เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่35 สองประสานรวมเป็นหนึ่ง
” เจ้าบังคับข้าเองนะ!! ข้าไม่คิดเลยว่าจะต้องใช้พลังเพราะเรื่องแบบนี้ ท่านพ่อข้าขอโทษด้วย ” ไป๋หลงกล่าวจบก็ปลดปล่อยพลังออกมาปีกสีขาวกับสีดำกระพือขึ้นเกิดแรงลม มหาศาลที่เกิดจากการรวมตัวของพลังที่ไป๋หลงปลดปล่อยออกมา เอลฟ์สาวที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็โดนลมอัดกระแทก
ตึง!!
เอลฟ์สาวโดนอัดกระแทกเข้ากับผนัง จนสลบไปในที่สุดโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อไป๋หลงเห็นว่าเอลฟ์สาวสลบไปแล้วก็สลายปีกของตัวเองไปในทันทีก่อนจะเดินไปดูอาการของเอลฟ์สาว เมื่อเห็นว่าเอลฟ์ว่าเอลฟ์สาวสลบไปแล้วก็อุ้มอุ้มเอบฟ์สาว ขึ้นมา พาไปนอนไว้บนเตียง
” เฮ้อ…มันเรื่องบ้าอะไรกันเกือบไปแล้วไหมละ ตื่นขึ้นมาคงจะต้องรีดเค้นความจริงสักหน่อยแล้ว ว่าแต่ทำไมช่วงนี้ถึงรู้สึกว่าพลังในร่างมันมากกว่าทุกทีอีกไม่กี่วนก็จะถึงวันเกิดข้าแล้ว ท่านพ่อจะให้อะไรข้านะ…. ” ไป๋หลงกล่าวบ่นกับตัวเอง
” จริงสิ..งานเลี้ยงต้องรีบแล้ว” ไป๋หลงกล่าวจบก็รีบออกจากห้องในทันทีแล้วมุ่งตรงไปที่งานเลี้ยงทันที
ตอนนี้ในงานเลี้ยงนั้นมีพวกขุนนางพวกตระกูลใหญ่มากมายภายในห้องโถงแห่งนี้ อู้เฉียงได้แต่เดินหยิบอะไรกินไปทั่วจนไปชนกับขุนนางคนหนึ่ง
” นี้เจ้า..เดินไม่ดูทางรึยังไง อยากให้ข้าผู้นี้สั่งสอนงั้นรึ!! ” ขุนนางคนนั้นกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ เมื่ออู้เฉียงเห็ยนเช่นนั้นก็กล่าวขอโทษทันที
” ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่ระวังเอง ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกผิด
” หึ!!…. ” ขุนนางคนนั้นเพียงหัวเราะในลำคอแล้วก็เดินจากไป
” เฮ้อ เกือบมีปัญหาแล้วเชียวดีนะที่ข้าไม่มีนิสัยเหมื่อนไป๋หลงว่าแต่ตอนนี้เจ้าไป๋มันคงจะ…. ” อู้เฉียงกล่าวไม่ทันจบ ก็ โดนน้ำเสียงหนึ่งที่ฟังดูคุ้นเคยดังขึ้น
“คงจะอะไรนี้เจ้าคิดอะไร ข้าและเจ้ายังเด็กอยู่อีก ใครสอนให้เจ้าคิดเรื่องแบบนั้นกัน ”
” จะใครละข้าก็หาเอาเองนะ..เดี๋ยว !! ” อู้เฉียงกล่าวไม่ทันจบก็พุึ่งรู้สึกตัวจึงหันหลังกลับไปดูด้านหลังอย่างช้าๆ เมื่ออู้เฉียงเห็นไป๋หลงก็หน้าซีดในทันที
” โห๋..สหายข้านี้เป็นไอลามกโรคจิตสินะ..ข้าคิดผิดรึเปล่าที่มาเป็นสหายกับเจ้า ฮ่าๆๆ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขบขัน
” นี้เจ้าๆๆ….แล้วเอลฟ์คนนั้นหละ?” อู้เฉียงรีบเปลี่ยนเรื่องในทันที
” เรื่องนั้นชั่งมันเถอะ รีบๆหาอะไรกินข้าหิวจะตายอยู่แล้ว ” ไป๋หลงกล่าวจบก็ลากอู้เฉียงไปหาอะไรกินในทันที โดยที่ตอนนี้ทั่วทั้งงนต่างจับตามองไป๋หลงและอู้เฉียงด้วยความสงสัย
” นี้เจ้ารู้จักเด็กพวกนั้นหรือไม่ว่าเป็นคนจากตระกูลใดหรือขุนนางที่ไหน ”
” ข้าก็ไม่รู้หรอก แต่ดูจากหน้าตาของพวกเขาทั้งสองแล้วคงจะไมใช่เด็กสามัญชนเป็นแน่ ดูเด็กคนนั้น ดูจากเส้นผมสีดำเงาเรียวยาว ดวงตาสีแดงผิวเนียลราวกับสตรี ส่วนอีกคน ก็ให้ความรู้สึกแบบเดียวกับเด็กหนุ่มผมสีดำไม่ต่างกัน ” เสียงของผู้อาวุโสกล่าวขึ้นคนหนึ่งกล่าวอธิบาย
” เรื่องนั้นชั่งมันเถอะ…ท่านรู้หรือไม่ว่า คนที่เป็นผู้ถือครองสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ นั้นคือผู้ใดกัน ”
เสียงของขุนนางคนหนึ่งดังขึ้นถามด้วยความสงสัย ซึ่งขุนนางคนนี้นั้นเองที่กล่าวต่อว่าอู้เฉียง ไปเมื่อกี้
” เรื่องนั้นข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันไม่มีการระบุตัวตนที่แน่ชัด ข้าเองก็มีอาจทราบได้ ” ผู้อาวุโสกล่าวอธิบาย
” ถ้าท่านซึ่งเป็นถึงผู้ ที่ใกล้ชิดกับองค์จักรพรรดิยังไม่รู้คงไม่มีใครรู้อีกแล้วกระมัง ”
คนในงาต่างพูดคุยกันถึงผู้ถือครองสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นว่าเป็นผู้ใดกันที่มีความสามารถขนาดเรียกสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ ขณะนั้นเององค์จักรพรรดิก็เดินออกมายังห้องโถง
องค์จักรพรรดิเสด็จแล้ว!!
เมื่อมีคนเห็นองค์จักรพรรดิออกมาทุกคนก็ก้มลงเพื่อแสดงความนับถือแต่ ในงานเลี้ยงนั้นมีสองคนด้วยกันที่ไม่ได้สนใจกับการมาขององค์จักรพรรดิแม้แต่น้อย มัวแต่สนใจกับการกิน จนคนที่เห็นกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ
” บัดซบ!!..มันสองคนผู้นั้นเป็นใครถึงไม่ยอมก้มหัวให้ององค์จักรพรรดิ ข้าจะไปตัดหัวมัน ” เสียงของผู้ติดตามของผู้นำตระกูลคนหนึ่งกล่าวขึ้นพลางกำลังจะไปที่พวกไป๋หลงกำลังอยู่
” ไม่เป็นไร ” องค์จักรพรรดิกล่าวออกมาด้วยความไม่สนใจ
“แต่… ” ผู้ติดตามคนนั้นกำลังจะกล่าวอะไรออกมา แต่เดินจิตสังหารเข้ามากดทับร่างใทันที
” หุปปาก!!ได้แล้วอาเหลียง คำสั่งขององค์จักรพรรดิถือเป็นที่สุด ถ้าเจ้ายังพอมีสมองอยู่บ้างก็ควรจะรู้ว่าสองคนนั้นย่อมไม่ธรรมดาเพราะการที่องค์จักรพรรดิไม่ได้เอาความก็เห็นๆกันอยู่ ” เสียงของชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่เส้นผมสีน้ำตาลดวงตาสีเดียวกับเส้นผม ให้ความรู้สึกหลงไหล
” ข้าขออภัยท่านผู้นำ ” ชายที่ชื่ออาเหลียงกล่าวจบก็เดินออกจากงานพร้อมกับความแค้นใจในทันที เพราะเหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้มันเสียหน้าต่อผู้คนจำนวนมาก
เมื่อองค์จักรพรรดิเห็นเดินออกมาแล้วนั้นแต่คนที่เดินตามมาด้วยนั้นช่างหล่อเหลายิ่งนัก ดวงตาสีทอง เส้นผมสีเงิน ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จนสาวๆใงานต่างตาค้างกันทั้งงาน
” ชั่งหล่อเหลงยิ่งนัก ”
” ใช่ๆ ข้าไม่เคยเห็นใครหล่อเหลาเท่านี้มาก่อนในชีวิต ”
เสียงของสาวๆในงานต่างพูดกันยกยอ ทำให้หนุ่มๆในงานต่างพากันอิจฉาแต่ก็ต้องยอมรับว่าช่างหล่อเหลายิ่งนักหลายคนพยามแอบสำรวจระดับพลังแต่ไม่ไม่สามาธตรวจสอบได้แม้แต่คนเดียว องค์จักรพรรดิซึ่งเห็น…หวงหลง ออกมา ก็กังวลอยู่ไม่น้อย ตอนนี้หวงหลงได้เดินไปหาไป๋หลงและอู้เฉียงที่กินอาหารกันอย่างอร่อย โดยทางที่ หวงหลงเดินผ่านนั้นมีแต่ผู้คนหลีกทางให้ บางคนก็ไม่เข้าใจทำไมตนนั้นถึงต้องหลีกทางราวกับมีพลังบางอย่างที่ไม่สามาถมองเห็นได้มาบังคับ ให้หลีกทาง แต่มันเบาบางมากทำให้คนเหล่านั้นไม่ได้สงสัยเท่าไหร
” ไป๋หลง อู้เฉียงข้า มีเรื่องสำคัญอยากจะบอกพวกเจ้าทั้งสองตามข้ามา ” ไป๋หลงที่จำ รูปลักษณ์ ของ หวงหลงได้ ก็ตอบกลับรับคำในทันที
” ขอรับ ” ไป๋หลงและอู้เฉียงกล่าวตอบรับพร้อมกันก็เดินไปกับหวงหลงในทันที โดยไม่ได้ถามใดๆทั้งสิ้น
ไป๋หลงและอู้เฉียงเดินมาได้สักพัก หวงหลง ก็ ได้ยื่นมือไปข้างหน้า พร้อมกับมีประตูสีทองอร่ามปรากฏขึ้น เป็นรวดลายมังกรที่สวยงามเป็นอย่างมาก
” ตามข้ามา ” หวงหลง กล่าวจบ ก็เดินหายเข้าไป ไป๋หลงและอู้เฉียงนั้น ไม่รอช้ารีบเดินตามเข้าไปในทันที
ภายในนั้นตกแต่งไปด้วยทองคำเสาขนาดใหญ่ทำจากทองคำทั้งสิ้นภายในเป็นห้องกว้าง มีสิ่งของที่ดูแล้วมีค่าและหายากอยู่มากมาย ซึ่งของเหล่านี้ได้มาจากองค์จักรพรรดิทั้งสิ้น
” นั่งสิ…พวกเจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าต้องพาพวกเจ้าทั้งสองคนมาที่นี้และอีกอย่างทำไมคนทั่วทั้งยุทธภพถึงอยากได้ สัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกข้าไว้ในครองครอง ” หวงหลงกล่าวถามไป๋หลง และอู้เฉียง
” ข้าไม่ทราบ ขอรับ ”
“ข้าก็เช่นกัน ”
ไป๋หลงและอู้เฉียง กล่าวตอบออกกมา
” ข้าจะอธิบายให้ฟัง เพราะสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นเมื่อมีความผูกพันธ์กับผู้เป็นนายขนาดยอมตายแทนได้นั้น จะสามารถ ฝึกวิชา สองประสานรวมเป็นหนึ่ง ได้ วิชานี้หมายถึงการที่ผสานจิตวิณญาณของตัวเองเข้ากับสัตว์อสูรในพันธะสัณญาได้ จะก่อให้เกิดการวิวัฒนาการ ย่างเข้าใกล้กับระดับเทพ ซึ่งสัตว์อสูรทั่วไปนั้นสามารถทำได้เช่นกันแต่ระดับพลังจะต่างกันออกไปตามขั้นพลังและเผ่าพันธ์ ซึ่งแตกต่างจาก แบบ ข้า เพราะมันจะทำให็ได้พลังที่เหนือกว่าหลายเท่า แต่การที่จะทำได้นั้น ว่ากันว่า ไม่เคยมีใครเคยทำได้มาก่อน ”
หวงหลงกล่าวอธิบายเรื่องราวต่างๆให้กับไป๋หลงและอู้เฉียงฟัง มีทั้งเรื่องที่น่าตกตะลึง และ น่ากลัว เพียงแค่ไป๋หลงและอูเฉียงได้ฟังเรื่องเมื่อกี้ยังอดที่จะหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย
” เอ่อ..ท่าน หวงหลงข้ามีคำถาม ” อู้เฉียงกล่าวถามขึ้นมาด้วยความข้องใจ
” มีอันใดรึผู้ถือครอง ฟีนิกส์ เพลิงอมตะ ”
” ถ้าผู้ถือครองโดนสังหารตายสัตว์อสูรที่ทำพันธสัณญากับเราจะเป็นอย่างไร ”
” เรื่องนี้นั้น ข้าก็พอจะรู้อยู่บ้างถ้าเป็นสัตว์อสูรทั่วไป ก็จะคงอยู่ในร่างของเจ้านายของตนจนกว่าจะตายไปพร้อมกัน เพราะในเมื่อไม่มีพลังที่นายของตัวเองส่งมาให้ก็เท่ากับตายเท่านั้น หรือ เราสามารถนำมันออกมาได้ถ้ามันยินยอมซึ่งแตกต่างจากพวกข้า ”
” แตกต่างกันยังไงหรือท่านหวงหลง ” ไป๋หลงกล่าวถามด้วยความสงสัย
” เพราะสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ แบบพวกข้านั้นเมื่อผู้เป็นนายได้ตายลงไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่พวกเรานั้นจะไปจุติใหม่ ณ. ที่ห่างไกล ซึ่งข้าก็ไม่อาจทราบได้ ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ก็ถามเอาจากเจ้า ไป๋หู่ หรือ ไม่ก็ เจ้านกน้อยเอาก็แล้วกัน ”
” ใครเป็นนกน้อยห้ะ..เจ้าจิ้งเหลนปากเสียเดี๋ยวข้าจะเผาเจ้าเป็นจิ้งเหลนย่างเลยคอยดู”
เสียงของฟีนิกส์ ที่ต่อว่ากลับ หวงหลงด้วยความไม่พอใจ
” พวกท่านอย่าทะเลาะกันเป็นเด็กได้ไหม ?ทำตัวให้น่านับถือหน่อยสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ อย่างพวกท่าน เจอกันทุกครั้งต้องกัดกันทุกครั้งเลยรึไงกัน ไม่อายเด็กบ้างเหรอ ข้าละอยากจะบ้าตาย ”
ไป๋หลงกล่าวออกออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ เมื่อฟีนิกส์ได้ยินเช่นนั้น ก็เงียบลงในทัน หวงหลงก็เงียบลงเช่นกัน มีเพียง หลิงหลุนเท่านั้น ที่กลั้นหัวเราะอยู่ด้วยความชอบใจ
” เอาละ แล้วทำไม ท่าน หวงหลงถึง มาบอกเรื่องนี้กับพวกข้าละ ” เมื่อ หวงหลง ได้ยินเช่นนั้น ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังในทันที
” ที่ข้ามาบอกเพราะ ในตอนนี้พลังของท่านมีข้อจำกัดอยู่ ถึงท่านจะมีพลังมหาศาลก็ตาม แต่ก็แรกมาด้วยการที่ร่างกายบาดเจ็บ ไม่ต้องสงสัยว่าข้ารู้ได้ยังไง ถ้าเจ้ายังฝืน สู้แบบนี้ต่อไป ในภายภาคหน้า เจ้าจะต้องสิ้นท่าต่อศัตรูในอนาคตแน่นอน ส่วน เจ้า ผู้ถือครอง ฟีนิกส์ ถ้าเจ้ายังไม่ผ่านบททดสอบของนางเจ้าก็มิอาจ ยืนอยู่ เคียงข้าง สหายเจ้าได้ ”
ไป๋หลงและอู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็รู้ถึงข้อด้อยของตัวเองดี จึงเริ่มมีประกายไฟในการฝึก
” ข้าขอย้ำโดยเฉพาะเจ้าไป๋หลง อีกไม่กี่วัน ข้างหน้านี้ จะมี วิกฤตครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับเจ้า”
วิกฤต?
” ใช่แล้ว แต่ข้าสัมผัสได้ในพลังแห่งการหยั่งรู้ของข้า จงเตรียมตัวให้ดี เอาละพวกเจ้า ไปได้แล้ว ”
หวงหลงกล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนจะส่งไป๋หลงและอู้เฉียงออกมาข้างนอกห้องทองคำอร่ามแห่งนั้น ทิ้งไว้ให้ไป๋หลงและอู้เฉียงสงสัยในคำพูด ของ หวงหลง
จบ……..