเรื่อง
“ข้าขอโทษท่านด้วยที่ถามท่านเช่นนั้น ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยเคารพ ก่อนจะหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาก่อนจะมีแสงสว่างจ้า หนังสือเล่มนั้นกลายเป็นแสงแล้วหายไปในตัว ไป๋หลงทันที
” อะไรเกิดอะไรขึ้น ท่านหายไปไหน” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความกังวล
“ข้าไม่ได้ไปไหน หรอก ข้าอยู่ในจิตสำนึกของเข้านี้แหละ ” ชายชร่ากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“เรียนท่านผู้อาวุโสข้าชื่อไป๋หลฝ ไม่ทราบว่า.. ”
“ข้าชื่อ ขงจือ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปข้าจะเป็นอาจารย์ของเจ้าและเรื่องที่ข้าเล่าไปเจ้าอย่าได้เก็บมาใส่ใจ ” ขงจือกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเริงร่า
” ลูกศิษย์ ? ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความงุนงง
” เจ้าจะงงทำไมข้าเลือกเจ้ามาเป็นผู้สืบทอดวิชากระบี่ของข้าไงล่ะ” ขงจือกล่าวออกมาพลางสังเกตุอาการของไป๋หลง
“เอาล่ะเจ้าไม่ต้อง งง เรื่องอื่นช่างมันก่อนเวลายังมีอีกเยอะ ”
ไป๋หลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกไปยังไงซะไป๋หลงก็ต้องการพลังที่ใช้ในวันพรุ้งนี้จึงไม่ปฏิเสธ อีกอย่าง ก็อยากจะรู้ว่าการฝึกวิชาหมื่นกระบี่สยบเทวาจะเป็นแบบไหน
“ขอรับท่านอาจารย์ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความนอบน้อม
“ดีๆเยี่ยม เอาล่ะข้าจะสอนวิชากระบี่หมื่นสวรรค์ให้เจ้าทั้งหมดมี3ขั้นเท่านั้น ถึงฟังดูน้อยแต่คนที่จะฝึกวิชานี้ขั้นนึงก็ไม่ต่ำกว่าร้อยปีกันทั้งนั้น ถ้าเป็นอัจฉริยะ ก็ไม่เกิน100ปี ” ขงจืนกล่าวอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนไป๋หลงที่ฟังแอบคิดไปว่านี้มันวิชาบ้าอะไรถึงได้ฝึกนานเพียงนี้
“อะไรน่ะท่านอาจารย์แล้วข้าล่ะ ไม่ฝึกเป็นชาติเลยรึไงกัน ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความเหนื่อยใจ
” ใช่ ถ้าเจ้าตัวคนเดียว แต่เจ้ามีข้าอยู่ไม่เกิน1ปีทุกคนจะสยบแทบเท้าเจ้า ฮ่าๆๆ ” ขงจือกล่าวออกมาอย่างขบขัน
” ฟังดูยิ่งใหญ่จังเลยน้าา ” ไป๋หลงกล่าวออกมาพรางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“เอาล่ะเลิกคิดไร้สาระได้แล้วข้าจะเริ่มสอนแล้ว ” ขงจือกล่าวบอกแก่ไป๋หลง
“ขอรับท่านอาจารย์ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความนอบน้อม
ไป๋หลงที่ตอนนี้กำลังฝึกวิชาหมื่นกระบี่สยบเทวา ขั้นที่1 หลอมรวม ขั้นที่2 ก่อเกิด ขั้น3 สมบูรณ์
ไป๋หลงฝึกอย่างหนักหน่วงจนไม่ได้นอนเลยทั้งคืนจนมาถึงวันที่ไป๋หลงได้บอกกล่าวแก่อสูรทุกตน ตอนนี้ขงจือกำลังตกตะตึงบางอย่างที่ยากจะอธิบาย
” จะ จะ เจ้า ฝึกขั้นที่1หลอมรวม สำเร็จแล้ว ไม่มีทาง เด็กอย่างเจ้าทำไมถึง ” ขงจือกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง พลางชื่นชม
“อ่าว ก็ข้าทำตามที่ท่านบอกทุกอย่างเลยนิ เพราะข้ามีอาจารย์ที่มีความสามารถที่สุดในยุทธภพเลยน่ะ ขืนใครรู้เข้าเสียชื่ออาจารย์แน่เลย ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียง ล้อเลียนพลางชื่นชม ขงจือที่ฟังอยู่รู้สึกดีไม่น้อย
” ฮ่าๆ มันแน่อยู่แล้วแล้ว ” ขงจือกล่าวออกมาอย่างพากภูมิใจ อาจารย์หลงตัวเองจังเลยน้า ไป๋หลงกล่าวออกมาเบาๆแต่ขงจือเกือบจะได้ยิน
“เจ้าว่าอะไรนะ ? ”
” เปล่าๆ ท่านอาจารย์ ข้าแค่บ่นกับตัสเองเท่านั้น ” ไป๋หลง กล่าว กลบเกลื่อน
“เอาล่ะท่านอาจารย์ข้าขอพักฟื้นตัว เพื่อเวลาไม่กี่ชั่วยามข้างหน้านี้ ข้าเกรงว่าข้าจะต้องใช้พลังอย่างมากเลยทีเดียว ” ไป๋หลงกล่าวจบก็หยิบโอสถ ฟื้นฟูมา2เม็ดแล้วนำเข้าปากทันที ขงจือได้ยินเช่นนั้นจึงไม่ได้พูดรบกวนสมาธิไป๋หลง
ตัดมาทางด้านลานประลองในป่าอสูร
” นี้ๆ ข้าได้ยินว่านายน้อยมีเรื่องมาบอก แล้วทำไมให้พวกเขตรนอกเข้ามาด้วยล่ะข้าไม่เข้าใจจริงๆ ” สัตว์อสูรตนหนึ่งกล่าวขึ้น
” ข้าก็ไม่รู้ ดูพวกนั้นสิเจ้าเห็นไหม ที่ยืนอยู่4ตนใกล้ลานประลองหนะ ” สัตว์อสูรอีกตนบอกกล่าว
“ข้าได้ยินมาว่าม้นไม่ค่อยชอบนายน้อยผู้นี้เท่าไหร่ อีกอย่างทั้ง4ตนนั้น ยังเป็นหัวหน้า4ทิศของป่าอสูร คนที่1 ดูแลทางป่าทิศเหนือ คนที่2 ดูแลทางทิศใต้ คนที่3 ดูแลทิศตะวันออก ส่วนคนสุดท้ายแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม ดูแลทิศตะวันตก ” เสียงสัตว์อสูรกล่าวอธิบายจนทำให้ สัตว์อสูรตนอื่นๆได้ยินไปด้วย
“อย่างงี้นี้เอง อ้ะ นายน้อยมาแล้ว ” สัตว์อสูรตนนั้นสังเกตุเห็นไป๋หลงเดินมาทุกตนล้วนคุกเข่ายกเว้น หัวหน้า4ทิศ ไม่คุกเข่าให้ ยกเว้นเทพอสูรไป๋หยาง
ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจ
” เอาล่ะวันนี้ข้าบุตรของเทพอสูรไป๋หยาง ข้าไป๋หลงมีเรื่องมาแจ้ง ใครที่มีปัญหาก็เชิญที่ลานประลองเพื่อตัดสินกับข้า หวังว่าทุกท่านคงจะเข้าใจ ” ไป๋หลงกล่าวจบพลางสำรวจมีสัตวอสูรที่แบ่งพรรคแบ่งฝ่ายอยู่คือที่สังเกตุเห็น ฝ่ายเขตรนอก และ เขตรใน เขตรนอกประมาณหมื่นกว่าตน ส่วนเขตรในก็ประมาณ เกือบหมื่น ไป๋หลงสังเกตุเจ้าแห้งที่ตอนนี้เป็นสหายตนไปแล้วอยู่กลุ่มเขตรในแต่ ไม่ค่อยจะมีคนคุยด้วยเท่าไหร่ พวกองค์รักษ์ ก็มาอยู่รอบตัวไป๋หลงเผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดส่วนไป๋หยางมองดูจากด้านบนเพื่อไม่ให้สัตว์อสูรสังเกตุเห็น
” เอาล่ะข้าจะเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ ฟังให้ดีพวกที่อยู่เขตรนอกทุกตน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกท่านจะไม่ต้องอยู่เขตรนอกอีกต่อไปสามารถเข้ามาอยู่เขตรในได้หรือใครอยากจะอยู่เขตรนอกเหมือนเดิมข้าก็ไม่บังคับ” ไปหลงพูดเสียงดังเพื่อให้สัตว์อสูรทุกตนได้ยินชัดเจน ทันใดนั้นเอง หนึ่งในหัวหน้า4 ทิศ ก็กระโดดขึ้นมาบนเวที
“ข้าขอคัดค้าน!! อีกอย่างท่านไม่มีสิทธิมาเปลี่ยนแปลงกฏแบบนี้ถ้าพวกข้าไม่ยอมรับ ” อสูรตนนั้นร่างสูงใหญ่กล่าวมาด้วยน้ำเสียงเย้อหยิ่ง จนสัตว์อสูรที่รู้สึกดีกับไป๋หลง ไม่ชอบหน้าสัตว์อสูรตนนี้สักเท่าไหร่
“ไม่ทราบว่าท่านคือ? ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
” หึ ข้าคือ หัวหน้าทิศเหนือ ไท่ซู่ ที่ควบคุมดูแลทางด้านทิศเหนือ แต่ข้าจะะไม่ดูแลเขตรนอกเพราะพวกมันมีแต่ขยะยังไงล่ะมีแต่จะเป็นภาระ ” ไท่ซู่พูดโดยน้ำเสียงเย้ยหยัน จนองค์รักษ์ จะเข้าไปควบคุมตัวแต่ไป๋หลงสั่งห้ามไว้
“อย่างงั้นรึ แล้ว ท่านคิดว่าข้าผู้นี้เป็นขยะหรือไม่ ไม่ต้องเกรงใจพูดออกมาเลย ” ไป๋หลงพูดด้วยน้ำเสียงเรียนๆ สร้างความแตกตื่นให้กับสัตว์อสูรทุกตนเป็นอย่างมาก
” หึ การที่ท่านจะเปลี่ยนแปลงการปกครองเพื่อช่วยเหลือพวกขยะ ท่านก็เหมือนขยะเช่นกัน ” ไท่ซู่ กล่าวออกมาด้วยท่าทีอวดเบ่งไม่ให้เกียรติ ไป๋หลงแม้แต่น้อย ไป๋หลงหาได้สนใจไม่ สร้างความไม่ชอบใจแก่ไท่ซู่เป็นอย่างมาก
” เอาล่ะเรามาเริ่มการประลองกันเถอะ มู่จินท่านให้สัณญานเริ่มการประลอง ” ไป๋หลงกล่าวจบองค์รักษ์ ทุกคนเดินลงมาข้างสนามเพื่อดูแลความปลอดภัย
” ถือว่าท่านแน่มากที่กล้ามาสู้กับข้า ”
” รอดูไปซะ!! ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความเย็นชา ทำให้ไท่ซู่ รู้สึกเย็นวาบ
เริ่มการประลองได้!!
“เอาล่ะข้าจะต่…. ” ไท่ซู่ กล่าวมันทันจบก็เหมือนมีบางอย่างมาฟาดใส่ลำตัว
” ท่านไม่ได้ยินหรือท่าน ไท่ซู่ การประลองเริ่มขึ้นแล้ว แล้วก็ล่วงไปซะ บาทาอัสนี ” ไป๋หลงเตะทีเดียวหัวหน้าฝ่ายเหนือกระเด็ดติดกำแพงทันที
ตู้มมม !!
คนต่อไป…
จบ..