เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่33 เหรียญตราแห่งราชันย์
ณ.ราชสำนักทวีปจรัสแสง
” เมื่อกี้มันเสียงอะไร ข้าสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลทางด้านทิศใต้ใกล้กับโรงประมูล ” เสียงขององค์จักรพรรดิถังหน่านเหิงกล่าวออกมาด้วยความตื่นตระหนก
” ข้าน้อยได้ส่งแม่ทัพเหมยซานไปตรวจสอบแล้วขอรับ อีกไม่นานเกินรอทางเราจะได้รับรายงานแน่นอนขอรับ!! ” เสียงของทหารนายหนึ่งที่ใส่เกราะสีทองเด่นสง่าราวกับเทพสงครามกล่าวบอกแก่องค์จักรพรรดิที่กำลังกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
” ออกไปได้แล้ว ได้ข่าวอะไรรีบแจ้งข้าทันที ” องค์จักรพรรดิกล่าวแก่ทหารนายนั้น
” ขอรับ ”
ทางฝั่งโรงประมูล
” นี้มันพลังอะไรกันถึงทำให้อักขระของโรงประมูลเสียหายได้เช่นนี้ ”
” ข้าเกรงว่าถ้าไม่อักขระที่ป้องกันความเสียหายภายในโรงประมูลได้ตายกันหมดแน่ ”
” เรื่องนั้นชั่งมันก่อน…ผลการต่อสู้ เป็นเช่นไร ”
ตอนนี้ผู้คนที่ยังหลงเหลืออยู่กำลังรอให้หมอกควัน ที่เกิดจากการปะทะกันของมหาวิชา จางหายไป ภายใต้กลุ่มควันนั้นมีร่างที่ยืนอยู่ในสภาพเสื้อผ้าที่ใส่ปกปิดนั้น ฉีกขาด แต่น่าแปลกส่วนที่ฉีกขาดนั้นเป็นเพียงฮู้ดที่ใส่ปกปิดใบหน้าเท่านั้นที่ฉีกขาด แต่เสื้อที่ใส่อยู่ไม่ได้เสียหายแม้แต่น้อย ทำให้เห็นถึงเสื้อผ้าชั้นดี ที่มีวิธีการทำเสื้อนี้ขึ้นมาต้องไม่ธรรมดา เสื้อปักด้วยเส้นด้ายสีทอง รูปพระจันร์และพระอาทิตย์ ทำให้ดูเด่นสะดุดตาเป็นอย่างมากบวกกับเส้นผมสีดำดวงตาสีแดงราวกับอัญมณี ซึงคนผู้นี้ก็คือไป๋หลงนั้นเอง เบื้องหน้าของไป๋หลงนั้นคือ เอลฟ์สาวที่นอนหมดสติอยู่ แต่ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
” เฮ้อ..เกือบไปแล้วไหมล่ะ ” ไป๋หลงบ่นออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย เพราะเมื่อกี้ไป๋หลงใช้ แอบเรียก หลิงหลุนออกมา แล้วพาหลบออกนอกพลังโจมตี ซึ่งเอลฟ์สาวนั้น หมดสติก่อนจะโดนหลิงหลุนช่วยไว้ ขณะนั้นเอง เอลฟ์สาวก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา
” นะ..นี้ข้าแพ้แล้วอย่างงั้นรึ ไม่มีทาง ” เอลฟ์สาวกล่าวพลางข่มน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมา
” ใช่เจ้าแพ้แล้ว ตาม สัณญาเจ้าจะต้องเป็นคนรับใช้ของข้า ” ไป๋หลงกล่าวพลางแอบอมยิ้มอย่างมีเลศนัย
” ได้ข้าเป็นคนรักษาสัณญา ข้าจะต้องหาคนที่สังหารพ่อและแม่ข้าให้ได้ ข้าสาบานด้วยชีวิต!! ฮือๆๆ ” เอลฟ์สาวกล่าวออกมาด้วยความหนักแน่น และร้องไห้ออกมา เมื่อไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็กล่าวออกมาทันที
” งั้นข้าจะช่วยเจ้าอีกแรงก็แล้วกันในเมื่อเจ้าเป็นของข้าแล้วนิ ฮ่าๆ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาพลางหัวเราะขบขัน ซึ่งเอลฟ์สาวเมื่อได้ยินไป๋หลงพูดเช่นนั้นก็หน้าแดงขึ้นทันทีซึ่งน่าแปลกที่ตนนั้นไม่รู้สึกโกรธไป๋หลงแม้แต่น้อยพร้อมหันมามองไป๋หลง เมื่อนางมองดูชัดๆ ก็ต้องตกตะลึงในความหล่อเหลา ผมสีดำยาวสลวย ดวงตาสีแดงราวกับสีเลือด ผิวที่เนียลดุจสตรี แต่ที่นางตกตะลึงมากกว่านั้นคือ..
“ผะ..ผู้เยาว์!! ?” เอลฟ์สาวกล่าวออกด้วยความตกตะลึง
” ข้าใช้วิชาที่ร้ายกาจที่สุดของข้าเพียงเพื่อ ล้ม ผู้เยาว์คนเดียวเนี้ยหนะ!! ”
” เรื่องนั้นชั่งมัน แล้วจะให้ข้าช่วยเจ้าหรือไม่ละ ” ไป๋หลงถามซ้ำอีกรอบ เอลฟ์สาวได้แต่ ตกตะลึงกับการที่เห็นรูปร่างของไป๋หลงนั้นอายุต้องไม่เกิน แปดปี เป็นแน่แท้
” นั้น ฝุ่นควันหายไปแล้ว ใครกันที่เป็นผู้ชนะ ”
” ไหนๆ ”
” อะ นั้นมัน… ”
เสียงคนที่เฝ้ามองดูผลที่เกิดขึ้น ภาพที่ ทุกคนนะที่นี้คือ เอลฟ์สาวได้นั่งคุกเข่าลงต่อหน้าไป๋หลง ซึ่งตอนนี้ไป๋หลงนั้นไม่ได้ใส่ฮู้ดปกปิดอีกต่อไปเพราะมันโดนทำลายจากการระเบิดพลังเมื่อครู่เป็นที่เรียบร้อยแล้วทำให้ผู้คนที่อยู่ที่นี้ต่างเห็นใบหน้าของไป๋หลงชัดเจน ก่อนที่ทุกครจะกล่าวออกมาพร้อมกัน
” ผะ..ผู้เยาว์อย่างงั้นรึ? ”
” บะ..บ้าน่า ไม่น่าเป็นไปได้ ”
” เจ้าก็ลองมองดูด้วยตาของเจ้าสิว่ามันคือความจริง เป็นคนจากตระกูลไหนกัน ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ดูจากเสื้อผ้าจะต้องไม่ใช่เสื้อผ้าธรรมดาๆแน่ ข้าสัมผัส พลังอ่อนๆที่แผ่ออกมาได้ หรือจะ คนของตระกูลใหญ่จากทวีปอื่น ” เสียงของผู้อาวุโสที่นั่งมองดูอยู่กล่าวขึ้น ตอนนี้ซานอี้ ที่ได้เห็นไป๋หลง ก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อพิธีกรสาวเห็นเช่นนั้นก็อดอมยิ้มไม่ได้เพราะตนนั้นแอบใช้อาวุธอักขระ แบบพิเศษ ในการเฝ้ามองหารต่อสู้ ทำให้เห็นเหตุการณ์เกือบทั้งหมด แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่มีอยู่ช่วงนึง อาวุธอักขระที่ตนใช้นั้นเกิดใช้ขึ้นมาไม่ได้ในตอนที่หลิงหลุนออกมา จึงทำให้ไม่รู้ว่าไป๋หลงนั้นมีสัตว์ระดับเทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ไว้ในครอบครอง เมื่อเห็นไป๋หลงกำลังเดินลงจากลานประลองพร้อมกับเอลฟ์สาวพิธีกรสาวก็ตรงไปที่ไป๋หลงทันที
” หนุ่มน้อยเจ้าชื่ออะไร? ” พิธีกรสาวกล่าวถามแก่ไป๋หลง เมื่อไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็กล่าวตอบตามมารยาททันที
” ข้าชื่อไป๋หลง ”
เมื่อพิธีกรสาว ได้ยินเช่นนั้นก็ประกาศชื่อผู้ชนะทันที
” ไป๋หลงคือผู้ชนะ!! ”
เสียงของพิธีกรสาวดังก้องไปทั่วโรงประมูล ก่อนจะมีเสียงโห่ร้องออกมาแสดงความยินดีกับไป๋หลง
เฮฮฮฮฮฮ!!!
” ข้ายินดีกับเจ้าด้วย นี้ไข่มังกรที่เจ้าประมูล ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะสนใจแค่ไข่มังธรรมดาๆแบบนี้ทำไม ” พิธีกรสาวกล่าวพลางนำไข่มังกรที่ไป๋หลงประมูลได้ออกมามอบให้ไป๋หลง เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ตอบออกมาแบบมีเลศนัยในทันที
” นั้นสิ…ใครจะไปรู้ละ รับนี้ไป ” ไป๋หลงกล่าวจบก็นำเงินออกมาจากแหวนมิติทันที เพื่อมอบให้แก่พิธีกรสาว
” ลองนับดูก็ได้ ” ไป๋หลงกล่าวบอกแก่ พิธีกรสาว เมื่อพิธีกรสาวได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตอบกลับมา
ขณะนั้นเองก็มีเสียงๆนึงดังขึ้นเป็นเสียงที่ทรงพลังและแฝงไปด้วยความเย็นชาเป็นอย่างมาก
” หยุดห้ามใครไปไหนทั้งนั้น ถ้าข้ายังไม่อณุญาติใครขัดขืนตาย!! ”
เมื่อคนที่เหลืออยู่ได้ยินถึงกับสั่นสะท้านไปทั่วร่างราวกับมีเข็มนับพันอยู่บนร่างกาย ไป๋หลงเมื่อได้ยินก็หันไปมองทางต้นเสียงก็พบกับชายร่างสูงใหญ่ ใส่เกราะสีเงินยรูปสิงโต และทหารอีกนับร้อยที่อยู่ด้านหลัง ขณะนั้นเองก็มีเสียงของคนในโรงประมูบที่เหลืออยู่กล่าวขึ้น ด้วยความหวาดผวา
” นะ..นั้นแม่ทัพเหมยซานผู้บ้าเลือด!! แห่งทิศใต้ ” เมื่อมีเสียงนึงดังขึ้นก็จะมีเสียงต่อๆไปตามมา
” อะไรนะ บัดซบซวยอะไรเช่นนี้ ”
” ข้าว่าเราอยู่เฉยๆเถอะ จะเป็นการดีกับตัวเอง ”
เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นและลอบสังเกตุพลังของชายใส่เกราะเงินก็คิ้วขมวดก่อนจะบึมพำออกมา ระดับจักรพรรดิขั้นที่7 แข็งแกร่ง ลำพังตอนนี้พลังยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ถ้าหากมาดีละก็ว่าไปอย่าง แต่ฟังจากน้ำเสียงข้าไม่ค่อยชอบใจเลย เมื่อไป๋หลงคิดได้เช่นนั้นก็กล่าวถาม พิธีกรสาวที่กำลังตกตะลึงไม่ต่างกัน
” นี้พี่สาว เขาคนนั้นคือผู้ใดกันเหตุใด ทุกคนที่นี้ล้วนเกรงกลัวเขา ” ไป๋หลงกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย แต่คำพูดที่ไป๋หลงถามมานั้นมีหรือ ระดับชนชั้น จักรพรรดิขั้นที่7 จะไม่ได้ยิน เมื่อแม่ทัพเหมยซานได้ยินสิ่งที่ไป๋หลงถามแก่พิธีกรสาวก็กล่าวออกมาทันที
” ข้าจะบอกให้ ข้าคือ เหมยซานแม่ทัพทิศใต้แต่คนส่วนใหญ่เขาชอบเรียกข้าว่าแม่ทัพบ้าเลือดเพราะข้าเวลาโกรธใครก็ห้ามไม่อยู่ ” เหมยซานกล่าวพลางสำรวจไป๋หลงแต่น่าแปลกที่ตนนั้นมิอาจตรวจดูพลังได้ของไป๋หลงได้ จึงคิดว่าไป๋หลงนั้นมีอุปกรณ์ ที่ป้องกันการตรวจสอบระดับพลัง
” อ้อ..เป็นเช่นนี้ นี้เองว่าแต่ข้าไปได้รึยัง ” ไป๋หลงกล่าวอยู่ขระอุ้มไข่มังกรไว้ในมือสร้างความดึงดูดแก่ทหารโดยรอบอย่างมาก ซึ่งแน่นอย เหมยซานนั้นไม่ใช่คนที่อยากได้ของใครที่มีเจ้าของอยู่แล้วแต่กับคนที่ติดตามมาด้วยนั้นไม่ใช่
” บังอาจ..ถ้าจะไปก็ทิ้งไข่มังกรใบนั้นไว้แล้วก็ใส่หัวไปซะ!!! ฮ่าๆ ” เสียงของทหารนายหนึ่ง ที่ติดตามเหมยซานมา ซึ่งขณะนั้นเองเหมยซานกำลังจะกล่าวห้ามก็มีเสียงๆนึงดังขึ้น
” เรื่องเจ้าสิ ข้าเป็นคนประมูลมาได้เหตุใดข้าต้องมอบให้กับคนชั่วช้าเช่นเจ้า ” ไป๋หลงกล่าว ออกมาด้วยความไม่ชอบใจ ซึ่งตอนนี้เอลฟ์สาวก็เป็นที่ดึงดูดสายตาของทหารที่ได้พบเห็นเช่นกัน
” ดูนางซิหน้าอกเข้ารูปแบบนั้น ถึงสภาพจะดูไม่ได้แต่ก็ยังงดงาม ถ้าข้าได้นางมาละก็ข้าจะขย้ำหน้าอกของนางและย้ำ… ” ทหารนายหนึ่งที่ติดตาม เหมยซานกล่าวไม่ทันจบก็เหมือนมีอะไรมาฟาดลงที่หัวจนรู้สึกชาและหน้ากระแทกกับพื้นในที่สุดไปในที่สุด
ตู้ม!!!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นสร้างความตกตะลึงกับคนที่ได้เห็นเป็นอย่างมากมากรวมถึง เหมยซาน เช่นกัน เอลฟ์สาวที่เห็นนายของตนทำเช่นนั้นก็รู้สึกใจเต้นแบบไม่เป็นจังหวะ ขณะนั้นเองไป๋หลงก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเย็นชาและเกรี้ยวกราด
พวกเจ้าที่นี่ทุกคนลองพูดแบบนั้นกับคนของข้าแบบนั้นอีกสักครั้งดูสิ ข้าจะไม่ปราณีพวกเจ้าแม้แต่คนเดียว!!!
เหมยซานที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกตกตะลึงในความเร็วที่ไป๋หลงแสดงออกมาเป็นอย่างมาก ถึงจะสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของไป๋หลงได้ทันแต่ก็ไม่อาจจะยื่นมือเข้าไปขวางได้ทันด้วยระยะความห่าง สิ่งที่ไป๋หลงทำเมื่อครู่สร้างความไม่พอใจให้กับเหล่าทหารเป็นอย่างมากราวกับโดนตบหน้าจังๆ ด้วยผู้เยาว์ที่อยู่ตรงหน้า
” บัดซบเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ข้าจะสั่งสอนเจ้า ”
” อย่าอวดดีให้มากเจ้าหนู เพียงเก่งนิดหน่อย อย่าเหิมเกริมให้มากนัก ”
เสียงทหารที่ติดตามเหมยซานกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ ไป๋หลงเพียงนิ่งเงียบไม่กล่าวตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น
” ข้าว่าพวกท่านใจเย็นก่อนดีหรือไม่ ” เสียงที่กล่าวออกมานี้ก็คือ ซานอี้ ที่อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้น
” แม่หนูน้อยตระกูลซาน ข้าว่าเราทำแบบนั้นไม่ได้เพราะ เราได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิ ให้มาตรวจสอบ บริเวณแถวนี้เพราะได้มีการระเบิดพลังระดับที่มหาศาลพวกข้าเลยต้องรีบมาเช่นนี้ อีกอย่างคนของข้าโดนทำร้ายถึงเพียงนั้นข้าจะต้องลงโทษเขาเล็กน้อย เพื่อที่จะเป็นเยี่ยงอย่างแก่คนที่อยู่ที่นี้ ” เหมยซานกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
ซานอี้ได้ยินเช่นนั้นก็เตรียมจะบอกกล่าวแก่ เหมยซานทันทีแต่ทันใดนั้นไป๋หลงก็กล่าวบางอย่างขึ้น สร้างความแปลกใจแก่ผู้คนที่ได้ยินเป็นอย่างมาก
” นี้ๆ เรื่องนี้เอาเป็นว่าข้าขอโทษก็แล้วกัน แต่คนของท่านมันปากปีจอเอง ที่มาพูดกับคนของข้าเช่นนี้ นี้ก็ใกล้จะค่ำแล้วเดี๋ยวข้าจะสายเอานะ เดี๋ยวงานเลี้ยงจะเริ่มซะก่อน ”
” อึก..บะ..บัดซบข้าจะฆ่าเจ้าเด็กเวรนั้น!! ” เสียงของทหารที่โดนไป๋หลงใช้กำังกายล้วนๆโดยไม่ได้ใส่พลังไปแม้แต่น้อย ไป๋หลงเองก็ไม่ได้แปลกใจเท่าใดนัก เพราะไม่ได้กะจะเอาให้ตายอยู่แล้ว เดี๋ยวมันจะน่ารำคาญ
” เห๋..ยังพูดแบบนั้นได้อีกครั้งต่อไปถ้าเจ้ากล้าพูดแบบนี้ให้ข้าได้ยินเจ้าตายแน่!! ” ไป๋หลงกล่าวออกมาแฝงไปด้วยความเย็นชา
เหมยซานที่กำลังขบคิดเรื่องที่ไป๋หลงนั้นกล่าวบอกไว้ว่างานเลี้ยง ตัวมันนั้นเริ่มจะรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย ก่อนจะกล่าวถามแก่ไป๋หลงด้วยความสงสัยและกังวล ถ้าเป็นอย่างที่มันคิดไว้ วันนี้ตัวมันนั้นจะต้องเจองานใหญแน่ๆ
” นี้ เจ้าบอกว่างานเลี้ยงใครเป็นคนเชิญเจ้า ” ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวตอบออกมาทันที ด้วยความไม่ใส่ใจ
” องค์จักรพรรดิเป็นคนเชิญข้าเข้าร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาทั้งโรงประมูลต่างตกอยู่ในความเงียบสงัด ตอนนี้เหมยซานนั้น หน้าซีดราวกับไร้โลหิต ขญะนั้นเองก็มีเสียงจากทหารนายหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความเดือดดาล
” เหลวไหลสิ้นดี บัดซบอย่ามาโกหก ”
” ใช่ๆ เป็นแค่เด็กริอาจมาโกหกพวกข้ามันเร็วไปเจ้าหนู ”
” ไหนหละหลักฐานข้าขอดูหน่อยสิ เจ้า คน โก หก ”
พวกทหารต่างด่าว่าไป๋หลงตอนนี้ เหมยซานแทบจะกลั้นความโกรธไว้ไม่อยู่ ไม่ใช่โกรธไป๋หลง แต่ โกรธทหารที่โง่เง่า ที่ติดตามมาด้วย ตัวมันนั้นกำจะกล่าวบางอย่างกับไป๋หลง ทันใดนั้นไป๋หลงก็กล่าวบางอย่างขึ้น
” หลักฐานงั้นรึ ใช่สิ่งนี้หรือไม่ ” ไป๋หลงกล่าวจบก็ รับหยิบเหรียญตราที่ได้จากองค์จักรพรรดิ ขึ้นมาทันที เป็นเหรียญตราสีทอง สลักรูปมังกรทองเอาไว้
เมื่อเหล่าทหารนับร้อย รวมถึงเหมยซาน ได้เห็นสิ่งนั้นหน้าซีดเผือกก็คุกเข่าลงทันที รวมถึงทุกคนในโรงประมูล ก่อนที่ทุกคนจะอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกตะลึง
เหรียญตราแห่งราชันย์!!!
จบ……