เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่24 การทดสอบที่ตกตะลึง
หลังจากไป๋หลงจัดการกับพวกที่มาหาเรื่องเขาและอู้เฉียงเสร็จก็ต่อแถวตามเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนคนที่อยู่ใกล้ๆไป๋หลงได้แต่อยู่ห่างๆ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ทำให้ ทุกคนไม่อยากมีปัญหากับคนแบบนี้เด็ดขาด หลังจากเหตุการณ์สงบลง และ นายน้อยตระกูลอู้ ก็ ไปต่อแถวหลังสุดพร้อมกับความอับอายและโกรธแค้นต่อไป๋หลงและอู้เฉียงเป็นอย่างมาก
” ท่านพี่….ท่านว่าจิตสังหารระดับนั้นสุดยอดไปเลยนะ ขนาดในวังหลวงเองยังหาได้ยากทำไมเราไม่ดึงตัวเขาเข้าร่วมกับราชวงศ์ของเราล่ะ? ” หญิงสาวที่อยู่ในรถม้าที่ประดับไปด้วยทองและความหรูหรา กล่าวออกมาด้วยความสงสัย
” อวี้…นี้เป็นครั้งแรกเลยน่ะที่เจ้าออกปากแบบนี้ด้วยตนเอง ข้าว่าเราดูไปอีกสีกพักยังไงๆ เราก็ได้เห็นฝีมือเขาแน่ๆในการประลอง ” ชายหนุ่มที่ดูแล้วหล่อเหลา ผมสีเงินดวงตาสีฟ้าครามดูแล้วช่วยเพิ่มบารมีให้กับตนเองเป็นอย่างมาก ราวกับเทพเซียนลงมาจุติ
“ตามใจท่านพี่แล้วกัน ” หลังจากสิ้นเสียงของอวี้ผู้เป็นน้องสาวของตัวเอง ถังเทียนก็มองออกไปนอกรถม้าราวกับคิดอะไรบางอย่าง
ตอนนี้ไป๋หลงลงทะเบียนแล้วได้รับป้ายหมายเลขที่ใช้ระบุตัวในการประลอง หมายเลขของไป๋หลงคือ 1999 ส่วนอู้เฉียงนั้น หมายเลข 2000 ไป๋หลงและอู้เฉียงได้เดินดูรอบๆสนามทดสอบพร้อมกับอู้เฉียง สายตานับไม่ถ้วนจ้องมองมาที่ไป๋หลงและอู้เฉียงด้วยสายตาที่เหยียดหยามแบะดูหมิ่นไว้ชัดเจนแต่ไป๋หลงหาได้สนใจไม่มีเพียง อู้เฉียงเท่านนั้นที่ทำทีไม่พอใจ จนไป๋หลงได้แต่ส่ายหัวไปมาด้วยความที่อู้เฉียงเป็นคนที่มีความอดทนต่อเรื่องแบบนี้ต่ำ
” อู้เฉียงเจ้าอย่าไปสนใจ สงบเยือกเย็นเข้าไว้ยิ่งเจ้าแสดงอาการพวกนั้นยิ่งชอบใจเข้าใจไหม? ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่อู้เฉียง
” แต่ข้า… ” ไป๋หลงยกมือห้ามไว้ แล้วเอ่ยบางอย่างแก่อู้เฉียงทำให้อู้เฉียงตาลุกวาวในทันที
” หึๆ!! เจ้าเก็บความแค้นนี้ไว้แล้วค่อยจัดการสั่งสอนคนพวกนี้ในการประลองว่าอย่าดูคนแต่เพียงภายนอก ” ไป๋หลงกล่าวพลางหัวเราะอย่างชั่งร้ายในลำคำ อู้เฉียงเห็นเช่นนั้นก็เชื่อไป๋หลงทันที
” เอาแบบที่เจ้าว่าก็ได้ไป๋หลง ” อู้เฉียงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
ไป๋หลงเห็นว่าอู้เฉียงสงบลงแล้ว ไป๋หลงก็เดินชมรอบๆ จนในที่สุดก็มีการประกาศจากเจ้าสำนักหมื่นกระบี่
” เอาล่ะ วันนี้ข้า….เจ้าสำนักหมื่นกระบี่มีความยินดีอย่างยิ่งที่มีคนมาสมัครเยอะมากมายถึงเพียงนี้ แต่ ยังไงๆ ข้าก็มิอาจรับพวกเจ้าได้หมดทุกคน เพราะปีนี้มีคนมาสมัคร2000กว่าคน แต่สำนักเรารับเพียงแค่ 300 คนเท่านั้น เพราะฉะนั้นจงแสดงศักยาภาพ และพลังที่พวกเจ้ามีออกมาทั้งหมด ข้ามีเรื่องที่จะบอกเพียงเท่านี้ ” เสียงที่ทรงพลังและฟังแล้วรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างชัดเจน หลังจากเจ้าสำนักพูดจบก็ ทุกคนในที่นี้ก็ต่างทำสีหน้าเคร่งเครียดส่วนบางคนก็ยิ้มแย้มเพราะมั่นใจในพลังของตนเองเป็นอย่างมาก จึงไม่แสดงความวิตกกังวลใดๆออกมา ไป๋หลงที่ได้ฟังแล้วก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเช่นกัน ผิดกับอู้เฉียงที่สั่นเป็นเจ้าเข้า
” ปะ ไป๋หลง เขาบอกรับแค่300 ข้าจะไหวเหรอ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความวิตกกังวล ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ
” เฮ้อ…เจ้าจะกลัวอะไรนักหนา เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้อย่าทำให้ท่านไท่ซู่ผิดหวัง ” ไป๋หลงกล่าวให้กำลังใจแก่อู้เฉียง
” ก็เจ้าเก่งกว่าข้า…เจ้าก็พูดได้สิ ” อู้เฉียงกล่างออกมาด้วยความเคืองเล็กน้อย
” เจ้าแข็งแกร่งไม่ต่างกับข้าหรอก จงตั้งใจและพยามให้ถึงที่สุด ว่าแต่ที่มือขวาหายรึยัง? ” ไป๋หลงบอกกล่วแก่อู้เฉียงและถามบาดแผลด้วยความเป็นห่วง
” ดีขึ้นแล้วล่ะ ” อู้เฉียงบอกกล่าวแก่ไป๋หลง
ผ่านไปสักพักผู้อาวุโสที่เป็นผู้คุมสอบครั้งนี้ก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังกังวาล แฝงไปด้วยความกดดัน
” การทดสอบบทแรกนั้นคือ นี้… ” ผู้อาวุโสคนที่เป็นผู้คุมสอบกล่าวจบก็มีหินศิลาสีดำโผล่ขึ้นมาจากพื้นของสนาม เป็นแท่งหินสีดำขนาดใหญ่ สูงประมาณ10 เมตร สร้างความตกตะลึงให้กับผู้เข้าสอบเป็นอย่างมาก
” นี้คือศิลาทดสอบพลังเพียงเจ้าปล่อยหมัดที่ห่อหุ้มพลังทั้งหมดของเจ้าเข้าไป มันก็จะบอกถึงระดับพลังของพวกเจ้าทันที!! ขอบอกไว้ก่อนว่าระดับพลังอย่างต่ำ ในการเข้าการทดสอบคือ นักรบจิตวิณญาณขั้น1ขึ้นไปเท่านั้น ส่วนพวกที่ระดับยังไม่ถึงข้าคงต้องขอแสดงความเสียใจด้วย” หลังจากผู้อาวุโสกล่าวจบก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้น
” บัดซบ!!ข้าอีกแค่ขั้นเดียวก็จะเข้าขั้นนักรบจิตวิณญาณได้แล้วแท้ๆ ” เสียงคนที่มาสมัครผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความผิดหวัง
” ข้าก็เช่นกัน มันจบแล้วโถ่ว สวรรค์ใยท่านถึงไม่มีเมตตาต่อข้าบ้าง ”
เสียงของผู้คนที่ระดับไม่ถึงกล่าวขึ้นด้วยความผิดหวังตอนนี้ในสนามจาก2000 กว่าคน เหลือเพียงแค่1000 กว่าคยเท่านั้น ทำให้สนามสอบดูโล่งๆ ภึงจะมีจำนวนผู้เข้าเป็นพัน แต่สนามสอบนี้มีความกว้างขวางเป็นอย่างมาก เมื่อผู้อาวุโสเห็นผู้คนที่สมัครเข้ามาต่างกลับไปก็ส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยการทดสอบขึ้น
” เอาล่ะพวกเจ้าที่เหลือ ขึ้นมา วัดระดับพลังเป็นรายคนซะ ” ผู้อาวุโสกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม ก่อนที่จะมีผู้อาวุโสมายืนคุมการวัดระดับพลัง เพื่อป้องกันการทุจจริตหรือโกง
” คนแรก หมิงหวาง ขึ้นมา ” ผู้อาวุโสที่มีหน้าที่คุมการสอบกล่าวขึ้น หมิงหวางขึ้นมาแล้รวบรวมพลังไว้ที่มือขวาแล้วปล่อยหมัดใส่ศิลาตรงหน้าทันทีแต่กลับไม่มีเสียงกระทบต่อศิลาเกิดขึ้นทำให้คนที่ยืนดูอยู่ถึงกับงง และสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่ผู้อาวุโสจะกล่าวอธิบาย
” พวกเจ้าคงสงสัยสิน่ะ ว่าทำไมมันถึงไม่เกิดเสียงขึ้นหลังจากปล่อยหมัดที่อัดแน่ไปด้วยพลังออกมาใส่ศิลาตรงหน้าเพราะพลังของพวกเจ้ายังอ่อนด้อยเกินไปซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ออย่างใด แต่ถ้าหากเกิดเสียงดังขึ้นก็แสดงว่าคนผู้นั้นจะต้องมีพลังเก่งกล้า และแข็งแกร่งอย่างแน่นอน หลังจากผู้อาวุโสกล่าวอธิบายจบก็ประกาศชื่อของหมิงหวางทันที
หมิงหวาง ระดับ นักรบจิตวิณญาณขั้น5 ผ่าน
หลังจากที่หมิงหวางทดสอบจบก็เดินลงมาทันที ก่อนที่ผู้อาวุโสจะเรียกคนต่อๆไปจนมาถึง
” หมางเทียน ขึ้นมา ” หลังจากผู้อาวุโสประกาศชื่อ ก็มีเสียงฮือฮาขึ้น
” นั้นมันนายน้อยตระกูลใหญ่ ท่านหมางเทียนชั่งดูมีสง่าราศีนัก ” เสียงของคนที่มีสมัครสอบเอ่ยขึ้นด้วยความเทิดทูน และนับถือ
” ฮร้ายย!! ข้าอยากเป็นชายาของท่าน ” เสียงของเหล่าหญิงสาวกล่าวขึ้น ด้วยความหลงไหล
หลายคนต่างจ้องมิงด้วยความเทิดทูนและหลงไหลเพรา หมางเทียนดูนั้นมีผิวนวลขาวเส้นผมสีน้ำตาลใบหน้าคมคาย ทำให้ดูหล่อเหลาเอาการ
หมางเทียน ขึ้นไปบนแท่นก่อนจะรวบรวมปล่อยพล้งไว้ที่มือขวา ก่อนที่จะซัดพลังทั้งหมดไปจนเกิดเสียงขึ้นถึงแม้จะเล็กน้อยก็ตาม
ตึง!!
ผู้อาวุโสที่เห็นก็พยักหน้าด้วยความพอใจ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยเสียงที่ดังกังวลาแฝงไปด้วยพลังเพื่อให้ทุกคนที่อยู่ที่นี้ได้ยิน
หมางเทียน ระดับพลัง นักรบหลอมรวมขั้นที่8!! ผ่าน
เสียงของกลุ่มคนที่ได้ยินก็อุทานออกมาว่า อัจฉริยะ บ้างก็เทิดทูน
” อัจฉริยะ โดยแท้ นับถือๆ ” เสียงของกลุ่มคนกล่าวขึ้น
” สมแล้ว ที่เป็นลูกของตระกูลใหญ่ ” เสียงอีกคนกล่าวเสริม ด้วยน้ำเสียงเทิดทูน
หมางเทียนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เมื่อหมางเทียนลงเดินลงมา ผู้อาวุโสก็เรียกขานคนต่อไปทันที
คนต่อไป
” องค์ชาย ถังเทียน เชิญขึ้นมาวัดระดับพลังด้วยขอรับ ” ผู้อาวุโสกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมและเต็มไปด้วยความเคารพ องค์ชายถังเทียนเดินมา ก่อนจะก้มหัวให้ผู้อาวุโสเล็กน้อย เพื่อแสดงความเคารพ ก่อนจะเริ่มการทดสอบ ถังเทียนได้รวบรวมพลังไว้ที่มือขวาแล้วปล่อยหมัดออกไป ใส่ศิลา ทันทีทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดขึ้น
ตู้มม!!
เมื่อผู้อาวุโสตรวจระดับพลังก็ต้องตกตะลึงเพราะระดับพลังของ ถังเทียนคือ…
“อะ องค์ชาย ถังเทียน ระดับพลัง นักรบที่แท้จริงขั้น2 !!” ผ่าน
เสียงของผู้อาวุโสกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึงเพราะในหมู่ผู้เยาว์ นั้นยากมากที่จะเจอคนที่มีระดับพลังเช่นนี้ สิ้นเสียง ประกาศของผู้อาวุโสก็เกิดการวิพากย์จิจารณ์ทันที
” สมแล้วที่ เป็น ถึงองค์ชายชั่งเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงโดยแท้ ” เสียงของคนที่กล่างออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคารพและยกย่อง
” อร้ายย!! องค์ชายเพค่ะ รับข้าไปเป็นชายาเถอะ ” เสียงของเหล่าหญิงสาวที่กรี้ดดังกว่าหมางเทียน ทำให้บางเทียนขุ่นเคืองใจเล็กน้อยแต่ไม่สามารถทำอะไรได้
“องค์ชาย ถังเทียนแข็งแกร่งใช่เล่น โตขึ้นไปจะต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน ” ไป๋หลงที่เงียบมานาน ก็กล่าวออกมาด้วยความชื่นชมเช่นกัน อู้เฉียงก็คิดเหมือนไป๋หลงเช่นกัน หลังจากองค์ชายถังเทียนเดินลงมาผู้อาวุโสก็เรียกชื่อคนต่อไปทันที
คนต่อไป
” เอาล่ะ ไป๋หลงขึ้นมา ” ผู้อาวุโสกล่าวจบไป๋หลงก็เดินขึ้นมาทันที พร้อมกับใส่หู้ดที่ดูเก่าๆ ทำให้สายตาที่มองมายังไป๋หลงเต็มไปด้วยความดูถูก ยกเว้นถังเทียน และ ถังอวี้ ที่มองไป๋หลงด้วยความสับซ้อน ถังเทียนสามารถรับรู้ถึงบรรยากาศที่แผ่ออกมาจากรอบตัวไป๋หลงได้
” ชายคนนี้แข็งแกร่ง!! ” ถังเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความแปลกใจจนบอกไม่ถูก ถังอวี้ที่เห็นท่านพี่ของตนกล่าวออกมาก็เริ่ม จะ สังเกตุไป๋หลงให้มากขึ้น
เสียงของคนที่ยืนดูอยู่ก็มีทั้งดูถูกและเหยียดหยาม อู้เฉียงตอนนี้กำหมัดไว้แน่นพยามสงบความโกรธเกรี้ยวเอาไว้
” เจ้าดูมันสิ คงจะเป็นขยะแน่ๆ ถ้าให้เดาพลังคงน่าจะต่ำสุดแล้วละมั้ง ฮ่าๆๆๆ ” เสียงกลุ่มคนที่ ดูถูกไป๋หลงด้วยความชอบใจ
” เจ้ารีบๆทดสอบให้จบแล้วไปวิ่งไปซบ อกของพ่อเจ้า ให้พ่อของเจ้าปลอบเถอะ ถ้าลูกเป็นขยะทั้งตระกูลคงเป็นขยะเช่นกัน ฮ่าๆๆๆ ” เสียงของชายร่างสูงใหญ่กล่าวเสริมขึ้นมาด้วยความชอบใจ
ผู้อาวุโสที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวพยามจะหยุดการกระทำแต่ต้องตกตะลึงเมื่อแววตาและกลิ่นอายพลังของไป๋หลงกำลังประทุออกมา
หุบปากไปซะ!! ถ้าเจ้ายังอยากมีลมหายใจอยู่
ไป๋หลงกล่าวขึ้นน้ำเสียงเย็นชาดวงตาไร้ชีวิตชีวา กำลังหันหลังมามองคนที่พูดด่าว่าบิดาของตน เมื่อมันไป๋หลงมองกลับมาก็หลบตาทันที แต่มีหรือไป๋หลงจะไม่รู้ อู้เฉียงที่กำลังจะกล่าวห้าม แต่ไป๋หลงยกมือห้ามไว้
” ท่านผู้อาวุโสข้าต้องขอประทานโทษด้วยที่ทำกริยาเช่นนั้นออกไป ขอผู้อาวุโสโปรดอภัย ” ไป๋หลงกล่าวออกมาอย่างนอบน้อม ผิดกับคนละคนเมื่กี้โดยสิ้นเชิง ผู้อาวุโสที่เห็นการขอคมาก็ยิ้มให้
” เอาล่ะเชิญเจ้าทดสอบได้ เจ้าไม้ต้องกังวลหรอก คนเรายังฝึกฝนกันต่อได้ ” คำพูดที่พูดออกมาคล้ายเป็นการดูถูก แต่ไม่มีความดูถูกอยู่ในน้ำเสียงแม้แต่น้อย ไป๋หลงก็ยิ้มให้เพราะรู้ถึงความหวังดีของและความหมายที่ผู้อาวุโสกล่าวออกมา ถ้าเป็นคนอื่นคงโวยวายแต่ไป๋หลงเพียงยิ้มให้
” งั้นข้าขอเริ่มการทดสอบเลยแล้วกัน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็รวบรวมพลังทั้งหมดและความโกรธที่ข่มไว้เมื่อกี้ออกมา บรรยากาศเริ่มบิดเบี้ยว ผู้อาวุโส สามารถสัมผัสถึงพลังที่ไป๋หลงปล่อยออกมา สร้างความตกตะลึงให้กับผู้อาวุโสอย่างยิ่ง ไป๋หลงง้างหมัดขวาก่อนที่ปล่อยให้ใส่แท่นศิลา ผู้อาวุโสที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว กำลังจะกล่าวห้าม เพราะพลังที่ไป๋หลงรวบรวมไว้ที่มือขวานั้นมีมากเกินไป
” อย่า….” ผู้อาวุโสคนนั้นกล่าวไม่ทันจบก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวันไหวไปทั่ว สำนัก หมื่นกระบี่
ตู้มมมมมมมมมม!!
จบ…