เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่31 ข้าเหรอ?
หลังจากคนในงานประมูลได้ยินเอลฟ์ ตนนี้พูดขึ้นก็สร้างความไม่พอใจให้กับใครหลายๆคน
” ปากดีไปเถอะ ยังไงเจ้าต้องเป็นของข้าผู้นี้ ข้าจะดัดนิสัยของเจ้าเอง ฮ่าๆ ” เสียงของชายวัยกลางคนที่มาเข้าร่วมงานประมูลกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ขณะนั้นเอง พิธีกรสาวก็กล่าวบางอย่างขึ้น
” ต้องขอประทานโทษแขกทุกท่านด้วยน่ะค่ะ…ทางเราลืมแจ้งไปว่าสินค้าสุดท้ายนั้นนอกจากการใช้เงินนั้นจะใช้การประลองในการตัดสิน การประลองนั้นไม่ใช่การประลองกันเองแต่เป็นการประลองกับเอลฟ์ ตนนี้เท่านั้น จะใช้เงินในการซื้อ หรือ จะใช้การประลองในการตัดสิน ทุกท่านในที่นี้ต้องร่วมลงความคิดเห็นด้วยการยกมือขึ้น ถ้า ฝ่ายไหนมีจำนวนการโหวตมากกว่าทางเราจะใช้ เกณฑ์ นั้นในการตัดสิน เอาล่ะ ค่ะ เชิญทุกท่านยกมือขึ้นสำหรับ การที่จะใช้เงินในการประมูล ”
หลังจากพิธีกรสาวกล่าวจบถึงบางคนจะงุนงง แต่ก็ทำความเข้าใจกับสถาณการณ์อย่างรวดเร็วก่อนจะมีคนยกมือขึ้นซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยเป็นอย่างมาก เพราะ มีหรือ คนที่อยากจะเสียเงินเป็นจำนวนมาก
” เอาล่ะค่ะ จากที่ข้านั้นได้สำรวจดูแล้วนั้น ผลสรุปเป็นใช้การประลองในการตัดสินนะเจ้าค่ะ โปรดรอสักครู่ทางเรากำลังจัดเตรียมสถานที่ประลองอยู่ อีกอย่าง เรื่องที่ข้าจะบอกต่อจากนี้สำคัญมาก ใครก็ตามที่เข้ามาประลองแล้วทางเราจะไม่รับประกันชีวิตของคนๆนั้น!! ”
พิธีกรสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ต่างกับคนละคนเมื่อกี้ลิบลับ เป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วย ความ เย็นชา และน่าหวาดหวั่นทำให้คนที่ได้ยินและเห็น นั้นต้องตกตะลึง ทางด้าน ไป๋หลงนั้นสามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้ก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย ผ่านไปสักพักสนามประลองก็ถูกจัดเตรียม ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่มันจะแลกตรงที่เป็นกรงขัง คล้ายกับกรงนก ทำให้ผู้ ที่เข้ามาประมูลนั้น แปลกใจไม่น้อย
” ทุกท่านคงจะสงสัยสิน่ะค่ะ การที่เราทำสนามประลองแบบนี้ เพราะ ทางเราไม่อยากให็เอลฟ์ตนนี้ ออกไปได้ เพราะถ้านางออกไปได้คงจะเป็นเรื่องแน่ เพราะฉะนั้นผู้ที่จะทำการประลองนั้น จะต้องเข้า ไปทางประตูนี้เท่านั้น ” พิธีกรสาวกลับมาใช้น้ำเสียงปกติอีกครั้งทำให้คนที่ฟังอยู่รู้สึกสับสน อยู่บ้าง
” การประลองนั้นง่ายมากไม่มีกฎตายตัว ทำให้คู่ต่อสู้หมดสภาพ หรือ ให้อีกฝ่ายกล่าวยอมแพ้หรือทำให้อีกฝ่ายยอมรับ กฎก็มีเพียงเท่านี้ อีกอย่างนางจะเป็นคนเลือกคู่ต่อสู้เองเท่านั้น ” หลังจากพิธีกรสาวกล่าวจบ ก็ เกิดเสียงที่พึงพอใจรอบด้านแต่หารู้ไหมว่า คนที่ถูกเลือกนั้นชั่งนาสงสารยิ่งนัก เมื่อพิธีกรสาวเห็นดังนั้นก็แสยะยิ้มออกมา ก่อนจะกล่าว ผ่านโทรจิต กับเอลฟ์ตนนั้น
” เอาล่ะ ถึงทีของเจ้าแล้ว จงเลือกผู้เหมาะสมคนที่มาเป็นนายของเจ้าซะ และก็อีกอย่างเจ้าสามารถสังหารพวกมันได้ทันที ที่พวกมันเข้ามาในสนามประลอง ”
” ขอบใจเจ้ามาก “์ ทันทีที่เอลฟ์ตนนั้นได้ยินก็กล่าวตอบออกไปด้วยความปิติ
หลังจากที่พิธีกรสาวมองสำรวจรอบๆแล้วก็กล่าวออกมาทันทีด้วยน้ำเสียงปกติเช่นเดิม
” เอาล่ะ เจ้าจะเลือกใครให้ขึ้นมาประลองกับใช้เป็นคนแรก ” พิธีกรสาวกล่าวถามแก่เอลฟ์ ด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ
ตอนนี้ทั้งสนามประลองต่างหวังให้เป็นตนเองทั้งนั้นขณะนั้นเองเอลฟ์ตนนั้นนางได้ชี้นิ้วมาที่ชายวัยกลางคนที่เคยกล่าวไว้ว่าจะเป็นคนสั่งสอนนาง..ส่วนชายวัยกลางคนที่เห็นเอลฟ์ตนนั้นชี้มาทางตนก็เกิดความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
” ฮ่าๆๆ!! ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะรนหาที่เช่นนี้แต่เอาเถอะ ข้าจะไม่ทำให้ใบหน้าสวยๆของเจ้าต้องเป็นรอย แค่เพียงจะเล่นกับเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฮ่าๆ ” ชายวัยกลางคนกล่าวออกมาอย่างขบขัน ราวกับว่ามันนั้นเป็นผู้ชนะแล้วก็ไม่ปาน แต่หารู้ไหมว่า การหัวเราะนั้นจะเป็นการหัวเราะครั้งสุดท้ายของมัน
ตอนนี้ทางด้านไป๋หลงได้แต่สงสัยว่า พิธีกรสาวกับเอลฟ์ตนนั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่ เพราะตนนั้นได้แอบสังเกตุพฤษติกรรม ของพิธีกรสาวในช่วงเวลาหนึ่ง จนอดแปลกใจไม่ได้ จึงกล่าวถามหลิงหลุนทันที
” หลิงหลุน เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้างเกี่ยวกับท่าทางของเอลฟ์ตนนั้นและพิธีกรสาวสวยคนนั้น ข้าว่าทั้งสองคงต้องมีความเกี่ยวข้องกันไม่มากก็น้อยเป็นแน่ ” ไป๋หลงกล่าวอธิบายแก่ หลิงหลุนผ่านโทรจิต เมื่อหลิงหลุนได้ยินผู้เป็นนายกล่าวถาม ก็ ตอบออกมาดวยความเคารพทันที
” เรียนนายท่าน ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่การ กระทำของพวกนางนั้นข้าก็ไม่แน่ใจ ” หลุงหลนกล่าวตอบแก่ไป๋หลง
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็เลิกสนใจและหันมามองดูการประลองที่กำลังจะเกิดขึ้น
” เอาล่ะ ท่านต้องการนำอาวุธขึ้นไปหรือไม่? ” พิธีกรสาวกล่าวถามชายวัยกลางคนที่กำลังจะขึ้นประลอง เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้นได้แต่ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งยโส
” หึ!! ไม่จำเป็นกะอีแค่เอลฟ์ ที่สภาพไม่เต็มร้อย อาวุธไม่จำเป็น แค่กระบวนท่าเดียว เอลฟ์ ตนนั้นจะตกเป็นของข้า ”
หลังจากชายวัยกลางคนกล่าวจบก็ขึ้นไปบนลานประลอง พิธีกรสาวได้แต่แสยะยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ตอนนี้คนในงานประมูลทั้งหมด ต่างจับจ้องอยู่ที่ลานประลองเป็นสายตาเดียว
” ข้าว่าเจ้านั้นต้องชนะแน่ๆ ชั่งโชคดียิ่งนักข้าล่ะ เสียดาย เฮ้อ… ” เสียงของคนที่นั่งดูอยู่กล่าวขึ้นด้วยความเหนื่อยหน่าย
” มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกนะพี่ชาย ” เสียงนี้ดึงดูดสายตาคนที่นั่งอยู่ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก เพราะคนที่กล่าวออกมา ใส่ฮู้ดเก่าๆ ที่ประมูลไข่มังกรไปในราคาสูงลิ่ว นั้นก็คือไป๋หลงนั้นเอง ที่กล่าวออกมาด้วยท่าทีเรียบๆ ราวกับไม่ได้สนใจการประลองตรงหน้า
” เจ้าแน่ใจได้อย่างไร?ไม่มีอะไรมารับประกันสักหน่อยว่าเอลฟ์นางนั้นจะชนะ ” เสียงนี้ก็คือเสียง คุณหนูตระกูลซาน ที่เผลอกล่าวออกมาด้วยความสงสัย เพราะอยากรู้ว่าทำไมไป๋หลงถึงคิดเช่นนั้น
เมื่อไป๋หลงได้ยินคุณหนูตระกูลซานที่นั่งใกล้ๆกล่าวถามก็กล่าวตอบออกมาทันที
” ข้า ขอทราบชื่อเจ้าได้หรือไม่ ข้าชื่อไป๋หลง ไม่ทราบว่าเจ้าชื่อ ” ไป๋หลงแนะนำตัวก่อนจะกล่าวถามคุณหนูตระกูลซานที่นั่งใกล้ๆกัน
” ข้าชื่อ ซานอี้ ” ซานอี้กล่าวบอกชื่อแก่ไป๋หลง ซานอี้หลังจากได้ยินชื่อไป๋หลงก็รู้สึกเหมือน เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
” ข้าถามอีกครั้งทำไมเจ้าคิดว่าเอลฟ์ตนนั้นจะชนะ ” ซานอี้ถามซ้ำอีกครั้ง
” คนที่ประมาทคู่ต่อสู้ก็เท่ากับตายไปแล้ว คนที่หลงในพลังของตัวเอง คิดว่าตนเองแข็งแกร่งอยู่เสมอ นั้นก็คือคนที่ตายไปแล้วในการต่อสู้ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบและแฝงไปด้วยความเย็นชาในคำพูด หลังจากซานอี้ได้ยินดังนั้นก็กล่าวตอบออกมาทันที
” แนวคิดของเจ้าน่าสนใจ ข้าจะรอดู ” ซานอี้กล่าวออกมาจบ ก็หันไปหน้าไปมองที่ลานประลองแล้วสังเกตุว่า สิ่งที่ไป๋หลงพูดออกมานั้นจริงแท้แค่ไหน
กลับมาที่ลานประลอง
ตอนนี้ชายวัยกลางคนนั้นได้มายืนอยู่ตรงหน้าของเอลฟ์ตนนั้นเรียบร้อย พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
” ข้าจะให้โอกาสเจ้ายอมแพ้ซะ ข้าไม่อยากทำให้ใบหน้าสวยๆของเจ้าต้องเป็นรอย ฮ่าๆๆ” หลังจากชายวัยกลางคนกล่าวจบ เอลฟ์ ตนนั้นก็นิ่งเงียบไม่กล่าวอไรออกมา เมื่อพิธีกรสาวเห็นเช่นนั้น ก็กล่าวเริ่มการประลองทันที
การประลองเริ่มได้!!
หลังจากพิธีกรสาวกล่าวเริ่มการประลอง เอลฟ์ตนนั้นก็ลุกขึ้นทันที พร้อมกับแสยะยิ้มที่เต็มไปด้วยความปิติ ทำให้ใครหลายๆคนถึงกับขนลุก
” เจ้าคงจะบ้าไปแล้วแน่ๆ หึ..ชั่งเถอะ ยังไงข้าก็สนใจแค่… ” ชายวัยกลางคนกล่าวไม่ทันจบก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาบีบคอของตนด้วยพละกำลังที่มหาศาล
” พูดมากซะจริงน่ะเจ้าทำให้ข้าสนุกกว่านี้หน่อยสิ ฮิฮิฮิ!!! ” เอลฟ์สาวตนนั้นกล่าวออกมาพลางหัวเราะทำให้คนที่เห็นตกตะลึงไปตามๆกัน
” อึก..นะ นี้เจ้าบัดซบ!! ” เสียงของชายวัยกลางคนกล่าวออกมาด้วยความเดือดดาลพลางกำลังพยามดิ้นรนเพื่อให้รอดพ้นจากสถาณการณ์ตอนนี้
” เห๋..เจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้น่ะ อาวุธก็ไม่ยอมนำขึ้นมา รับหมัดของข้าไปหน่อยก็แล้วกัน ” เอลฟ์ สาวตนนั้นง้างหมัดใส่พลังของตนเข้าไปแล้วปล่อยหมัดใส่หน้าของชายวัยกลางคน จนเกิดเสียงดังคล้ายกับเสียงระเบิดดังขึ้น
ตู้มม!!!
หลังจากกลุ่มควันหายไปก็ปรากฎชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่แต่สภาพไร้หัวทำให้คนที่มองดูอยู่ถึงกับแข็งค้างด้วยความตกตะลึง ใครจะคิดละว่า ชายวัยกลางคนคนนั้นจะโดนสังหารเพียงแค่หมัดอย่างเดียว
” อ้ะ..แย่ละสิสงสัยข้าใส่แรงเยอะไปหน่อยไม่คิดเลยว่ามนุษย์ จะบอบบางเช่นนี้ เฮ้ออ..”
เสียงของเอลฟ์ตนนั้นกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆราวกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
” นะ นี้มันถึงกับสังหารคนตายเลยรึปีศาจชัดๆ!! มันจะไม่มากไปหน่อยรึไง ” เสียงของคนที่เข้าร่วมประมูลด้วยกล่าวขึ้นด้วยความกล้าๆกลัว
เมื่อพิธีกรสาวเห็นเช่นนั้นก็กล่าวออกมาด้วยความเย็นชาทันที
” ก็ทางเราบอกไปชัดแล้วนี้ว่า ทางเราจะไม่รับประกันชีวิตของพวกท่าน ใครที่ไม่อยากก็เชิญออกไปได้เลย เพราะนี้คือ กฏ ”
หลังจากพิธีกรสาวอธิบายจบ ทั้งโรงประมูลก็ต่างเงียบสงัด ก่อนจะมีผู้คนทะยอยออกไปเรื่อยๆ เพราะ ใครเล่าอยากจะโดนเลือกโดยสัตว์ประหลาดหน้าสวยแบบนี้
” ข้าไม่ขออยู่ด้วยหรอก ใครอยากจะสู้กับปีศาจเช่นนี้กัน ”
” ใช่ๆ พวกเจ้าทุกคนมันบ้ามากที่ทำแบบนี้ ”
เสียงของที่ทะยอยกลับกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอ
” ข้าบอกเจ้าแล้ว ไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ” ไป๋หลงกล่าวบอกแก่ซานอี้
” ก็ตามที่เจ้าว่านั้นแหละ ว่าแต่เจ้าเถอะ ไม่ออกไปกับพวกนั้นด้วยรึ? ” ซานอี้กล่าวถามแก่ไป๋หลง
” ว่าแต่ข้าแล้วเจ้าล่ะซานอี้ทำไมไม่ออกไปกับคนพวกนั้นหละ ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่ซานอี้ ผู้ที่ติดตามซานอี้มาด้วยถึงจะไม่พอใจไป๋หลง แต่เมื่อนึกถึงตอนโดนจิตสังหารระดับนั้นทำให้มันไม่อยากหาเรื่องไป๋หลง
ขณะนั้นเอง ที่ทุกคนกำลังทะยอยกลับเสียงเอลฟ์ตนนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับชี้นิ้วมาที่ไป๋หลงที่กำลังพูดคุยกับซานอี้อยู่
ข้าเลือกเจ้า!!
เมื่อเอลฟ์ตนนั้นกล่าวจบ ทุกสายตาก็หันมามองไป๋หลง ไป๋หลงอดแปลกใจไม่ได้ทำไมเอลฟ์ตนนี้ต้องเลือกตน ก่อนไป๋หลงจะเอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง
ข้าเหรอ?
จบ…