เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่18 ปีศาจ
หลังจากไป๋หลงทำการรักษาอู้หยา ได้สักพัก ก็มีบางอย่างเกิดขึ้นนอกค่ายกลที่ไป๋หลงทำไว้ก่อนที่จะทำการรักษาอู้หยา ภายนอกค่ายกลมีกลุ่มชายใส่ชุดสีดำเกือบ10 คนกำลังหาทางทำลายค่ายกลของไป๋หลง
“หัวหน้าค่ายกลนี้มันอะไรกันมันดูเป็นแสงสีทองที่ห่อหุ้มทั้งบ้านไว้ทำไมมันถึงแข็งแกร่งเช่นนี้!! ” ชายชุดดำร่างเล็กกล่าวขึ้นถามชายร่างใหญ่ที่เป็นหัวหน้า
“ข้าจะไปรู้รึ ใช้พลังและอาวุธทั้งหมดที่มี ทำลายค่ายกลนี้ทิ้งซะ แล้วจัดการฆ่าเด็กที่ชื่อไป๋หลงทันที นี้เป็นคำสั่งของนายน้อย ” ชายร่างใหญ่ที่เป็นหัวหน้ากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเดือด ดาล
กลับมาทางไป๋หลง
ไป๋หลงสามารถสัมผัสได้ว่าค่ายกลกำลังโดนโจมตี แต่ไป๋หลง ไม่ได้กังวลแต่อย่างใดเพราะการโจมตีพันนั้น ไม่สามารถ สร้างลอยขีดข่วนให้กับค่ายกลของตน ได้ ถ้าคิดจะทำลายละก็ ต้องใช้อาวุธระดับราชันชึ้นไปเท่านั้น ตอนนี้ไป๋หลงมีเหงือ ออกตามทั่วร่าง พลังหายไปถึง2 ส่วนใน10 อู้เฉียงเห็นว่าไป๋หลงเริ่มอาการไม่ดีจึงรู้สึกเป็นห่วงไป๋หลง ไป๋หลงสังเกตุเห็นอู้เฉียงก็ยกยิ้มขึ้นในใจ คิดไม่ผิดที่ได้เป็นสหายกัน
” เอาล่ะท่าน อู้หยาขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ข้าได้ทำการขยายเส้นพลังของท่านให้ใหญ่กว่าคนทั่วไป10 เท่าเพื่อป้องกัน เผื่อท่านรับพลังของตนไม่ไหว เอาล่ะ ข้าอยากให้ทันปล่อยพลังทั้งหมดออกมา ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะสังเกตุอาการของอู้หยาเป็นระยะๆ
อู้หยาได้ยินเช่นนั้นจึงพยักหน้าให้ไป๋หลงเพื่อตอบรับว่าเข้าใจในคำบอกกล่าวของไป๋หลง อู้หยาไม่รอช้าปล่อยพลังทั้งหมดออกมาในคราเดียวจนเกิดเสียง การระเบิดพลังขึ้น
ตู้มมมมม!!
หลังจากเสียงระเบิดของพลังในตัวของอู้หยาเงียบลง อู้หยาสัมผัสได้ว่า ตอนนี้เส้นพลังของตนนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังที่พร้อมจะประทุตลอดเวลา เมื่อไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็บอกกล่าวแก่อู้เฉียง
“มันยังไม่จบ… ” ไป๋หลงกล่าวออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อน อู้หยาจะสัมผัสได้ว่า มีพลังอีกสายที่กำลังทะลักออกมาจนเกิดเสียงระเบิดของพลังอีกครั้งนึง
ตู้มมม!! นักรบที่แท้จริงขั้น 9
ราชันนักรบ ขั้นที่ 1
2
3
4
อู้เฉียงตอนนี้กำลังตกตะลึงตัวมันนั้นที่มีระดับพลัง นักรบจิตวิณญาณขั้น1 รู้ได้ถึงความห่างชั้นของตัวเองและท่านแม่ อู้เฉียงใบหน้าเศร้าหมองเล็กน้อยที่ไม่มีพลังมากพอที่จะปกป้อง สิ่งที่ตนรักได้ ไป๋หลงถึงแม้จะตกตะลึงกับการก้าวกระโดดของระดับพลังของอู้หยา แต่ไป๋หลงก็เหลือบมองสังเกตุเห็นอู้เฉียงที่มีใบหน้าเศร้าหมองเล็กน้อย จึงเข้าใจได้ทันทีว่าอู้เฉียงกำลังคิดอะไรอยู่ ไป๋หลงแอบยิ้มอยู่ในใจ
” มะ ไม่น่าเชื่อ พลังของข้า ที่ไม่เลื่อนระดับเลยตลอด2ปีที่ผ่านมาจะสามารถ ทะลวงขั้นต่อไปอย่างง่ายดายแถมร่างกายข้ายังรู้สึกมีเรี่ยวมีแรงข้ามั่นใจได้เลยว่าตอนนี้ข้าสามารถเหอะเหินเดินอากาศได้แบบเมื่อก่อน หรือจะ ทำได้มากกว่านั้น ” อู้หยากล่าว ออกมาด้วยความดีใจ รู้สึกนับถือไป๋หลงอย่างแท้จริง
” ข้า อู้หยาเป็นหนี้ชีวิตท่าน ถ้าท่านมีปัญหาโปรดบอกข้า ข้าจะช่วยท่านโดยทันที ” อู้หยากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนับถือ ไป๋หลงเห็นเช่นนั้น จึง รีบพยุง อู้หยาขึ้น
” ไม่เป็นไรหรอก ข้าช่วยเพราะข้ายากช่วยอีกอย่างข้าไม่อยากให้สหายของข้าป็นทุกข์ ด้วย ” ไป๋หลงกล่าวพลางเอามือไปกอดคอ อู้เฉียง
” ข้าขอขอบคุณท่าน ไม่สิ ไป๋หลง ข้าขอขอบใจเจ้ามาก อีกอย่าง… ” อู้เฉียงกล่างเว้นช่วงไว้ก่อนจะก้มหน้าลง ไป๋หลงรู้อยู่แล้วว่าอู้เฉียงต้องการอะไรจึงแกล้งถามไป
” มีอะไร? ถ้าข้าสามารถช่วยเจ้าได้ข้าก็จะช่วยอย่างเต็มที่ไม่ต้องห่วง ” ไป๋หลงกล่าวออกมาก่อนจะกลั้นหัวเราะเอาไว้
” ข้า…ข้าอยากแข็งแกร่งขึ้น อยากแข็งแกร่งแบบเจ้าไป๋หลง ช่วยสอนข้าด้วยว่าทำอย่างไรถึงจะแข็งแกร่ง แข็งแกร่งมากพอที่ข้าจะสามารถปกป้องคนที่ข้ารักเอาไว้ได้ ได้โปรดสอนข้าด้วย ” อู้เฉียงกล่าวออกมาก่อนจะนั่งลงกับพื้น ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นจึงเข้าไปพยุง อู้เฉียงทันที
” ฮ่าๆ โถ่วข้าก็นึกว่าอะไรเรื่องแค่นี้เอง ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขบขัน
” แค่นี้เอง? ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความงุนงง
“ถึงเจ้าไม่บอกข้าก็จะฝึกเจ้าเองอู้เฉียงพลังต่ำซะขนาดนี้ โดน อสูรตบทีเดียวข้าว่าเจ้าได้ตายแน่ๆ ฮ่าๆๆ ” ไป๋หลงกล่าวหยอกล้อแก่อู้เฉียง เมื่ออู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นถึงกับใบหน้าบิดเบี้ยว
” นี้ เจ้า เจ้า ไป๋หลง… เฮ้อก็จริงของเจ้าที่พูดมาอาจจะถูกก็ได้ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด ไป๋หลงเห็นดังนั้นจึงกล่าวบางอย่างแก่อู้เฉียง
” เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกอู้เฉียงข้าจะฝึกเจ้าแบบไม่ถึง2อาทิตย์เจ้าจะเก่งขึ้นแน่นอน หึๆ ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ รอยยิ้มของไป๋หลงตอนนี้ทำให้อี้เฉียง รู้สึกเย็นวาบ เลยทีเดียว
ตัดมาทางกลุ่มชายชุดดำ
” นี้ท่านหัวหน้าข้าได้ยินเสียงระเบิดจากข้างในด้วยมันเกิดอะไรขึ้นกัน ” ชายชุดดำร่างสูงโปร่งกล่าวถามแก่ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้า
” ข้าไม่รู้แต่ข้า หมดความอดทนแล้วข้าจะพังค่ายกลบ้าๆนี้แล้วเข้าไปทำงานของพวกเราให้เสร็จ ” เมื่อชายชุดดำที่เป็นหัวหน้ากล่าวจบก็ ระเบิดพลัง นักรบที่แท้จริงขั้น8 ออกมา สร้างความกดดันให้แก่ พวกลูกน้องที่อยู่ด้วยไม่น้อย ส่วนพวกชาวบ้านที่ไร้พลังหรือพลังต่ำจนเกินไป ก็ต่างกระอักเลือดกันออกมา ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้ากำหมัดแน่น รวมพลังทั้งหมดไปที่หมัดขวาก่อนหมัดขวาของชายชุดดำปะทะเข้ากับค่ายกลอย่างจังจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น
ตู้มมมมมมม!!
หลังจากเสียงระเบิดเงียบลง ก็ปรากฏร่างของชายชุดดำที่ถอยออกมา2-3 ก้าวพร้อมกระอักเลือดออกมา
” อึก ก !! บัดซบ นี้มันค่ายกลบ้าบออะไรกัน ” ชายชุดดำกล่าวออกมาอย่างเดือดดาลเพราะโดนพลังของตัวเองตีกลับ
ทางด้านของไป๋หลง สัมผัสพลังเมื่อกี้ได้จึงลุกขึ้นเพื่อโดนออกจากห้องของอู้หยา เพื่อจัดการกับพวกที่ต้องการหาเรื่องเขา เมื่ออู้หยาเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยจึงเอ่ยถาม
” ท่านจะไปไหนเหรอ? ” อู้หยาหล่าวถามแก่ไป๋หลง อู้เฉียงก็สงสัยเช่นกัน สาเหตุที่อู้หยาและอู้เฉียง ไม่อาจทราบเรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอกได้เพราะ ค่ายกลนี้สามารถปกปิดเสียงจากข้างนอกได้แต่ไม่สามารถปกปิดเสียงจากข้างในได้ ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ หันมาแล้วยิ้มอ่อนๆให้
” เดี๋ยวข้ามา ข้าขอไปทำธุระแปปนึง ” ไป๋หลงกล่าวจบก็เดินออกจากห้องของอู้หยาในทันที ทิ้งให้แม่ลูกมองหน้ากันด้วยความงุนงง
ตอนนี้ไป๋หลงเดินออกมาจนถึงหน้าบ้านของอู้เฉียงแล้ว ก็ทำการเดินออกไปตรงๆ เพียงสร้างช่องสำหรับคนเดินออกมาได้ไม่ได้ยกเลิกใช้ค่ายกล เพราะไป๋หลงไม่ใช่คนโง้ ถ้าไป๋หลงนำค่ายกลออกพวกมันจะต้องจับคนในบ้านเป็นตัวประกันอย่างแน่นอน ไป๋หลงเดินออกมาจากค่าย เจอกับชายชุดดำเกือบ10คนที่ได้เห็นไป๋หลงก็รู้สึกตกใจเมื่อเห็นไป๋หลงโผล่ออกมา
” หัวหน้าเจ้านี้แหละ ที่นายน้อยบอกมาลักษณะตรงทุกอย่าง ดวงตาสีแดงผมยาวสลวย ไม่ผิดแน่ๆ ” ชายชึดดำรูปร่างออกจะผอมแห้งกล่าวบอกแก่หัวหน้าของมันที่ยืนจ้องหน้าไป๋หลงอยู่
” หึ เจ้าแน่มากที่ออกมาตรงๆ ไม่ต้องให้ข้าเข้าไปตามตัวถึงข้างใน ” ชายชึดดำกล่าวขึ้นด้วยความหยิ่งยโสมาทางไป๋หลง
” ไม่เข้า หรือ เข้า ไม่ได้กันแน่ ทำเป็นพูด หึ!! ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อชายชุดดำได้ยินเช่นนั้นก็โกรธขึ้นมาทันที ชายชุดดำระเบิดพลัง นักรบที่แท้จริงขั้น8 ออกมาทันที หวังจะใช้แรงกดดันกับไป๋หลง ไป๋หลงแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ก่อนจะยิงใช้วิชา ดัชนีย์ทะลวงใจ ทันที แสงสีม่วงเจาะผ่านทะลุเกราะพลังที่คุ้มกันชายชุดดำที่เป็นหัวหน้า ชายชุดดำกระอักเลือดออกมาทันที เพราะตอนนี้หัวใจของมันโดนลำแสงสีม่วงเจาะทะลุหัวใจของมันแล้ว หน้าของมันขาวซีดก่อนจะล้มลง ตายโดยที่ไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย ชายชุดดำทั้งหมดที่ได้เห็นก็อุทานกันออกมาว่า
ปีศาจ!!
เมื่อชายชุดดำเห็นหัวหน้าของพวกมันตายไปแล้ว พวกมันเตรียมจะหนีแต่ไป๋หลงไวกว่า ไป๋หลงนำกระบี่ออกมาก่อนจะไล่สังหารพวกมันทุกคนเป็นรายคน ชายชุดดำเหล่านี้พลังก็ไม่ได้ต่ำต้อย พวกมันทุกคนล้วนอยู่ระดับ นักรบที่แท้จริง แต่ที่พวกชายชุดดำไม่อาจตั้งตัวได้เพราะพวกนั้นสูญเสียกำลังใจในการต่อสู้จนหมดสิ้นเพราะการสังหารอันป่าเถื่อน ของไป๋หลงทำให้พวกมันคิดแต่จะหนีอย่างเดียวแต่นั้นแหละคือสิ่งที่ไป๋หลงต้องการสังหารคนที่เป็นหัวหน้าจะสร้างความหวดกลัวแก่พวกมันทุกคน ไป๋หลง ไล่สังหารชายชุดดำจนเกือบหมดเหลือไว้แค่เพียงหนึ่งคนก่อนจะถามอะไรบางอย่างแก่ชายชุดดำ
“ใครส่งพวกเจ้ามา ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“นะ นายน้อยมู่หลง ส่งพวกเรามาได้โปรดอย่าฆ่าข้าเลย ” ชายชุดดำกล่าวอ้อนวอนแก่ไป๋หลงแต่ไป๋หลงหาได้สนใจไม่
” ถ้าเจ้าคิดที่สังหารใครก็ควรเตรียมใจที่จะโดนสังหารไว้ด้วยเช่นกัน ตายซะ!! ” ไป๋หลงกล่าวจบก็ใช้กระบี่ สังหารชายชุดดำคนสุดท้ายทัน เมื่อไป๋หลงเห็นชายชุดดำนอนตายอยู่เกลื่อนกลาด จึงใช้เปลวเพลิงทมิฬ ที่ได้มาจากผู้นำตระกูลชิน เปลวเพลิงสีดำนั้นลุกไหม้ชายชุดดำทั้งหมดอย่างเลือกเร็วเหลือไว้แต่เพียงขี้เถ้า ที่ไป๋หลงสามารณใช้ไฟทมิฬได้ โดยไม่ต้องใช้อายุขัยในการแลกเปลี่ยนเพราะไป๋หลงเข้าถึงการรู้แจ้งการใช้พลังของเปลวงเพลิงทมิฬ
ทำให้ไป๋หลงไม่ได้รับผลกระทบเมือนกับผู้นำตระกูลชินที่ใช้อายุขัยในการใช้พลัง
หลังจากไป๋หลงจัดการชายชุดดำจนหมดไป๋หลงก็ยกเลิกการใช้ค่ายกลทันที ไป๋หลงเดินเข้าไปในบ้านของอู้เฉียงอีกครั้ง แล้วเดินตรงไปยังห้อง ของอู้หยา ไป๋หลงเดินมาถึงก็เห็น อู้เฉียงที่คุยกับแม่ของตนอย่างสนึกสนานทำให้ไป๋หลง พลอยยิ้มไปด้วย เมื่อไป๋หลงเดินเข้ามาอู้เฉียงแบะอู้หยาก็หันมามองไป๋หลงด้วยความแปลกใจทันที
” ไป๋หลงเจ้าไปไหนมา? ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยสงสัย ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ตอบแบบปัดๆ ไป
” ก็ไปทำธุระนะ ไม่ต้องสนใจว่าแต่หลังจากนี้ท่านจะเอายังไงต่อ ท่าน อู้หยา ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่อู้หยาด้วยความเคารพ
” ไม่รู้สิ ข้าคงต้องไปหางานทำละนะ ข้าไม่อยากกลับเข้าไปในกองทัพแล้วข้าอยากใช้เวลาอยู่กับอู้เฉียงบุตรของข้าให้มากขึ้น ” อู้หยากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะดึงอู้เฉียงเข้าไปกอด เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นไป๋หลงก็เสนองานให้อู้หยาทันที
” ไม่ทราบว่าท่านอู้หยา ท่านทำอาหารเป็นรึเปล่า ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงคาดหวัง
” ก็พอได้อยู่ มีอะไรรึเปล่า ” อู้หยากล่าวตอบออกมาด้วยความแปลกใจ
” เยี่ยม พอดีที่คฤหาสน์ข้ากำลังขาดคนทำอาหารอยู่พอดีข้าอยากจะรับท่านมาทำงานที่คฤหาสน์ของข้าได้รึเปล่า อีกอย่างข้าสามารถฝึกสอน อู้เฉียงได้ตลอดไม่ต้องลำบาก ในหลายๆเรื่องเช่นการเดินทาง ” ไป๋หลง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น และคาดดหวัง
” ถ้าท่านไม่รังเกียจเกียจพวกข้า ข้าก็ยินดีที่จะทำงานในคฤหาสน์ของท่าน ” อู้หยากล่าวออกมาด้วยความเคารพ
” รังเกียจอะไรกัน ข้าไม่เคยคิดแม้แต่ครั้งเดียว อีกอย่างอย่าเรียกข้าว่าท่านให้เรียกไป๋หลงเฉยๆ” ไป๋หลงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
” ส่วนเจ้าอู้เฉียงเดี๋ยวพอเสร็จจากเรื่องนี้ ต้องอธิบายเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟังเข้าใจไหม!! ” อู้หยากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆทำให้อู้เฉียงถึงกับกุมขมับ ไป๋หลงที่เห็นเช่นนั้น ก็ กลั้นหัวเราะเอาไว้ อู้เฉียงหันหน้ามามอวไป๋หลงด้วยสายตาวิงวอน ว่า ช่วยข้าด้วยอะไรประมาณนี้ แต่ไป๋หลงทำเป็นไม่เห็นได้แต่กลั้นหัวเราะไว้ อู้เฉียงเห็นเช่นนั้นก็จนปัณญาทันที
“ขอรับข้าจะเล่าทุกเรื่อง ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสลด
“เอาละแล้ว ทะ ท่าน ไม่สิ ไป๋หลงแล้วเราจะเดินทางไปคฤหาสน์ของเจ้าวันไหนรึ ” อู้หยา กล่าวถามแก่ไป๋หลง ไป๋หลงสังเกตุการพูดเมื่อกี้ก็ได้แต่คิด เหมือนทั้งแม่ทั้งลูก เฮ้ออ
” วันนี้เลยก็ได้ข้าจะช่วยพวกท่านเก็บของแล้วออกจากที่แห่งนี้กัน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็มีเสียงนึงดังขึ้น
เดี๋ยวก่อน!!