เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่15 รู้ผล
หลังจากเกิดเสียงของการปะทะพลังกันขึ้นก็มีใครบางคนกระเด็นออกมาจากสนามประลอง นั้นก็คือ อี้หยงที่ตอนนี้อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส แต่ยังไม่จบเท่านั้นไป๋หลงก็กระเด็นออกจากสนามประลองเช่นกัน สภาพไม่ต่างจากอี้หยง เสื้อผ้าฉีกขาด บนตัวมีร่องรอยบาดแผล ที่เกิดจากการปะทะของพลังที่ต่างชั้นกันเกินไป ไป๋หลงเลยบาดเจ็บมากกว่าอี้หยง
อสูรทุกตนล้วนแต่ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ไม่มีใครคาดคิดว่าอี้หยงจะบาดเจ็บถึงเพียงนี้ มู่จินเมื่อเห็นอี้หยงและนายน้อยไป๋หลงกระเด็นออกนอกลานประลองพร้อมกันจึงเริ่มทำการประกาศผล
การประลองระหว่าง อี้หยงและนายน้อยไป๋หลง กระเด็นออกนอกสนามพร้อมกัน เพราะฉะนั้นผลที่ได้คือ เสมอ !!
มู่จินกลาวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังทำให้สัตว์อสูรทุกตัวรู้ผลในการประลอง ไม่นานก็เกิดเสียงวิพากย์วิจาณ์กันยกใหญ่
” บ้าน่า นายน้อยอายุยังไม่ถึง7ปีเลยด้วยซ้ำ สามารถทำให้ท่านอี้หยงบาดเจ็บถึงเพียงนี้ ถึงจะพูดไม่ได้เต็มปากว่าชนะก็เถอะ ” สัตว์อสูรตนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นเต้น
” ใช้อย่างที่เจ้าว่า ลองคิดดูถ้านายน้อยอายุมากกว่านี้หล่ะ จะพัฒนาไปถึงไหนกันข้าละอยากรู้จริงๆ ” สัตว์อสูรอีกตนกล่าวเสริม ตอนนี้ทั้งสนามต่างพากันพูดคุย ยกย่องและนับถือไป๋หลงที่สามารถทำได้ถึงเพียงนี้
ตอนนี้ไป๋หลงเริ่มลุกขึ้นมาด้วยท่าทีทุรักทุเร เพราะอาการบาดเจ็ยที่ได้จากการต่อสู้ อี้หยงก็เริ่มจะขยับร่างกายได้บางส่วนเนื่องจากอาการบาดเจ็บ
“ข้าอี้หยงขอยอมแพ้ และจะขอติดตามนายน้อยไป๋หลงจนกว่าชีวิตข้าจักดับสูญ ชีวิตของข้าคือของท่าน ” อี้หยงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่นและนับถือไป๋หลงเป็นอย่างมาก ส่วนพวกหัวหน้าทิศทั้ง4 ที่เหลืออยู่อีก3 ต่างก้มหัวแบะยอมรับนายน้อยผู้นี้ทันที โดยเฉพาะไท่ซู่ที่รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของนายน้อยไป๋หลง จึงทำให้มันคิดนับถือไป๋หลงอยู่ในใจ
ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินลากสังขารขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง
” ข้าไป๋หลง ขอประกาศ ให้อสูรเขตนอกสามารถเข้ามาอาศัยในเขตชั้นในได้หรือใครอยากจะอยู่เขตนอกต่อข้าก็ไม่บังคับ อีกอย่างห้ามอสูรที่แข็งแกร่งกว่ารังแก ผู้ที่ไร้ทางสู้ หากข้ารู้ ข้าจะจัดการขั้นเด็ดขาด พวกเจ้าล้วนเป็นเผ่าพันธ์เดียวกันจงรักและสามัคคีกันเอาไว้เป็นดีสุด ใครมีปัญหายกมือขึ้นแล้วก้าวมาข้างหน้า อีกอย่างถ้าพวกเจ้าตกลงอะไรกันไม่ได้ก็ใช้ลานประลองตรงนี้ในการตัดสิน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็มีอาการหอบเล็กน้อยเนื่องจากการต่อสู้ที่ใช้พลังเกินตัวทำให้ไป๋หลงสภาพดูไม่ดีเลย
สัตว์อสูรทุกตนที่ได้เห็นการประลองของไป๋หลงและการมีความยุติธรรมการมีความเมตตา ทำให้ไม่มีใครคัดค้าน เมื่อไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็ประกาศต่อทันที
” เรื่องที่มีทั้งหมดข้าก็ได้พูดออกมาแล้ว เชิญพวกท่านกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อเถิด ” ไป๋หลงกล่าวจบสัตว์อสูรทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปเรื่อยๆ ยกเว้นไท่ซู่ที่ตอนนี้กำลังเดินมาหาไป๋หลง
” นายน้อยไป๋หลงข้าขอประทานอภัยอย่างสูงที่ข้าแสดงกริยาแบบนั้นออกไป” ไท่ซู่กล่าวออกมาด้วยความสำนึก ไป๋หลงพยักคอแล้วยิ้มให้
“ข้าไท่ซู่ ขอติดตามนายน้อยไป๋หลงและจักจงรักภักดีต่อนายน้อยแต่เพียงผู้เดียว พลังของข้าคือของท่าน ชีวิตของข้าคือของท่านเช่นกัน!! ” ไท่ซู่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคารพต่อไป๋หลง
“อะไรกันท่านก็เป็นคนที่นิสัยดีนิ ฮ่าๆๆ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความขบขัน ไท่ซู่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดงในทันที
ส่วนหัวหน้าทิศที่เหลือทั้งสอง ก็ทำแบบเดียวกับไท่ซู่ เช่นกันเพราะเห็นความสามารถของไป๋หลงแล้วพวกมันจึงไม่มีข้อกังขาแก่นายน้อยผู้นี้
“งั้นเอาล่ะ พวกท่านก็ไปพักผ่อนรักษาบาดแผลซะเถอะข้าก็จะไปพักผ่อนเช่นกัน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็เดินหายเข้าไปในประตู คฤหาสน์ ทันที ก่อนที่ไป๋หลงจะกระอักเลือกออกมาคำโต ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้นไปอีกเพื่อวันข้างหน้า ไป๋หลงเพียงรู้สึกได้ว่าอนาคตข้างหน้าจะต้องลำบากและเกิดเรื่องขึ้นอีกมากมาย
ส่วนหัวหน้าทิศทั้ง4 ก็ต่างพากันแยกย้ายกลับที่ของตน
3 วันผ่านไป…
ณ.ตำหนักตระกูลชุน
” นี้ข้าเห็นเจ้าวันๆเอาแต่นั่งเหม่อ มองออกนอกหน้าต่างตลอดตั้งแต่ที่ศิษย์ต้องไป๋หลงกลับไป หรือเจ้าจะ…” ชุนไห่กล่าวเว้นช่วงไว้เพื่อให้ชุนยี่โต้ตอบออกมา
“จะ จะอะไรน้องก็แค่นั่งคิดเรื่อยเปื่อยเท่านั้นแหละ เชอะ!! ” ชุนยี่กล่าวจบก็สะบัดหน้าหนีทันที
“ข้าก็แค่ล้อเจ้าเล่นเอง ฮ่าๆๆ ” ชุนไห่ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขบขัน
” ว่าก็ว่าเถอะ นี้ชุนยี่ เจ้าคิดว่า ศิษย์น้องไป๋หลง เป็นคนลบตระกูลชินออกไปใช่รึเปล่า? ” ชุนไห่ กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
” ไป๋หลงเป็นถึงบุตรของเทพอสูรไป๋หยาง แต่อายุแค่นี้ สามารถทำได้ขนาดนี้เลยหรือ อาจจะมีคนคอยช่วยอยู่ก็ได้ ” ชุนยี่กล่าวพลางครุ่นคิด
” ชู่วว!! ชุนยี่เจ้าอย่าพูดดังสิเรื่องนี้ท่านพ่อสั่งเอาไว้ว่าห้ามพูดเรื่องนี้เด็ดขาด” ชุนไห่กล่าวเตือนชุนยี่ด้วยความเป็นห่วง
” ข้าขอโทษ ”
“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว” ชุนไห่นำมือมาลูบหัวชุนยี่ก่อนจะเดินไปที่สวนหลังตระกูล
ณ.ป่าอสูร
ตู้มม!! นักรบที่แท้จริงขั้นที่1
2
3
4
“ในที่สุดข้าก็สามารถมาอยู่ขั้นนี้ได้สักที ” เป็นเสียงของเด็กหนุ่มที่มีผมยาวสดำสลวยดวงตาสีแดงสดใสราวกับอัญมณี ผิวสีขาวนวลดุจหิมะ เด็กหนุ่มผู้นี้ก็คือไป๋หลงที่ หลังจากรักษาบาดแผลเสร็จก็ตรงดิ่งมายังหอฝึกคัมภีร์ทันที จนเวลาล่วงเลยผ่านไป3วัน ไป๋หลงฝึกฝนวิชาต่างๆ หลายแขนง ทั้งค่ายกล กระบวนท่าดาบต่างๆ แต่ที่ไป๋หลงยังฝึกไม่สำเร็จก็คือ อาวุธจิตวิณญาน ไป๋หลงลองดูหลายครั้งถึงแม้จะเห็นว่าเป็นสีขาวผสมสีทองลวดลายสวยงามเป็นอย่างมาก อีกเล่มนึง เป็นดาบสีดำสนิท แผ่ไอแห่งความตายตลอดเวลา แต่น่าแปลกที่ไป๋หลงไม่ได้รับแรงกระทบเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ไป๋หลงจะเห็นดาบ2เล่มที่อยู่ภายในจิตวิณญานแต่ไม่สามารถนำออกมาได้ เสมือนว่ามันยังไม่ยอมรับไป๋หลงอย่างแท้จริง แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันในเมื่อมันอยู่ในจิตวิณญานของตนเองแท้ๆ แต่ไม่สามารถนำออกมาได้ ทำให้ไป๋หลงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก
“เฮ้อ..คิดมากไปก็ไม่ได้อะไรชั่งมันก็แล้วกันไปอาบน้ำดีกว่า ” ไป๋หลงกล่าวจบก็เดินออกนอกหอคัมภีร์ทันทีมุ่งตรงไปยังห้องของตนเองทันทีเพื่อไปอาบน้ำ
หลังจากไป๋หลงอาบน้ำเสร็จก็นั่งอ่านตำราทั่วไปเรื่อยๆ ฆ่าเวลา จนไป๋หลงอ่านตำราเกี่ยวกับสมุนไพรจบก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้
” ในป่าอสูรจะมีสมุนไพรบ้างรึเปล่าลองหาดูก็แล้วกัน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็กระโดดลงทางหน้าต่างแล้วพุ่งตัวเข้าไปในป่าอสูรทันที เมื่อเห็นว่าอยู่ห่างคฤหาสน์ ไป๋หลงก็หยุดแล้วเปลี่ยนเป็นเดินแทน เหตุผลที่ไป๋หลงทำแบบนี้ก็เพราะว่า เวลาเขาจะออกไปไหนจะมีสัตว์อสูรคอยตามตลอดทั้งๆที่บอกว่าไม่เป็นอะไร แต่สัตว์อสูรพวกนั้นบอกว่าเป็นคำสั่งของท่านไป๋หยาง ไป๋หลงเลยปล่อยเลยตามเลย
“เอาล่ะ เริ่มจากทางนั้นก็แล้วกัน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็เดินช้าๆสำรวจพื้นที่โดยรอบ เพื่อมองหาสมุนไพร ไป๋หลงเดินวนหาอยู่พักใหญ่ก็ไม่เจอ ไป๋หลงเลยตัดสินใจแอบเข้ามาในเมืองจรัสแสงซึ่งคราวนี้ ไป๋หลงไม่ได้ใส่หน้ากากอสูร และใส่เสื้อผ้าชั้นดี จึงถูกมองว่าเป็นพวกลูกคุณหนูจากตระกูลใหญ่
ไป๋หลงสังเกตุเห็นว่า การค้าครึกครื้นกว่าแต่ก่อนจึงถามพ่อค้าที่ขายของเก่าอยู่ข้างริมทาง
“นี้ท่านลุงๆ ทำไมการค้าที่นี้ถึงครึกครื้นเพียงนี้ ” ไป๋หลงเอ่ยถามชายชราที่ขายของเก่าอยู่
เมื่อชายชราสังเกตุชุดที่ไป๋หลงใส่จึงตอบกลับไปด้วยความมีมารยาทเพราะไม่อยากมีเรื่องกับพวกตระกูลใหญ่ๆ
“เรียน นาย น้อย ข้าคิดว่าท่านคงไม่ใช่คนของเมืองนี้ เอางี้ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง เมื่อไม่นานมานี้มีบุคคลปริศนาที่คาดว่าน่าจะเป็นคนของเทพอสูรที่อยู่ภายในป่าอสูรมาล้างบางพวก ตระกูลชินจนหมดสิ้น ทำให้พวกชาวบ้านและพ่อค้าดีใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าพวกตระกูลชินนั้นทั้งเก็บภาษีเกินราคา
ข่มขู่ เรียกข้าคุ้มครอง และก็อื่นๆอีกมาย เพราะเหตุนี้เมื่อตระกูลชินหายไปทำให้ชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้ ” ชายชราที่ขายของเก่า อธิบายจบ ไป๋หลงก็ยิ้มอยู่ในใจก่อนจะเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุณท่านลุงว่าแต่ท่านขายอะไรบ้างรึ ” ไป๋หลงกล่าวถามด้วยความสงสัย เมื่อชายชราที่เป็นคนขายของเก่าได้ยินเช่นนั้นจึงเริ่มพูดชักจูงให้ดูสินค้าของตน
“เรียนนายน้อย ของทั้งหมดที่ข้ามีนั้นล้วนเป็นของเก่าทั้งสิ้น แต่ก็มีบางชิ้นที่คุณภาพยังดีอยู่ มีทั้งตำรา คัมภีร์เก่าๆ อาวุธ แล้วก็พวกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
ขณะที่ชายชรากำลังกล่าวอธิบายสินค้าแก่ไป๋หลงอยู่นั้น ก็มีเสียงเล็กๆของเด็กผู้หญิงดังขึ้น
” ท่านตา ข้ากลับมาแล้ว ข้าหาสมุนไพรเจอด้วยล่ะถ้าเอาไปขายน่าจะได้เงินดีอยู่ วันนี้เราต้องได้กินของอร่อยๆแน่นอน ” เด็กสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงใสแจ้วแก่ผู้เป็นตาซึ่งเป็นชายชราที่ขายของเก่าอยู่
” นี้เจ้ามันอันตรายที่จะไปคนเดียวข้าสั่งห้ามเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าแถวนั้นมันอันตราย ” ชายชรากล่างดุแก่ผู้เป็นหลานของตน
“ท่านตาข้าก็แค่อยากให้พวกเราอยู่ดีกินดีข้าไม่เหลือใครแล้วยกเว้นท่าน หื่อๆๆ ” เด็กสาวคนนั้นร้องไห้ออกมา หน้าตาจัดว่าสวยกว่าบุตรของชาวบ้านทั่วไปโตขึ้นจะต้องสวยสง่างามและเป็นที่หมายปองของเหล่า บุรุษเป็นแน่แท้
“เอาล่ะ เหมยอี้ ทีหลังเจ้าห้ามไปที่แถวนั้นเด็ดขาดเข้าใจไหม ” ชายชรากล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วง
” ขะ ข้าเข้าใจแล้ว หือๆๆ!! ” เหมยอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยามข่มตัวเองไม่ให้ร้องออกมา
ไป๋หลงที่เห็นเช่นนั้นก็แอบอมยิ้ม และนับถือชายชราตรงหน้าที่มีหัวใจที่มีความเมตตาอารีและห่วงหลานสาวอย่างแท้จริง
” เอ่อ..ถ้าข้าจะขอซื้อของในร้านของท่านทั้งหมดรวมถึงสมุนไพรที่ หลานสาวของท่านเก็บมาด้วย ได้หรือไม่ ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูอบอุ่นและยิ้มอ่อนๆให้ชายชราตรงหน้า เมื่อชายชราได้ยินดังนั้นก็กล่าวออกมาด้วย ตื่นเต้นและดีใจ
” จะ จริงรึ ที่ท่านจะซื้อของทั้งร้านค้ารวมทั้ง สมุนไพรที่หลานค้าเก็บมาด้วย ”
“จริงแท้แน่นอนข้าเป็นคนไม่ผิดคำพูดเชิญ ว่าราคามาได้เลย อ้อ อีกอย่างแม่หนูน้อย ข้าขอถามอย่างนึงได้รึเปล่า ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อและยิ้มอ่อนๆให้ ทำให้เหมยอี้หน้าแดงขึ้นสีทันทีเพราะไป๋หลงนั้น ถ้ามองดูใกล้ๆจะรู้ว่างดงามรางเทพบุตร
” ข้าไม่ได้ชื่อ แม่หนูน้อย ข้าชื่อ เหมยอี้ อายุ5ปีแล้วด้วย!! ” เหมยอี้ถึงจะหน้าแดงขึ้นสีแต่ก็พยามไม่แสดงอาการ
” นี้เจ้าอย่าเสี… ” ชายชราว่าจะพูดสั่งสอนเหมยลี้แต่พูดไม่ทันจบไป๋หลงก็ยกมือห้ามเอาไว้
” ไม่เป็นไรๆ ฮ่าๆ เจ้าตลกดีน่ะ ข้าชอบ ” ไป๋หลงกล่าวพลางหัวเราะด้วยน้ำเสียงขบขันเมื่อเหมยอี้ได้ยินเช่นนั้นหน้าแดงขึ้นสีไปอีก
“เอาล่ะๆ งั้น เหมยอี้ เจ้าเก็บสมุนไพรมาจากที่ใดรึ? ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่เหมยอี้
“ข้าเก็บมาจากทางด้านทิศตะวันออกของเมืองจรัสแสงใกล้ๆกับป่าอสูร ” เหมยอี้กล่าวจบก็จ้องมองหน้าไป๋หลงอีกครั้ง
“ทำไมหน้าข้ามีอะไรติดอยู่รึไง ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความสงสัย
” ปะ เปล่าสักหน่อย “เหมยอี้กล่าวจบก็เดินไปหาตา ของตัวเองทันที
“นายน้อยทั้งหมด 1เหรียญเพชรกับอีก36 เหรียญทอง” เมื่อชายชรากล่าวจบไป๋หลงไม่รอช้านำเงินออกมาจากแหวนมิติ
“นี้ค่าสินค้าของท่าน “ไป๋หลงกล่าวจบนำเงินออกมา10เหรียญเพขรให้ชายชราในทันมี
” นะ นายน้อยนี้มันมากเกินไปข้ารับไว้ไม่ได้ “ชายชรากล่าวจบก็เตรียมนำเงินที่เหลือมาคืน แต่ไป๋หลงปฏิเสธทันที
“ท่านรับไว้เถอะ ถือเป็นค่าข้อมูลที่เหมยอี้ให้ข้าก็แล้วกัน”
ไป๋หลงกล่าวจบก็นำของทั้งหมดลงแหวนมิติทันทีก่อนจะหายไปจากสายตาของชายชราและเหม่ยอี้ทันทีเพราะมีคนกลุ่มนึงที่แอบสะกดรอยตามเขาอยู่จึงไม่อยากให้ชายชรากับเหมยอี้ต้องโดนลูกหลง ก่อนจะมีเสียงดังขึ้นข้างหลังไป๋หลงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
จงหยุด!!!!
จบ.