เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่20 ท่านคือเทพอสูร?
ต่อจากตอนที่แล้ว
” จะ จะ เจ้าว่าคฤหาสน์เจ้าอยู่ไหนนะ!! ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตกตะลึง อู้หยาก็แต่นิ่งพูดอะไรไม่ถูก ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มตอบไปว่า
” เอาน่า พอถึงก็จะรู้เอง ” ไป๋หลงกล่าวออกมาแบบปัดๆเพราะไม่อยากเสียเวลาอธิบาย สู้ไปเห็นกับตาจะเข้าใจเองมากกว่า
ผ่านมา2ชั่วยามไป๋หลง อู้เฉี้ยงและอูหยาก็มาถึงทางเข้าป่าอสูร อู้เฉียงกล่าวถามไป๋หลงด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
” นะ นี้ เจ้าแน่ใจนะ ว่าเจ้าไม่ได้จำผิด คฤหาสน์ของเจ้าทำไมมาอยู่ในที่อันตรายแบบนี้ เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาในความ คิดในแง่ลบจนเกินไป
” ฮ่าๆ แน่สิ คฤหาสน์ข้าอยู่ที่นี้แล้วก็ไม่ต้องห่วง ปลอดภัยแน่นอนข้าให้สัณญา ” ไป๋หลง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกล้อและจิงจังผสมกันไป เมื่ออู้เฉียงได้ยินเช่นนั้น ก็หันหน้ามามองอู้หยา อู้หยาซึ่งเป็นแม่ของอู้เฉียงได้แต่เก็บความตกใจเอาไว้ พลางคิดในใจ เด็กคนนี้เป็นใครกันแน่
” เอาล่ะงั้นเราเดินต่อเถอะ ” ไป๋หลงกล่าวจบก็ออกเดินทางต่อทันที อู้เฉียงเดินแทบจะชิดกับไป๋หลง อย่างกับปลิง ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นได้แต่ส่ายหน้าเบาๆผ่านมาสักพักใหญ่อู้เฉียงรู้สึกแปลกใจจึง จึงเอ่ยออกมาลอยๆ
“ทำไมข้าไม่เห็นพวกสัตว์อสูรเลยล่ะนี้มันแปลกมากๆ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความแปลกใจ
” แม่ก็คิดเช่นนั้น ” อู้หยากล่าวเสริมออกมาเพราะตัวเองก็ไม่อาจทราบได้ จนมีเสียงนึงดังขึ้น เพื่อไขข้อสงสัยแก่สองแม่ลูก
” อ้อ พวกสัตว์อสูรส่วนใหญ่ย้ายเข้าไปอยู่ในเขตส่วนในของป่าอสูรแล้วล่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรโดนจับหรือสังหารนะ ” ไป๋หลงกล่าว อธิบายด้วยท่าทีเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ตัวเองพูดไปแม้แต่น้อย
เมื่ออู้เฉียงและอู้หยาได้ยินเช่นนั้นก็ทำหน้าแปลกใจ ก่อนอู้เฉียงจะถามไป๋หลง
” ไป๋หลง เจ้ารู้ได้ยังไง ? ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความสงสัยและรอคำตอบจากปากของไป๋หลง
” เดี๋ยวเจ้าก็รู้เชื่อข้าสิ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาอย่างมีเลศนัย ทำให้อู้เฉียงยิ่งสงสัยเข้าไปอีกแต่ก็ต้องเชื่อไป๋หลงเพราะยังไงๆทั้งสองก็เป็นสหายกันจึงเริ่มมีความเชื่อใจกันมากยิ่งขึ้น
“เฮ้อ… ก็ได้ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาพลางถอนหายใจ ไป๋หลงเมื่อเห็นเช่นนั้นก็แอบยิ้มในใจ
ผ่านมาสักพัก ก็เข้าเขตชั้นในของป่าอสูรซึ่งสภาพต่างจากเขตนอกมาก แสงจากพระอาทิย์เกือบจะส่องมาไม่ถึงเพราะมีต้นไม้สูงใหญ่บังแสงเอาไว้ ไป๋หลงเดินเข้ามาสักพักทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น
หยุดอยู่ตรงนั้นซะพวกมนุษย์!!
เป็นเสียงที่ดังกังวาล และทรงพลังอยากมากเป็นร่างที่มีขนาดใหญ่ปกคลุมด้วยไอสีดำมีสี่มือกำลังมองจ้องลงมา เมื่ออู้เฉียงและอู้หยาได้เห็นเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือก ความรู้สึกวิตกกังวลกำลังถาโถม เข้ามาแต่ทันใดนั้นเองไป๋หลงก็เริ่มกล่าวออกมา
” เดี๋ยวก่อนนี้ข้าเอง ท่านไทซู่ ” ไป๋หลงกล่าวบอกแก่อสูรตนนั้นเมื่ออสูรตนนั้นได้ยินเสียงและได้เห็นรูปร่างของนายน้อยของป่าอสูรมันก็ คืนร่างเป็นมนุษย์ทันทีก่อนจะเข้ามาหาไป๋หลง
” ข้าไท่ซู่ คาราวะนายน้อย ” ไท่ซู่กลาวออกมาด้วยน้ำเสียงให้ความเคารพ เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้าให้
” นายน้อย ข้าขอโทษด้วยท่านด้วยที่เสียมารยาทพอดีข้าสัมผัสกลิ่นไอของมนุษย์ได้ข้าเลยรีบมาเผื่อว่ามีคนมาบุกรุก ” ไท่ซู่ กล่าวอธิบายแก่ไป๋หลง
” อ้อ มนุษย์ 2 คนนี้ เป็นแขกของข้าและเป็นสหายของข้าเช่นกัน อย่าได้เสียมารยาทเชียวนะ ” ไป๋หลงกล่าว บอกแก่ไท่ซู่ เมื่อไท่ซู่ได้ยินเช่นนั้น ก็ถามไป๋หลงด้วยความสงสัย
” สหาย? รึขอรับ ” ไท่ซู่ถามย้ำแก่ไป๋หลง
” ใช่แล้วคนที่มีแผลเป็นที่แก้มนี้คือ อู้เฉียงสหายและเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของข้า ส่วนทางนั้น คือ อู้หยา เป็นแม่ของอู้เฉียง พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อย ” ไป๋หลงกล่าวอธิบายกับไท่ซู่ ด้วยน้ำเสียงจริง
ตอนนี้อู้เฉียงและอู้หยานิ่งข้างไม่ได้สติตั้งแต่สัตว์อะสูรระดับนี้ ก้มหัวให้แก่ไป๋หลง แถมยังเรียกว่านายน้อย อู้เฉียงและอู้หยาที่ รับความจริงที่ถาโถมเข้ามาจึงแข็งค้างพูดอะไรไม่ออก
” อ้อ อีกอย่างท่านไท่ซู่ ท่านชำนาญ การต่อสู้ด้านใดมากที่สุด ” ไป๋หลงกล่าวถามออกมาอย่างมีเลศนัย เมื่อ ไท่ซู่ได้ยินเช่นนั่นก็ตอบออกมาตามตรง
” เรียนนายน้อย ข้าชำนาญด้านการใช้หอกลองลงมาคือดาบ ” ไท่ซู่กล่าวบอกแก่ไป๋หลง เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ หันหน้ามามองอู้เฉียง ก่อนจะตบที่แก้มเรียกสติ
เพลี้ยะ !!
ไป๋หลงตบไปที่แก้มอู้เฉียงเบาๆเพื่อให็อู้เฉียงได้สติ
” อะไร เจ้าตบข้าทำไมเนี้ยมันแสบนะรู้ไหม ” อู้เฉียง บ่น ออกมา ว่าไป๋หลวด้วยน้ำเสียงเคืองเล็กน้อย
” ก็เรียกสติเจ้านะสิ ข้าเห็นเจ้านิ่งแข็งค้างไม่ต่างจาก แม่ของเจ้าเลย ว่าแต่ว่า เจ้าชอบใช้อาวุธอะไรมากที่สุด ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่อู้เฉียง เมื่ออู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับมา
” ข้า ชอบหอกน่ะ เมื่อก่อนพ่อข้า… เคยแสดงให้ดู ” อู้เฉียงกล่าวตอบออกมาแต่มาถึงช่วงพูดถึงพ่อน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเศร้า ไป๋หลงเห็นเช่นนั้น ก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเพื่อไม่ให้ อู้เฉียงคิดมาก
” เอาล่ะๆ เยี่ยมจริงๆ ท่านไท่ซู่ พรุ้งนี้ตอนเที่ยงตรงมาเจอข้าตรงที่ว่างแถวหลังคฤหาสน์ได้หรือไม่? ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่ไท่ซู่ เมื่อไท่ซู่ ได้ยินเช่นนั้นก็แปลกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถามออกไป
” ได้ขอรับ พรุ้งนี้ตอนเที่ยงตรง!! ” ไท่ซู่กล่าวตอบแก่ไป๋หลงด้วยน้ำเสียงหนักแน่น อู้เฉียงเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก
” เอาล่ะนี้ก็ใกล้จะค่ำแล้ว ท่านไท่ซู่ ท่านช่วยไปส่งพวกเราที่คฤหาสน์ได้หรือไม่ ? ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่ไท่ซู่
” เพียงแค่ท่านสั่งข้าจะทำทุกอย่าง เรื่องเพียงแค่นี้ได้อยู่แล้วสำหรับนายน้อย ไม่มีปัญหา
” ไท่ซู่กล่าวจบก็ใช้พลังยก อู้เฉียง อู้หยา และไป๋หลงลอยขึ้น ก่อนที่ไท่ซู่ จะมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ในทันที
ผ่านมาประมาณ20ลมหายใจก็มาถึงคฤหาสน์สีดำทมิฬ บรรยากาศ ชวนให้ดูน่าเกรงขาม และน่ากลัวอย่างมาก อู้เฉียงและอู้หยา เมื่อมาเห็นเข่าแทบทรุด เพราะบรรยากาศชวนกดดันอย่างมาก ไป๋หลง เมื่อมาถึงก็ลาก อู้เฉียงให้เดินเข้ามาพร้อมกับอู้หยา เมื่อเข้ามาได้เห็นข้างในที่ต่างราวกับข้างนอก ข้างในประดับไว้ด้วยเพชรนิญจิณดามากมาย ห้องโถงขนาดใหญ่ และ พวกอสูรที่ใส่ชุดเกราะสีเงินกับสีทอง
” ข้ากลับมาแล้วท่านพ่อ ” ไป๋หลง กล่าวออกมาแบบเฉยๆไม่ได้คิดอะไร ทันใดนั้นเองก็มีเสียงนึงดังขึ้น
” เจ้าลูกตัวแสบ!! กลับมาแล้วรึ หนีออกจากบ้านไปไม่บอกข้าสักคำ ” น้ำเสียงที่กล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วงถึงจะมีตำหนิบ้างเล็กน้อย เมื่อไป๋หลงเห็นไป๋หยางอยู่ตรงหน้าก็เข้าสวมก่อนในทันที
” โถ่ว ท่านพ่อก็ข้าไม่ชอบให้ใครมาตามข้าเยอะๆนิ มันไม่สะดวก ถึงท่านจะทำเพราะเป็นห่วงข้าก็เถอะ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียง เหนื่อยหน่าย ไป๋หยางได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหัว ก่อนะพึ่งสังเกตุเห็นอู้เฉียงและอู้หยา
” พวกนี้เป็นใคร ” ไป๋หยางกล่าวออกมาแบบเรียบๆ ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็หล่าวแนะนำให้ไป๋หยางรู้จักในทันที
” นี้คือ อู้เฉียงคนที่มีแผลที่แก้มเป็นสหายและเพื่อนเพียงคนเดียวของข้า ส่วนนั้น อู้หยา เป็นแม่ของอู้เฉียง ” ไป๋หลงพลางกล่าวอธิบาย
” ท่านพ่อข้าได้ข่าวว่า ที่คฤหาสน์เราขาดคนทำอาหาร ท่านอู้หยา สามารถทำอาหารได้นะ รับเขาเถอะนะ ท่านพ่อ ” ไป๋หลงกล่างอ้อนแก่ไป๋หยาง
” ก็แล้วแต่เจ้า คนที่เจ้าคบหาเป็นสหายด้วยนั้น ข้ารู้ว่าเป็นคนที่เชื่อใจได้อนาคตไกลภายภาคหน้าจะต้องเติบใหญ่เป็นมังกรในหมู่มังกรแน่แท้ ถึงตอนนี้จะยังดูแล้วไม่ได้เรื่องก็เถอะ ” ไป๋หยางกล่าวบอกแก่ไป๋หลงซึ่งแน่นอนอู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็ทำความเคารพไป๋หยางทันที
” ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ ” อู้เฉียงกล่างออกมาด้วยความเคารพ ไป๋หยางเห็นเช่นนั้นก็พยักหน้าให้
” ทะ ท่านคือเทพอสูร ใช่รึไม่!! ” อู้หยาที่เงียบมานานกล่าวถามแก่ไป๋หยางด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว เมื่ออู้เฉียงได้ยินก็เบิกตากว้าง
” ใข้ข้านี้แหละ เทพอสูรไป๋หยางผู้ปกครอง อสูรทั้งหมดในป่าอสูรแห่งนี้ ทำไมรึ ” ไป๋หยางกล่าวตอบออกมาตามตรงไม่มีอะไรต้องปิดบัง
” คะ คือว่าท่านไม่เหมือนที่ข้าคิดไว้และคนอื่นๆในเมืองต่างคิดว่าท่านโหดร้ายและชั่วร้ายเป็นอย่างมากแต่พอข้าได้เห็น มันกลับไม่ใช้อย่างที่ข้าคิด ” อู้หยากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงให้ความเคารพ
” ข้าจะร้ายก็ต่อเมื่อมีคนมาหาเรื่องข้า หรือมาทำร้ายคนในครอบครัวข้าเท่านั้น!! ”
ไป๋หยางกล่าวออกมาด้วยความเย็นชาพร้อมปล่อยแรงกดดันออกมาเล็กน้อย ทำให้อู้หยาและอู้เฉียงสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ก่อนที่แรงกดดันจะหายไป
” เอาล่ะ นี้ก็ค่ำแล้ว อู้เฉียงเจ้ามานอนห้องข้าก็ได้ ส่วนท่านอู้หยามีห้องว่างอีกห้องนึงที่ติดกับห้องข้า ” ไป๋หลงกล่างอธิบาย อู้เฉียงหันไปมองหน้าอู้หยา อู้ยา
พยักหน้าให้ ส่วนไป๋หยางรีบกลับไปจัดการงานบนโต๊ะต่อ
อู้หยาเดินเข้าห้องที่ไป๋หลงบอกว่าว่างในทันทีข้างในนั้นหรูหราราวกับราชวัง ทำให้อู้หยาอดที่จะชมความงามเหล่านี้ไม่ได้
ตัดมาทางไป๋หลง
” เอาล่ะพรุ้งนี้เราจะฝึกพิเศษกันเตรียมใจไว้ซะไม่ว่ายังไง เจ้าต้องเข้าสำนักหมื่นกระบี่กับข้า ” ไป๋หลงกล่าวออกมาเรียบๆก่อนที่อู้เฉียงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
เอ๋อออออออออ!!
จบ…..