เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่37 วิกฤติ 2
ภายในห้องสีทองตระกาลตาแห่งหนึ่งประดับไปด้วยอัญมณีมากมายแห่ง ในห้องนั้นมีบุรุษผู้หนึ่งซึ่งกำลังจิบชาพร้อมกับดวงตาสีทองคู่งามกำลังอ่านคำภีร์ก่อนคิ้วทั้งสองจะขมวดเข้าหากัน
” ใครกันที่บังอาจเข้ามาภายในราชสำนักโดยที่ข้าไม่อณุญาติ..ขอดูหน้ามันผู้นั้น
หน่อยเถอะ!! ” เสียงที่พูดออกมานั้นแฝงไปด้วยโทสะเล็กน้อย
” หืม? เผ่าอสูรมาทำอะไรที่นี้…ไม่ได้มีเจตนาร้ายสะด้วย มีเป้าหมายอันใดกัน.. ”
ไป๋หลงกำลังคุยอยู่กับซานอี้ทันใดนั้นก็เปิดความผิดปกติขึ้นภายในร่างกายของไป๋หลง..เหมือนมีบางอย่างกำลังจะระเบิดออกมา
” อึก!!…ทะ..ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนมีพลังมหาศาลกำลังประทุอยู่ในร่าง” ไป็หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง เมื่อซานอี้เห็นเช่นนั้นก็กล่าวถามด้วยความเป็นห่วงทันที
” ไป๋หลงเจ้าเป็นอะไร..หน้าของเจ้าดูซีดเซียวมากเจ้าเป็นอะไร? ”
ขณะซานอี้กำลังถามด้วยความเป็นห่วงนั้น ปรากฎชายชุดดำ4-5คน กำลังล้อมไป๋หลงอยู่เมื่อซานอี้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกแปลกใจทันที
” นายน้อย..ไม่มีเวลาแล้วรีบมากับพวกเราส่วนอู้เฉียงเราให้คนของเราพาเขากลับไปที่ป่าอสูรเช่นกัน ” ชายชุดดำกล่าวด้วยความรีบร้อน
” พวกท่านคือ.. ” ไป๋หลงกล่าวไม่ทันจบก็หมดสติไปในทันที
ขณะนั้นเองมีเสียงที่ทรงพลังดังขึ้น
” พวกเจ้าจะพาเขาไปไหน? ”
เมื่อเหล่าชายชุดดำทั้ง5คนเห็นดังนั้นก็ตกตะลึงในทันทีมันไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัวตนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้
” พวกเรากำลังจะพานายน้อย ไปที่ป่าอสูรเพราะตอนนี้นั้นพลังของนายน้อยที่เคยถูกผนึกไว้กำลังจะคลายออก ข้าอธิบายท่านได้เพียงเท่านี้… ” หนึ่งในชายชุดดำกล่าวขึ้น เมื่อหวงหลงได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าให้
” ข้าจะตามพวกเจ้าไปด้วย ” สิ้นเสียงของหวงหลงมันก็กลายเป็นแสงแล้วเข้าไปในตัวไป๋หลงทันที ชายชุดดำทั้ง5 ต่างไม่มีทางเลือก จึงต้องนำตัวไป๋หลงพร้อมกับหวงหลงที่ตามมาด้วยไป
ส่วนซานอี้นั้นกำลังสับสนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ไป๋หลงเป็นใคร? ผนึกพลังที่กำลังจะคลายออกคืออะไรกันแน่ ขณะนั้นหนึ่งในชายชุดดำกล่าวขึ้น
” แม่นางน้อย โปรดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย ” ชายชุดดำกล่าวจบไม่รอให้นางตอบใดๆทั้งสิ้น ก็หายไปในทันที
หวงหลงถามเกี่ยวกับความเป็นมาของไป๋หลงเพราะหวงหลงนั้นกำลังพยามที่จะคลายผนึกความทรงจำบางอย่างของไป๋หลงแต่ไม่เป็นผลเพราะพลังที่ขวางกั้นไว้ทำให้หวงหลงตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ไป๋หลงหมดสติอยู่แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันดังขึ้น
” โถ๋ๆๆ..ดูสิท่านมังกรทองผู้ยิ่งใหญ่ ไม่สามารถคลายพลังนั้นได้…ข้าจะบอกให้เท่าที่ข้ารู้นายท่านของข้าไม่ได้เป็นมนุษย์ขั้นต่ำ..หึ!! ”
หวงหลงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้มีความโกรธคืองแม้แต่น้อยแต่เต็มไปด้วยความสงสัย
” ข้าไม่ถามเจ้าหรอกไอแมวปากเสีย.. ” หวงหลงกล่าวยอกย้อนในทันที หลิงหลุนได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าบิดเบี้ยวแต่ไม่ได้เอ่ยอันใดขึ้น
ผ่านมา2ชั่วยาม ในที่สุดก็มาถึงป่าอสูร ตอนนี้ป่าอสูรนั้นเต็มไปความวุ่นวาย
” นี้ท่านเจอนายน้อยไป๋หลงแล้วหรือ? ” เสียงของสัตว์อสูรตนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วง
” อืม..ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้วอีกไม่กี่ชั่วยามจะถึงเที่ยงคืนแล้วถ้าถึงเที่ยงคืนก่อนค่ายกล สยบนภาเสร็จละก็…เรื่องใหญ่แน่ ”
เมื่อสัตว์อสูรตนนั้นได้ยินเช่นนั้นก็หลีกทางทันที
ตึง!! เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของไป๋หลงกำลังโดนอุ้มอยู่ในสภาพหมดสติ เมื่อไป๋หยางเห็นเช่นนั้นก็รีบวิ่งมาดูในทันที
” พวกเจ้าไปช่วยเหล่าผู้อาวุโส เตรียมค่ายกลนภาได้แล้ว ตาม อู้เฉียงกับอู้หยางมาด้วย ” ไป๋หยางกล่าวจบ พวกชายชุดดำเหล่านั้นก็หายไปในทันที ไป๋หยางเปลี่ยนสายตาเป็นแปลกใจทันที
” ออกมาได้แล้วข้ารู้เจ้าอยู่ในร่างของไป๋หลง1ในสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ มังกรทองหวงหลง!! ” ไป๋หยางสมารถสัมผัสถึงหวงหลงได้เพราะพลังของหวงหลงนั้นเป็นเอกลักษณ์ในด้านธาตุแสง ทำให้ ไป๋หยางที่เป็นธาตุ ปติปักษ์ กับธาตุแสงทำให้ไป๋หยางรู้ได้ทันที
” หืม?..สมแล้วที่เป็นเทพอสูรไป๋หยาง..เอาละมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเจ้าหนูนี้เป็นใคร ”
หวงหลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงใคร่รู้
” ข้าไม่สามารถบอกได้..ข้าเพียงบอกได้เพียงว่าไป๋หลงนั้นไม่ใช่ทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรอีกไม่นานเจ้าจะรู้ ”
ไป๋หยางกับหวงหลงคุยกันอยู่นั้นอู้เฉียงและอู้หยางผลักประตูเข้ามาทันที
” ไป๋หลงเป็นเช่นไรบ้างแล้ว..นี้มันเกิดอะไรขึ้น? ” อู้เฉียงกล่าวอย่างกระวนกระวาย อู้หยางก็อยากรู้เช่นเดียวกัน ทั้งสองรอฟังคำตอบทันใดนั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งโผล่ออกมาจากเงาของอู้เฉียง
” ท่านไป๋หยาง..ทุกอย่างพร้อมแล้ว ” ผู้อาวุโสคนนั้นกล่าวด้วยถ้าทีนอบน้อม
” อืม..ข้าจะพาไป๋หลงไปเดี๋ยวนี้ อู้เฉียง อู้หยาง เรื่องงนี้ข้าไว้จะอธิบายทีหลังแต่ตอนนี้ข้าต้องการพลังจากพวกเจ้า ”
อู้เฉียงและอู้หยางได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าทันทีเพราะพวกเขาทั้งสองไม่เคยเห็นไป๋หยางร้อนรนและกังวลถึงเพียงนี้
” เจ้าก็มาด้วย..พลังของเจ้าก็เป็นสิ่งจำเป็น ” ไป๋หยางหันไปพูดกับหวงหลง เมื่อหวงหลงได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า
ตอนนี้ลานกล้างที่เคยเป็นลานประลองมีเสาหินสีดำ6 เสาล้อมรอบสนามประลองแห่งนี้ พร้อมกับลวดลายอักขระต่างๆ ที่ดูแล้วให้ความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไป๋หยางนำร่างของไป๋หลง วางไว้ตรงกลางของเสาทั้ง6ต้นทันที
” ท่านไป๋หยางอีก10ลมหายใจจะเที่ยงคืนแล้ว!!.. ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวขึ้น ไป๋หยางได้ยินเช่นก็กล่าวออกมาด้วยเสียงที่ดังกังวาลเพื่อให้ทุกคนที่นี้ได้ยิน
เปิดค่ายกลสยบนภา เดี๋ยวนี้!!
สิ้นเสียงของไป๋หยาง เสาหินสีดำทั้ง6เปล่าแสงสีฟ้าขึ้นก่อนจะครอบคลุมหมดทั้งสนามประลองแห่งนี้ ทันใดนั้นเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง บริเวณสนามประลอง
ครืนๆๆ!!
” เกิดอะไรขึ้น..” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง ตอนนี้ร่างของไป๋หลงลอยขึ้นจากพื้นอยู่กลางอากาศ แสงสีขาวและสีดำประทุออกมาจากร่างของไป๋หลงพุ่งตรงไปยังท้องฟ้าทันที
แสงสีดาวและสีดำผสานกลมเกลียวกันก่อนจะปะทะกับม่านพลังอย่างจังจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ตู้มมมมม!!
ผ่านที่เห็นนั้นสร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าผู้อาวุโส เผ่าอสูรเป็นอย่างมากภาพที่เห็นคือม่านพลังเริ่มมีรอยร้าว แต่พลังทั้งสองสายนั้นมันยังไม่หยุด กลับกันมันทรงพลังมากยิ่งขึ้น
” บัดซบ!! พลังของค่ายกลยังอ่อนเกินไป..ทุกคฟังข้าถ่ายโอนพลังที่มีไปยังม่านพลัง..ถ้าคิดว่าไม่ไหวแล้วให้หยุดเพราะมันจะดึงพลังของพวกเจ้าเป็นจำนวนมากในการสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้กับม่านพลัง”
ไป๋หยางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล หลังจากทุกคนได้ยินเสียงของไป๋หยางทุกคนทำตามโดยไม่มีข้อกังขาใดๆทั้งสิ้นเพราะไป๋หยางนั้นถือเป็นคนที่นิสัยดีและไม่หลงระเริงในอำนาจ ทำให้สัตว์อสูรทุกตน ให้ความเคารพแก่ไป๋หยาง
ตอนนี้สัตว์อสูรทุกตนเอามือแตะค่ายกลและถ่ายพลังส่งไปในทันทีหวงหลงก๋ไม่เว้น ทันใดนั้นหวงหลง รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างเพราะพลังของตนนั้นถูกดึงดูดไปอย่างรวดเร็วตอนนี้สัตว์อสูรส่วนใหญ่สลบหรือไม่ก็กระอักเลือกออกมาแล้วเพราะเกือบจะโดนดึงพลังไปทั้งหมด ตอนนี้ไป๋หยางใบหน้าซีดเซียว ราวกับพลังใกล้จะสูญสิ้น
” นะ…นั้นมันอะไรกัน!! ปีก6 คู่ แถมสียังเป็นขาวและดำ ระดับพลังนี้มัน ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความตกตะลึง
อู้เฉียงตกตะลึงไม่แพ้กันเพราะปีกทั้ง6คู่นั้นงอกออกมาจากแผ่นหลังของไป๋หลงตอนนี้ไป๋หลงนั้นไร้สติมันสามารถรับรู้เรื่องราวภายนอกได้ ทันใดนั้นเสียงของฟีนิกช์ ดังขึ้น
” เจ้าสามารถช่วยสหายของเจ้าได้ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเขาจะต้องตายเพราะพลังของตัวเองเป็นแน่ แต่ข้าตอบแทนนั้น.. ” ฟีนิกช์ กล่าวไม่ทันจบอู้เฉียงก็กล่าวขึ้นมาทันที
” ข้าตกลงได้โปรดบอกวิธีมาด้วยถ้าข้ามาด้วยไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ได้หรือแม้แต่ชีวิตของข้า ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมัน ฟินิกช์ได้ยินเช่นนั้นก็อดจะชื่นชมและประหลาดใจไม่ได้
” ทำไมละเขามีค่ามากขนาดนั้นเลยรึ.. ” ฟีนิกส์กล่าวถามออกมา
” ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีข้าในวันนี้..อีกอย่างเขาคือสหายคนเดียวของข้า ”
ฟีนิกช์ได้ยินดังนั้นแอบยิ้มที่มุมปากถ้าอู้เฉียงได้เห็นนั้นรับรองว่าต้องประหลาดใจเป็นแน่แท้ แต่นี้เพียวคุยกันผ่านจิตสัมผัสเท่านั้นทำใหู้้เฉียงไม่สามารถเห็นหน้าของ ฟีนิกช์ได้
” เอาละข้าจะบอกวิธี..ขึ้นไปบนลานประลองนั้น แล้วข้าจะให้พลังที่สามารถช่วยสหายของเจ้าได้ ”
อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็ก้าวขึ้นไปบนลานประลองในทันทีซึ่งแน่นอนการจะฝ่าเข้าไปได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความช่วยเหลือของฟีนิกช์ ทำให้อู้เฉียงผ่านม่านพลังของค่ายกลเข้าไปได้
” เจ้าจะทำอะไร!! ”
ไป๋หยางกล่าวออกมาด้วยความตกตลึง เพราะไป๋หยางนั้นไม่คิดว่าจะมีคนฝ่าเข้าไปได้แต่นั้นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคืออู้เฉียงจะทำอะไร สัตว์อสูรทุกตน อู้หยาง แม้กระทั่งหวงหลงยังแปลกใจในการกระทำของอู้เฉียง
” ข้าจะช่วยเขาเอง ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
” เอาล่ะ ข้าจะถ่ายทอดวิชานี้ให้เจ้ารับไป… ” ฟีนิกช์กล่าวจบก็ถ่ายทอดวิชานี้ผ่านจิตสำนึกของอู้เฉียงในทันที อู้เฉียงสัมผัสถึงวิชาฟีนิกช์ ถ่ายทอดมาให้ได้ ก่อนเขาจะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
เพลิงสวรรค์หวนคืน!!
จบ..