เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่27 พระราชโองการ
หลังจากผู้อาวุโสเรียกอู้เฉียง อู้เฉียงก็ขึ้นมาบนลานทำพันธะสัณญาอสูรทันที ตอนนี้ทั้งสนามต่างจับตาดูอู้เฉียงกันอย่างไม่กระพริบ และเตรียมตัวอยู่ตลอดเวลา ขนาดตอนนี้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสต่างลงมาจากที่นั่งเพื่อคอยช่วยเหลือหากเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อกี้อีก ถ้าไป๋หลงไม่กล่าวห้ามแล้วพยักฆ์ขาวเกิดสังหาร หมางเทียนขึ้นมาได้มีปัญหากับตระกูล หมาง แน่ ทำให้เจ้าสำนักต้องลงมาคอยดูแลด้วยตัวเอง
เมื่ออู้เฉียงเดินมาอยู่ตรงหน้าแท่นทำพันธะสัณญาอสูร ผู้อาวุโสจึงบอกกล่าวแก่อู้เฉียงลงทันที
” นำมีดขึ้นมาแล้ว กรีดลงบนฝ่ามือ ให้เลือดหยดลงบนแท่นทำพันธะสัณญาแล้ว สัตว์อสูรที่เหมาะกับเจ้าจะออกมาจากแท่นทำพันธะสัณญา ” ผู้อาวุโสบอกกล่าวแก่อู้เฉียงเสร็จ อู้เฉียงก็ตอบรับคำในทันที
” ขอรับ แต่ข้าไม่ต้องใช้มีดก็ได้ ” อู้เฉียงกล่าวจบก็นำผ้าพันแผลออกทำให้เลือดไหลออกมาข้างนอกทันที ตอนนี้เลือดของอู้เฉียงหยดลงไปโดนแท่นทำพันธะสัณญา ผ่านไปสักพัก ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
” หน้าแปลกทำไมถึงยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ” ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ใกล้กับอู้เฉียงกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย
“เฮ้อ…นึกว่าจะเป็นแบบของคนที่ชื่อไป๋หลง ” เสียงของคนที่รอทดสอบดังขึ้น
” ข้าก็คิดเช่นนั้น หรือว่าเขาจะไร้คุณสมบัติ ” เสียงของอีกคนกล่าวเสริมออกมา
ตอนนี้ทั้งสนามต่างพูดเรื่องคุยของอู้เฉียงวิพากย์วิจารต่างๆนาๆที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้ไป๋หลงก็เริ่มสังสัยเช่นกันทันใดนั้นเสียงของ หลิงหลุนที่อยู่ในร่างแมว ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
” เจ้านกปากเสียนั้นกำลังจะมา!!”
เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ทำหน้าสงสัยแล้วเอ่ยถาม หลิงหลุนทันที
” หลิงหลุน เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?” ไป๋หลงถามออกด้วยความสงสัย เมื่อหลิงหลุนเห็นไป๋หลงกำลังจะกล่าวถามทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นบนลานทดสอบ
ตู้มมมมมมมม!!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วสำนักหมื่นกระบี่ หลังจากกลุ่มควันหายไปก็ปรากฏรูปร่างก็นกยักที่มีขนาดใหญ่สีแดงเพลิง ทั้งตัวมีเปลวเพลิงที่บริสุทธิ์ ทั่วทั้งตัว สร้างความแตกตื่นให้กับผู้เข้าสอบทุกคนรวมทั้ง เจ้าสำนักและผู้อาวุโส ตอนนี้ถังเทียน และ ถังอวี้ รับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ได้เพียงแค่วันนี้วันเดียวสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ปรากฏตัวถึง2ตัวด้วยกัน
” บะ บ้าน่าไม่น่าเชื่อ ฟินิกซ์เพลิงอัมตะ 1 ในสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์อีกตัวนึง!! ”
เสียงของผู้อาวุโสที่คุมสอบอยู่บนลานทดสอบกล่าวออกมาด้วยความตกใจและตกตะลึงตอนนั้นเองที่ทั้งสนามต่างตกตะลึงรวมถึงเจ้าสำนักเช่นกัน ทันใดนั้นเอง นกฟีนิกซ์ ก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส
” ผู้ใดกันที่เรียกข้าออกมา จงเสนอหน้าออกมาก่อนที่ข้าจะใช้ไฟของข้าสังหารพวกเจ้าจนหมดสิ้น!! ”
หลังจากนกฟีนิกซ์ตัวนี้กล่าวออกมาทุกคนก็ใบหน้าซีดเผือกทันทีบางคนกำลังจะหนีออกไป แต่ ไม่ทันได้ก้าวออกไป ฟีนิกซ์ก็ทำบางอย่าง
“อาณาเขตเพลิงโลกันต์!! ”
หลังจากนกฟีนิกซ์เอ่ยจบก็มีเปลวเพลิงครอบคลุมไปทั่วทั้งสนามสอบจะออกก็ออกไม่ได้จะเข้ามาก็ไม่ได้เช่นกัน ยังโชคดีที่วันนี้ชั้นปี2และปี3ของสำนักไม่มีเรียนทำให้ตอนนี้ มีเพียงคนที่อยู่ที่นี้เท่านั้นที่รับรู้สถานะการณ์ทั้งหมด เมื่ออู้เฉียงเห็นว่าท่าไม่ดีอาจทำให้คนอื่นบาดดจ็บจึงกล่างออกมากล้าๆกลัวๆ
” ขะ ข้าเอง!! ที่เป็นคนเรียกท่านออกมา ” เมื่ออู้เฉียงกล่าวจบ ฟีนิกซ์ที่เห็นดังนั้นจึง พิจารณา อู้เฉียงอยู่สักพักจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเฉยชา
” เจ้างั้นรึมนุษย์ผู้ต่ำต้อย เจ้านั้นก็พอมีดีอยู่บ้างข้าจะทดสอบเจ้าว่าเจ้าคู่ควรที่จะให้ข้ารับใช้หรือไม่ ”
เมื่อมันกล่าวจบก็เตรียมจะทดสอบอู้เฉียงท่ามกลางสายคนนับพันที่กำลังจับจ้องอยู่ ด้วยความอิจฉาริษหยา แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงนึงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ยดังขึ้น
” เจ้านกปากเสียโผล่ออกมา ก็ทำท่าวางอำนาจใหญ่เลยน่ะ ชั่งน่าขันยิ่งนัก ” เสียงนี้เป็นของใครไปไม่ได้นอกจากหลิงหลุนที่ตอนนี้ อยู่ในร่างแมวกำลังเอ่ยขึ้น สร้างความแปลกใจให้กับไป๋หลงเป็นอย่างมาก
” ใครกันบังอาจมาดูถูกข้….. ”
เมื่อนกฟีนิกซ์มองหาที่มาของเสียงเมื่อมันเห็นร่างของหลิงหลุนมันก็แปลกใจทันที แต่ที่ทำให้มันตกตะลึงมากกว่านั้นคือ ไป๋หลง มันสามารถรู้สึกได้ว่าไป๋หลงไม่ใช่มนุษย์ เป็นอะไรที่มากกว่านั้น และไม่ควรดูหมิ่นเป็นอันขาด เมื่อ ฟีนิกซ์เห็นดังนั้นก็เอ่ยขึ้นมา
” ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็แค่แมวน้อยนี้เองทำไมอยู่ๆ ถึงมาเป็นอสูรในพันธะสัณญาซะล่ะ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ” ฟีนิกซ์ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงกวนๆ ทำให้หลิงหลุนโต้กลับออกมา
” เรื่องของข้า ข้าไม่ใช่แมวจำเอาไว้เจ้านกปากเสีย ” หลิงหลุนโต้กลับในทันทีด้วย
ทั้งสองเถียงกันราวกับเด็กตีกัน จนไป๋หลงกล่าวถามขึ้น
” พวกท่านรู้จักกันมาก่อนรึ ดูท่าจะสนิทกันดี ” ไป๋หลงกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย เมื่อ หลิงหลุนและ ฟีนิกซ์ได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับมาทันที
” ไม่!! ”
” ไม่!! ”
หลิงหลุนและฟีนิกซ์กล่าวออกมาพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่ฟีนิกซ์จะเอ่ยบางอย่างขึ้น
” ข้าไม่อยากเถียงกับเจ้าแล้ว เจ้าแมวบ้า ส่วนเจ้า บอกชื่อ ของเจ้ามา ผู้ที่เรียกข้าขึ้นมา ” ฟีนิกซ์หันไปมองหน้าอู้เฉียงที่ทำสีหน้าสงสัย แต่ก็ทำตามที่ฟีนิกซ์บอก
” ขะ ข้าชื่อ อู้เฉียง ” อู้เฉียงตอบออกมาแบบกล้าๆกลัวๆ เมื่อฟีนิกซได้ยินดังนั้นก็เอ่ยขึ้น
” ดี ตอนนี้ เจ้ายังเป็นนายของข้ายังไม่สมบูรณ์แต่เมื่อเจ้าผ่านบททดสอบที่ข้าตั้งให้เจ้าจะเป็นนายของข้าอย่างสมบูรณ์ ” ฟีนิกซ์กล่าวออกมาอย่างมีเลศนัย
” เอาล่ะตอนนี้ข้าเหนื่อยแล้วข้าขอไปพักก่อนล่ะ ส่วนเรื่องบททดสอบไว้ข้าจะออกมาบอกเจ้าอีกที ” ฟีนิกซ์กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเรียน อู้เฉียงเห็นดังนั้นจึงออกปากเอ่ยถามทันที
” ถ้าข้าไม่ผ่านการทดสอบล่ะ? ” อู้เฉียงกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่ฟีนิกซ์จะฉีกยิ้มออกมาแต่รอยยิ้มน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
” ถ้าไม่ผ่าน ก็แค่ ตาย!! ” ฟีนิกซ์กล่าวจบก็หายกลายเป็นแสงเข้ามาในตัวอู้เฉียงทันที ส่วนอู้เฉียงนั้นกำลังคิดหนักเกี่ยวกับบททดสอบที่ฟีนิกซ์จะมอบให้
หลังจากฟีนิกซ์หายไป ถึงคนก็รู้สึกงง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่ เปลวเพลิงที่ครอบคลุมสนามสอบจะหายไปอย่างช้าๆ ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ยังตกตะลึงไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางเจ้าสำนักตอนนี้ได้ครุ่นคิดบางอย่าง
” พวกเขาเป็นใครกันแน่ ที่สามารถเรียกสัตว์อสูรระดับนั้นออกมาได้ ” เจ้าสำนักได้แต่ครุ่นคิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
อู้เฉียงได้เดินลงมาจากลานทดสอบ และตรงไปหาไป๋หลงทันที
” ใครว่าเขาไม่มีคุณสมบัติ มารดามันเถอะข้าจะตบปากสั่งสอนมัน ” เสียงของผู้เข้าสอบเอ่ยขึ้น
ผู้อาวุโสกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่มีเสียงที่ทรงพลังและดุดันดังขึ้น
” ประกาศ นี้คือ ราชโองการจากองค์ จักรพรรดิ ถังหน่านเหิง เรียนเชิญไป๋หลงและสหายให้มาเข้าเฝ้า เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ห้ามนำไปพูดหรือบอกต่อคนในครอบครัวเด็ดขาด ถ้าเรื่องนี้ตระกูลไหนไม่ทำตามจะโดนล้างโคตรทั้งตระกูลและถือว่าเป็นกบฏ ต่อแผ่นดิน จงจำเอาไว้ ”
หลังจาก ทุกคนได้ยินคำสั่งนี้และได้เห็นตราประทับที่องค์จักรพรรดิได้ทำไว้ทำให้ทั้งสนามสอบต่างเหงื่อตก
” ท่านแม่ทัพ ทำไมท่านกลับมาเร็วนัก ” ถังเทียนกล่าวออกมาด้วยความสงสัยเพราะมันไม่เคยรู้เลยว่าท่านแม่ทัพ นั้นแข็งแกร่งเพียงใด
” เรียน องค์ชายตัวข้านั้น ใช้เหยี่ยวสายฟ้า ซึ่งเป็นสัตว์อสูรที่มีความเร็วเป็นเลิศในการเดินทางทำให้ใช้เวลาเพียงไม่นาน ” แม่ทัพ กล่างอธิบาย
” เป็นเช่นนี้ นี้ เอง ” องค์ชายพยักหน้าเข้าใจ
ตอนนี้เจ้าสำนักได้เดินมาถามแม่ทัพด้วยตัวเอง
” ท่านแม่ทัพ ท่านจักรพรรดิมีรับสั่งให้เด็กที่ชื่อไป๋หลง และสหายไปเข้าเฝ้าใช่หรือไม่ ” เจ้าสำนักหมื่นกระบี่กล่าวถามด้วยความสงสัย เมื่อ แม่ทัพ เห็นเช่นนั้นก็บอกกล่าวทันที
” เป็นอย่างที่ท่านเข้าใจ ”
หลังจากแม่ทัพพูดจบเจ้าสำนักก็มีสีหน้าไม่ดีเล็กน้อยเกรงว่าราชวงศ์จะมาดึงตัวไป แต่ยังไง ถึงจะเป็นเจ้านำก็ขัดขืนพระราชโองการไม่ได้ เจ้าสำนักได้แต่ทำใจ
” เมื่อกี้ ท่านบอกว่าท่านจักรพรรดิอยากพบข้ารึ ” ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นจึงเดินเข้ามาถามพร้อมกับหลิงหลุนที่นอนอยู่บนหัว เมื่อแม่ทัพ เห็นแมวสีดำลายขาวนอนอยู่บนหัวไป๋หลงซึ่งมันรับรู้ได้ทันที่ว่านี้คือพยักฆ์ขาว1ในสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ตัวมันนั้นอดตะลึงไม่ได้แต่ต้องรักษา กริยาคนเป็นแม่ทัพเอาไว้
” ใช่แล้วเจ้าหนุ่มน้อย แล้วก็สหายของเจ้าด้วย ”
เมื่อแม่ทัพ กล่าวจบไป๋หลงก็ถามขึ้นมาทันที
” ออกเดินทางตอนไหน ข้ายังสอบเข้าสำนักไม่เสร็จเลย รวมถึงสหายของข้าด้วย ” ไป๋หลงกล่างออกด้วยความสงสัย เมื่อเจ้าสำนักได้ยินดังนั้นก็ตอบออกมาทันที
” เรื่องสอบเจ้าไม่ต้องห่วงถ้าเจ้ายังอยากเข้าสำนักนี้อยู่ข้ายินดีรับเจ้าและสหายเป็นศิษย์แน่นอน ” เจ้าสำนักกล่าวออกมาอย่างคาดหวัง
” ข้าขอขอบคุณท่านเจ้าสำนัก ข้าและสหายจะเข้าสำนักท่านอย่างแน่นอน ” เมื่อไป๋หลงกล่าวออกมา เจ้าสำนักที่ได้ยินก็ฉีกยิ้มกว้างในทันทีผิดกับเมื่อกี้ริบลับ
” อู้เฉียงเจ้าพร้อมไหม? ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่อู้เฉียงว่าพร้อมจะไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิแล้วหรือยัง
” เจ้าไปไหนข้าก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว ” อู้เฉียงกล่าวบอกแก่ไป๋หลง
” ท่านแม่ทัพ พวกข้าสองคนพร้อมแล้วจะออกเดินทางตอนไหนหรือ? ” ไป๋หลงกล่าวถามแม่ทัพด้วยความสงสัย
” ตอนนี้เลย เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก ส่วนองค์ชาย และ องค์หญิง องค์จักรพรรดิทรงรับสั่งว่าห้ามกลับมาก่อนการทดสอบเข้าสำนักจบ ” หลังจากแม่ทัพ กล่าวบอกแก่ ถังเทียน และ ถังอวี้ ทั้งสองมีสีหน้างุนงง เล็กน้อยแต่เข้าใจว่าท่านพ่อคงมีเหตุผล
“พวกข้าเข้าใจแล้ว ” ถังเทียนกล่าวตอบแก่แม่ทัพ
หลังจากแม่ทัพบอกกล่างแก่ถังเทียนเสร็จก็เรียก เหยี่ยวสายฟ้าออกมาทันที มันมีขนาดใหญ่เกือบเท่ากับฟีนิกซ์ทำให้สามารถรับคนมานั้งบนตัวมันได้หลายคน เมื่อมันออกมา มันเห็นหลิงหลุนที่นอนอยู่บนหัวตัวมันถึงกับสั่นสะท้านด้วยความกลัว เมื่อแม่ทัพเห็นบางอย่างผิดปกติ จึงสังเกตุดูก็เข้าใจได้ทันที เพราะ หลิงหลุนที่นอนอยู่บนหัวไป๋หลงคือสาเหตุ
” เจ้าไม่ต้องกลัวไปเขาจะไปกับพวกเรา ” หลังจากท่านแม่ทัพกล่าวจบเหยี่ยวสายฟ้าก็หยุดสั่นไป๋หลงและอู้เฉียงก็ขึ้นมาบนหลังเหยี่ยวสายฟ้าทันที
ออกเดินทาง!!
หลังจากไป๋หลงและอู้เฉียงหายไป พร้อมกับเหยี่ยวสายฟ้า ทำให้ทุกคนอยู่ในความตกตะลึงและสับสนพวกมันทุกคนได้ยินได้รับรู้เรื่องทั้งหมดแต่ไม่อาจบอกให้ใครได้ เมื่อเจ้าสำนักเห็นดังนั้นก็แค่น เสียงออกมา
” หวังว่าพวกเจ้าคงจะรู้นะว่าควรทำอย่างไร เอาล่ะเริ่มทำการทดสอบต่อได้ อีกอย่าง เพื่อเป็นการชดเชยกับเรื่องที่เกิดขึ้น ข้าจะเปิดรับสมัครและสอบเป็นเวลาสามวันในสามวันนี้คนที่สอบไม่ผ่านหรือยังไม่ได้ทำการทดสอบสามารถ ทำการทดสอบได้เรื่อยๆ เรื่องที่ข้าจะบอกก็มีแค่นี้ ”
หลังจากเจ้าสำนักกล่าวจบก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้น ทั้งสนามเต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจแทบจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เลยทีเดียว
อีกด้านหนึ่งในเงามืด
” รีบรายงานท่านหัวหน้า ว่ามีสัตว์เทพอสูรปรากฏตัวออกมา ” เสียงของบุรุษชุดดำคนนึงกล่าวขึ้น
” ขอรับ!! ” ชายชุดดำที่เหลือตอบรับอย่างพร้อมเพียงก่อนจะหายไปในทันที
” หึๆ สัตว์อสูรเทพอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้น ต้องเป็นของข้า ฮ่าๆ ”
บุรุษชุดดำกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความชั่วร้ายก่อนจะหายไปในทันที
จบ….