เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่16 สหาย
หลังจากไป๋หลงได้ยินเสียงเรียกของ กลุ่มคนที่สะกดรอยตามตนอยู่ ไป๋หลงก็หยุดลง ไป๋หลงหันหลังกลับไปก็พบกลุ่ม ชายฉกรรจ์ 4-5 คนที่ออกอาการหอบหลังจากไป๋หลงใช้ความเร็วในเพียงน้อยนิดในการทิ้งห่าง แต่ กลุ่มชายฉกรรจ์ ยังตามมาได้ถึงแม้จะมีอาการหอบเพราะเหนื่อยจากการตามไป๋หลงมา
” พี่ชายทั้งหลาย มีธุระอันใดกับข้ารึ ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่ชายฉกรรจ์
” เจ้า ยังมีหน้ามาถามนำของที่เจ้าขโมยจากพวกเราคืนมาซะ!! ” ชายฉกรรจ์ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเดือดดาล
” ของอะไรข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ ” ไป๋หลงกล่าวออกด้วยน้ำเสียง สัตย์จริง
เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มสับสน
” ก็มีคนบอกข้าว่า เจ้านั้นแหละคือคนที่ขโมย โอสถระดับราชันของพวกข้าที่พึ่งประมูลมาได้ ” ชายร่างใหญ่มีกล้ามเป็นมัดๆในหมู่ชายฉกรรจ์กล่าวออกมา
” ข้าก็บอกแล้วไงว่าข้าไม่รู้เรื่อง อีกอย่าง ข้าแค่เข้าเมืองมาซื้อของเท่านั้น ” ไป๋หลงพยามกล่าวอธิบาย พลางไป๋หลงสังเกตุเห็นคนใส่ชุดคลุมสีดำกำลังมองอยู่จากบนหลังคา แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ทำให้ไป๋หลงรู้ทันทีว่าคนขโมยคือใคร
” เอาล่ะพี่ชายข้ารู้แล้วว่าคนที่ขโมยของพวกท่านคือใคร” ไป๋หลงกล่าวออกมาอย่างมีเลศนัย
“มันผู้นั้นเป็นใคร ” ชายฉกรรจ์ รูปร่างสมส่วนหน้าตาถือว่าหล่อเหลา ในระดับนึง
” งั้นพวกท่านรอข้าแปปนึง ” ไป๋หลงกล่าวจบก็หายไปจากสายตากลุ่มชายฉกรรจ์ทันที จนมีคนในกลุ่มอุทานออกมา
แข็งแกร่ง
” เอ้ย เขาหายไปไหนแล้ว ข้าว่าจะดูสักหน่อยว่าเขาจะทำเช่นไรกับกลุ่มคนพวกนั้น ” ชายคลุมสีดำกล่าวขึ้น
” เจ้าหมายถึงข้ารึ ” ไป๋หลงกล่าวเรียบๆแก่ชายใส่ชุดคลุมสีดำ
” เอ้ยนี้เจ้ามาได้ยังไง ปล่อยข้าๆ !! ” ชายชุดคลุมสีดำกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจแต่ไป๋หลงหาได้สนใจ
” มากับข้าเจ้าตัวดี ” ไป๋หลงกล่าวจบก็ลากคอชายชุดคลุมสีดำลงมาข้างล่างทันที
ตุบ!!
เสียงของชายชุดลุมสีดำที่โดนไป๋หลงจับมา
“นี้ไงคนที่ขโมยของ ของท่าน ” ไป๋หลงกล่าวออกมาเรียบๆ
” นี้นะรึ ไหนล่ะ หลักฐาน ” ชายรูปร่างผอมบางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
” นี้ไงหลักฐาน ” ไป๋หลงกล่าวออกมาก่อนจะเอาโอสถระดับราชัน ที่แอบล้วงออกมาจากชายชุดคลุมสีดำ
” เอ้ยนั้นมันของข้า เอาคืนมา ” เสียงของชายชุดคลุมกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ
” หึ!! เจ้าอาจจะหาคนมารับผิดแทนเจ้าก็ได้ โดยที่แอบนำเอาของ ของพวกข้าออกมาเพราะรู้ว่าหนีไม่รอดเลยต้องการหาคนมารับผิดสิน่ะ ” หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ส่วนชายชุดคลุมสีดำได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะเอ่ยใส่ร้ายไป๋หลง
” ใช่ๆ อยู่ดี ก็จับตัวข้ามาข้าไม่เห็นรู้เรื่องอะไรด้วยเลย ” ชายชุดคลุมสีดำกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกซะใจ
” ถ้าข้าขโมยของพวกท่านจริงเหตุใดเมื่อกี้ข้าถึงไม่หนีไปหล่ะ ในเมื่อข้าเร็วกว่าพวกท่านหลายเท่านัก ” ไป๋หลง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
” นี้เจ้า อวดดียิ่งนักขโมยของพวกข้ายังไม่พอ ยังใส่ร้ายคนอื่นอีก บัดซบ!! ” ชายรูปร่างอ้วนท้วม หนึ่งในหมู่ชายฉกรรจ์กล่าวขึ้น เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็หาได้สนใจเพียงตอบกลับไปแบบเรียบๆ
” ก็แล้วแต่พวกท่านจะคิด ข้าแค่พูดสิ่งที่ข้ารู้เท่านั้น ถ้าพวกท่านไม่เชื่อก็แล้วแต่พวกท่านข้าขอตัว ” ไป๋หลงกล่าวจบก็เตรียมที่จะเดินไปดูชมรอบเมืองต่อ แต่ทันใดนั้นเอง ชายร่างสูงใหญ่ก็เข้ามาขวางไป๋หลงไม่ให้เดินต่อ
” หลบไป!! ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ชายร่างสูงใหญ่กลับหัวเราะออกมา
” หลบงั้นเหรอ ฮ่าๆๆๆ จะหนีมากกว่าละมั้ง มาให้พวกข้าสั่งสอนเด็กอย่างเจ้าซะดีๆ ไอเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน ” ชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
” นี้ มู่หลง ข้าว่าพอเถอะเขาอาจจะพูดความจริงก็ได้ อีกอย่างเราก็ได้ของคืนแล้วด้วย” เพื่อนในกลุ่มกล่าวห้ามไว้
ตอนนี้ไป๋หลงเริ่มรู้สึกไม่ชอบหน้าคนที่ชื่อว่ามู่หลงซะแล้ว อีกอย่างตอนนี้เริ่มมีชาวบ้านมามุงดูกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ
” เจ้าคิดว่าข้ากลัวมันรึไง ข้าจะสั่งสอนมันแทนมันแทนพ่….. ” ชายที่ชื่อมู่หลงกล่าวไม่ทันจบก็โดนแรงกดดันมหาศาลกำลังกดดันมันอยู่ก่อนจะมีเสียงๆ นึงดังขึ้น
หุปปาก!!
ไป๋หลงปล่อยแรงกดดันออกมาใส่ชายที่ชื่อมู่หลง เหตุผลที่ไป๋หลงทำเช่นนี้เพราะ มู่หลงกล่าวดูถูกบิดาของตนจึงทำให้ระเบิดความโกรธออกมา ถ้าด่าว่าเขาคนเดียวเขาจะไม่สนใจแต่กับบิดามันคนละอย่าง
” ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่ได้เป็นคนขโมยอีกอย่างเจ้าไม่เคยฟังผู้ใดที่กล่วเตือนเจ้าแม้แต่น้อยตั้งตนเป็นใหญ่ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อชายร่างสูงใหญ่ที่กล้ามเป็นมัดๆก็ระเบิดพลัง นักรบที่แท้จริงขั้น 3 ออกมาหวังเพื่อให้ไป๋หลงหยุดการกระทำของตน
“นี้เจ้าหนู เจ้าอย่าอวดดีให้มากนัก พวกข้าคือศิษย์จากสำนัก หมื่นกระบี่ถ้าเจ้าทำร้ายพวกข้าละก็เรื่องไม่จบง่ายๆแน่ๆ ” ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่กล้ามเป็นมัดๆกล่าวขึ้น
” หึ!! ได้ข้าจะหยุดแต่ถ้ามันยังลามปามถึงบิดาและมารดาของข้าอีกอย่าหาว่าข้าไม่เตือนนี้คือคำเตือนสุดท้ายของข้าจงจำไว้ ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา หลังจากนั้นไป๋หลงก็สะหลายแรงกดดันออกทำให้มู่หลงเริ่มยืนขึ้นได้
” บัดซบ!! ถ้าข้าเจอแกอีกละก็ข้าจะสั่งสอนเจ้าซะไอ้ลูกพ่….. ” มู่หลงกล่าวไม่ทันจบก็สัมผัสถึงจิตสังหารที่มหาศาลออกมาจากตัวไป๋หลง ครอบคลุมชายฉกรรจ์ทั้ง5คนกับชายชุดคลุมสีดำ พวกมันได้แต่ตกตะลึงไม่คิดว่าไป๋หลงจะมีจิตสังหารที่น่ากลัวแบบนี้
” มะ ไม่น่าเชื่อ!! จิตสังการรุนแรงมาก ” ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่มีกล้ามเป็นมัดๆกล่าวขึ้น ขณะนั้นเองก็เหมือนมีอะไรลอยผ่านหน้าเขาไป
ตู้มมม!!
ไป๋หลงเตะมู่หลงด้วยพลังกายล้วนๆไม่ได้ใส่พลังอะไรลงไป มู่หลงลอยผ่านหน้า สหายของมันไป จนชนกับกำแพง มู่หลงกระอักเลือดออกมาคำโตทันที
” อึก..บัดซบนี้เจ้ากล้าทำร้ายข้า ” มู่หลงกล่าวออกมาด้วยความเดือดดาลและโมโหเป็นอย่างมาก
” หึ แล้วไงคิดว่ามีสำนักคุมกะลาหัวแล้วจะละลานใครก็ได้งั้นเหรอ อีกอย่างข้าก็เตือนเจ้าแล้ว เจ้ามันหาเรื่องใส่ตัว ” ไป๋หลงกล่าวพลางยกร่างของทู่หลงขึ้นมาก่อนจะต่อยเข้าไปที่หน้าของมู่หลงจนฟันหักเกือบหมดใบหน้าแทบจะไม่เหลือเค้าโครง มู่หลงหมดสติตั้งแต่โดน5 หมัดแรกขนาดใช้พลังในการต้านทานแต่ก็เอาไม่อยู่
“เอาล่ะ เจ้าบอกว่าพวกเจ้ามาจากสำนักหมื่นกระบี่ใช่ไหม อีกไม่นานเราจะได้เจอกันเมื่อถึงตอนนั้ ก็ขอฝากตัวด้วยนะศิษย์พี่ทั้งหลาย ” ไป๋หลงกล้าวอย่างเย็นชาทำให้พวกมันถึงกับเสียวสันหลังกันเลยทีเดียว
ไป๋หลงหันมามองชายชุดคลุมสีดำ
” ถอดชุดคลุมออก ให้ข้าเห็นหน้าเจ้าหน่อยซิ เจ้าหัวขโมย ” ไป๋หลงกล่าวออกมาอย่างเรียบๆ เมื่อมันได้ยินเช่นนั้นก็ทำตามคำบอกของไป๋หลงทันที เพราะมันเข้าใจแล้วว่าวันนี้มันหาเรื่องกับคนที่ไม่สมควรเข้าเสียแล้ว
” ได้ๆ นายน้อย อย่าทำอะไรข้าเลย ” ชายชุดคลุมสีดำถอดฮู้ด ออกทำให้ไป๋หลงแปลกใจเล็กน้อย เพราะ ว่า ดูจากรูปร่างที่ผอมบางใบหน้าเล็กมีแผลเป็นที่แก้มอายุราวๆน่าจะ7-8 ปีแล้วอายุใกล้เคียงกับไป๋หลง
“เจ้าชื่อแซ่อะไร ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่ชายุดคลุมสีดำ
” ขะ ข้าชื่อ อู้เฉียง อายุ7ปี ขะ ขอรับ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความหวาดกลัวและยำเกรงแก่ไป๋หลง
” หืม? เจ้ารุ่นเดียวกับข้านิ ข้ามีบางอย่างอยากจะถามเดินตามข้ามาไปหาที่คุยกัน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็จับมือ อู้เฉียงแล้วดึง อู้เฉียงให้ลุกขึ้น อู้เฉียงไม่รอช้า เดินตามไป๋หลงในทันที
” ส่วนพวกศิษย์พี่ทั้งหลาย อีกไม่นานเราได้เจอกันแน่ แล้วจะดีเป็นอย่างมากถ้าพวกท่านไม่ลังควานข้า ถ้าพวกท่านคิดจะทำโปรดนึกถึงผลที่ตามมาด้วย นี้คือการเตือนครั้งสุดท้ายของข้า!! ” ไป๋หลงกล่าวเดี้ยวน้ำเสียงเย็นชา แล้วเดินจากไปพร้อมกับอู้เฉียง หลังจากไป๋หลงเดินจากไปพวกมันทุกคนสาบานกับตนเองว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับไป๋หลงเด็ดขาด พวกมันทั้งหมดช่วยกันพยุงร่างของมู่หลงที่หมดสติกลับสำนักทันที
กลับมาทางด้านไป๋หลง
“เอาล่ะไหนเจ้าลองบอกมาซิทำไมเจ้าถึงขโมยของ ของพวกมันตอบมาตามความจริงไม่ต้องกลัว ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่อู้เฉียงด้วยน้ำเสียงอบอุ่นต่างกับคนละคนเมื่อกี้ที่ทั้งเย็นชาและแข็งแกร่งแต่ตอนนี้กลับอ่อนโยนและอบอุ่น ทำให้อู้เฉียงไม่รังเลที่จะเล่าความจริงออกมา
” คือข้าไม่ได้ขโมยของไปทั่วหรอกนะ แต่ข้าอยากนำของที่เป็นของมารดาข้ากลับมา แม่ของข้าป่วยหนัก ส่วนพ่อ นำโอสถที่ข้าหามาได้ ไปประมูลแล้วเที่ยวเตร่ อีกอย่างยังชอบทำร้ายร่างกายข้า ส่วนแม่ไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้เพราะป่วยหนัก เม็ดยาโอสถที่พวกนั้นประมูลมามันคือ ของของข้า ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้า ใบหน้าเศร้าหมองเป็นอย่างมาก
เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงไม่น้อยเพราะเด็กตรงหน้าถึงแม้ลำบาก แต่ก็ยังทำ เพื่อผู้เป็นมารดาทำให้ไป๋หลงนับถืออู้เฉียงจากใจจริง
” นี้อู้เฉียง ข้าขอเป็นสหายกับเจ้ารึไม่? ” ไป๋หลงกล่าวมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
” ตะ แต่ข้าเป็นคนธรรมดาชั้นต่ำไม่มีอะไรเลยไม่มีค่าพอให้ท่านมาเป็นสหายข้าหรอก ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง
“เรื่องนั้นก็ชั่งหัวมันสิ!! ตัวข้าอยากจะเป็นสหายกับใครมันผิดด้วยรึไงผู้ใดเป็นคนกำหนดล่ะ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้อู้เฉียงตะลึงไม่น้อย
” ในเมื่อท่านไม่รังเกียจข้า ข้าก็จะเป็นสหายให้กับท่าน ” อู้เฉียงกล่าวพลางเกาหัว เพราะตัวอู้เฉียงนั้นไม่เคยมีคน มาขอเป็นสหายกับคนชั้นต่ำแบบตัวเองหรอกแต่ไป๋หลงไม่ได้รังเกียจอะไรเลยแม้แต่น้อย ดูจากการแต่งกายคงจะเป็นลูกตระกูลใหญ่สักตระกูล อู้เฉียงพลางคิดในใจ
” ดีๆ ดีมากนับตั้งแต่วันนี้ ข้าไป๋หลง เป็นสหายกับเจ้าอู้เฉียง ถ้าเจ้าลำบากข้าจะช่วยเจ้าท่านทีไม่ว่าเรื่องใดโปรดบอกข้า ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจที่ตนมีสหาย เป็นมนุษย์ สักที บวกกับไป๋หลงชอบนิสัยของอู้เฉียงเป็นการส่วนตัวนิสัยที่ไม่ย้อท้อแม้ลำบาก
” ข้า อู้เฉียงก็เช่นกัน ถ้าท่านมีเรื่องอะไรเดือดร้อนข้าจักช่วยท่านทันทีถึงข้าจะไม่เก่งด้านวรยุทธ์ก็เถอะ แหะๆ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความดีใจที่มีคนเรียกได้ว่าเป็นสหายอย่างเต็มปาก
” งั้นเอาล่ะ ไปบ้านของเจ้ากัน “ไป๋หลงกล่าวบอกแก่อู้เฉียง อู้เฉียงนิ่งเงียบไปก่อนจะร้องเสียงหลง
“……..”
เอ๋อออออออออ!!
จบ…